“ชูศักดิ์” นำภาครัฐ-ภาคีเครือข่าย ประกาศเจตนารมณ์ “สู้ให้สุด หยุดการโกง”

เมืองทองธานี 9 ธ.ค.-“ชูศักดิ์” รมต.ประจำสำนักนายกฯ นำภาครัฐ-ภาคีเครือข่าย ประกาศเจตนารมณ์ รวมพลังไทย “สู้ให้สุด หยุดการโกง” ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ชี้ปัญหาการทุจริตของไทย ยังไม่ได้แก้ไขอย่างจริงจัง ส่งผลดัชนีการรับรู้การทุจริตคงที่ 35-36 คะแนน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตในงานวันต่อต้าน คอรัปชั่นสากล 9 ธ.ค. ภายใต้แนวคิด FIGHT AGAINST CORRUPTION “สู้ให้สุด หยุดการโกง“ โดย รัฐบาล ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมพลังคนไทยกว่า 3,000 คน แสดงออกถึงเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ ซึ่งมีการแสดงชุด “ฉ่อย สู้โกง” และการแสดงชุด “ลั่นกลองชัย ปลุกพลังไทยสู้หยุดโกง”


นายวิทยา กล่าวว่า ทุกคนปรารถนาให้ประเทศไทยปราศจากการทุจริตและไม่อยากให้การทุจริตเป็นปกติเพราะการทุจริตสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้นทุกคนควรรู้ถึงพิษภัยของการทุจริตและพร้อมต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศไทย

การจัดงานวันนี้ คือการประกาศเจตจำนงของผู้นำประเทศและผู้นำทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขและปราบปรามทุจริต และให้คนไทยและนานาชาติ เห็นถึงความมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทย เพื่อผลักดันระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (ค่าCPI) ให้สูงกว่าร้อยละ 50 ตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี


นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชันของประเทศไทยเป็นปัญหาสะสมมานาน ส่งผลเสียหายต่อประเทศ ทั้งด้านสังคม การเมือง นำไปสู่ปัญหาการขาดความเชื่อมั่นของนานาชาติ จากการศึกษาขององค์กรเพื่อความโปร่งใสของนานาชาติ ในปีที่ผ่านมาสะท้อนว่าปัญหาการทุจริตที่มีผลต่อประเทศไทย คือการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง การทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน การใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ต่อกัน การบังคับใช้กฎหมาย การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนรวมและผลประโยชน์ส่วนตน ความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตคอรัปชัน ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้การยอมรับ เพื่อวัดสถานการณ์การทุจริตในแต่ละระดับที่นักลงทุนนักธุรกิจหลายประเทศใช้ประเมินความน่าสนใจในการลงทุนของแต่ละประเทศ

“ผลการประเมินการรับรู้การทุจริตของประเทศไทยในระยะที่ผ่านมา อยู่ในระดับคงที่ มีคะแนน 35-36 คะแนนจาก 100 คะแนน แสดงให้เห็นถึงปัญหาการทุจริตในประเทศประเทศไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง” นายชูศักดิ์ กล่าว

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่ารัฐบาลจะยึดหลักนิติธรรม สร้างความโปร่งใส สร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยหลักนิติธรรมเข้มแข็ง ใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด สร้างรายได้และสร้างโอกาสแก่ประเทศแก่ประชาชน โปร่งใสเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ


“รัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ยึดประโยชน์ของประชาชนทุกภาคส่วนเป็นที่ตั้ง ผลักดันการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในเชิงระบบที่สำคัญ ผ่านการบูรณาการของทุกภาคส่วน” นายชูศักดิ์ กล่าว

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยผลักดันให้แนวทางแก้ไขปัญหาการทุจริตได้บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561-2580) และผลักดันให้มีการจัดทำแผนระดับรองเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง เนื่องจากการทุจริตส่งผลกระทบต่อการบริหารงานต่างๆ ของภาครัฐ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการพัฒนาประเทศ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกเพื่อให้บริการประชาชน เพื่อสร้างความโปร่งใสในการอนุมัติ การอนุญาต ลดปัญหาการทุจริต การเรียกรับสินบน โดยให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในขั้นตอนต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะในเรื่องการอนุมัติต่างๆ สร้างความโปร่งใสในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและประชาชนสามารถตรวจสอบได้ มีการเปิดเผยข้อมูลสู่ระบบดิจิทัล การเสริมสร้างให้กระบวนการยุติธรรม มีความอิสระ ปราศจากการแทรกแซง สร้างความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใสในระบบศาลยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการนิติบัญญัติและการบริหารจัดการ รวมทั้งการส่งเสริมระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม การสร้างความเชื่อมั่นในคดีทุจริตคอรัปชั่นที่สร้างความเสียหายหรือมีผลกระทบในวงกว้าง การรับมือกับปัญหาการเรียกรับสินบน การพัฒนาการแจ้งเบาะแสให้มีความหลากหลายเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย สามารถแจ้งภาษาได้ทันทีเมื่อพบเห็นการกระทำทุจริต ซึ่งการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นในภาครัฐจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังของภาครัฐภาคเอกชนและภาคประชาชน รวมถึงการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานการทุจริตที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม

“การจัดงานวันนี้มีเจตนารมณ์ มุ่งมั่นการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง และต่อเนื่องรวมถึงแสดงจุดยืนร่วมกันของคนไทยทุกภาคส่วน ที่จะไม่ทำ ไม่ทนและไม่เฉย ต่อการทุจริตต่อไป ในนามของรัฐบาล ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และทุ่มเท เสียสละในการแก้ไขปัญหาคอรัปชันอย่างจริงจัง” นายชูศักดิ์ กล่าว

จากนั้น นายชูศักดิ์ ได้นำผู้ร่วมงาน ประกาศเจตจำนงว่า จะปฏิบัติตามด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต ยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่กระทำการใดอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จะปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

เตือน “เหนือ-อีสาน” ฝนถล่ม ระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก

กทม. 28 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือน “เหนือ-อีสาน” เตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือบริเวณจังหวัดเชียงรายและน่าน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มน้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งสัญญาณรับมือฤดูน้ำหลาก

เชียงราย 27 มิ.ย. – ชาวบ้านอย่างน้อย 4,000 ครอบครัวใน 5 อำเภอของเชียงราย เดือดร้อนหนักจากน้ำท่วม หลังฝนตกทั้งคืน โดยเฉพาะ อ.พญาเม็งราย วัดปริมาณฝนได้กว่า 300 มิลลิเมตร น้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ล่าสุดแม้ระดับน้ำที่ท่วมหลายจุดเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้เตรียมรับมือฤดูน้ำหลากในปีนี้.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ คุยตรง “มาครง” หวังฝรั่งเศสประสานเอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” หารือ “ปธน.มาครง” ทางโทรศัพท์ กระชับความสัมพันธ์ ยันให้ความสำคัญกับบทบาทศูนย์กลางของอาเซียนรับมืออาชญากรรมข้ามชาติ-ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ย้ำ ไทยหนุนกลไกล JBC ทำงานเดินหน้าด้วยดี หวัง ฝรั่งเศส ประสานความร่วมมือ เอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 16.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีมาครง แสดงความยินดีที่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ยืนยันความตั้งใจที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไทย–ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์โดยเร็ว พร้อมแสดงความยินดีหากประธานาธิบดีมาครง จะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในห้วงที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (Organisation Internationale de la Francophonie : OIF) ที่กัมพูชาในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ รวมถึงเชิญเข้าร่วมการประชุม Paris Peace Forum ที่ฝรั่งเศส เช่นกัน […]

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]