ปทุมธานี 7 พ.ย.-“ภูมิธรรม” จวกอย่าจินตนาการ สัมปทานน้ำมัน พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เอื้อ “ชินวัตร-ฮุนเซน” หวั่นกระทบสัมพันธ์ ซัด “สมชัย” ใช้ภูมิความรู้ไม่เข้าใจถ่องแท้เรื่อง MOU 44 สนธิสัญญาเกาะกูด วิจารณ์นายกฯ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงการเตรียมลงพื้นที่เกาะกูด จังหวัดตราด วันที่ 9 พ.ย.นี้ ว่า เกาะกูดมีหน่วยกำลังของกองทัพเรือปฏิบัติหน้าที่อยู่ โดยมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ตนจะไปดูความเป็นอยู่และเยี่ยมเยียนกำลังพล เนื่องจากมีนโยบายที่จะไปตรวจเยี่ยมกำลังพลอยู่แล้ว อีกทั้งมีประเด็นเรื่องเกาะกูดเกิดขึ้นจึงใช้โอกาสนี้ลงพื้นที่ เพื่อไปดูสถานที่จริงว่ายังมั่นคงแข็งแรงหรือไม่ และการเดินทางครั้งนี้เพื่อจะเป็นเครื่องยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย เพราะกองกำลังทหารของเราก็อยู่ที่นั่นเพื่อทำหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของประเทศรวมถึงหน่วยราชการอื่นๆ ซึ่งเป็นมาอย่างยาวนาน อยากให้เข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นแผ่นดินไทยตามสนธิสัญญาที่ได้ทำไว้กับฝรั่งเศส และกัมพูชาก็ไม่เคยตั้งคำถามกับเราขอให้สบายใจได้
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลาย มีผู้เกี่ยวข้องเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ รัฐบาลที่เกี่ยวข้องหลายยุคหลายสมัยออกมาพูดชัดเจนแล้วเรื่องอธิปไตยบนเกาะกูดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนเพียงแต่การดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้เอ็มโอยู 2544 เป็นเครื่องมือเพื่อหาแนวทางสันติให้ได้ข้อตกลงไม่ใช้อาวุธเข้ากระทำต่อกัน
นอกจากนี้ เกาะกูดยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ต้องเข้าดูแลเพื่อไม่ให้การท่องเที่ยวสะดุด ให้ความมั่นใจนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศและให้ประชาชนในพื้นที่
นายภูมิธรรม ยังระบุถึงข้อสังเกตการให้สัมปทานพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ครอบครัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และครอบครัวสมเด็จ ฮุนเซน ว่า ที่ผ่านมาอยากให้เป็นบทเรียน เพราะพูดในเรื่องที่จินตนาการ ซึ่งยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร แต่มีส่วนที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อยากให้ฟังข้อมูลข้อเท็จจริงที่เป็นข้อเท็จจริงค่อยมาวิจารณ์ อย่ากลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองมาขับเคลื่อนและไปกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคง และความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ควรจะพูดให้อยู่บนพื้นฐานความเข้าใจ อย่างกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ที่ออกมาวิจารณ์ นายกฯ ถ้าไปดูจะเข้าใจว่า ในสนธิสัญญาเรื่องเกาะกูด และ MOU44 เป็นเรื่องที่ตกลงกันสองรัฐ ซึ่งมีวิทยานิพนธ์ได้พูดเรื่องนี้ชัดเจน สนธิสัญญาและ MOU มีความแตกต่างกัน การที่จะใช้ภูมิความรู้ของตัวเองอาจไม่มีความเข้าใจแล้วมาวิพากษ์วิจารณ์ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นไม่เป็นผลดีต่อประเทศทั้งหมด
“ปัจจุบันนี้กระแสทางโซเชียลลดลงแล้ว อยากให้คำนึงถึงข้อเท็จจริง รัฐบาลนี้ไม่ได้กลัวการวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์สอดรับกับความเป็นจริง และปัจจุบันนี้การดำเนินงานในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาลไทยกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็เป็นไปด้วยดี มีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่ในหลักการ ไม่เคยละเมิดหลักการที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ตรงนี้ไม่มีปัญหา” นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม คปท.ที่เดินทางไปพื้นที่เกาะกูด เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนนั้น เขาอาจจะเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นฐานที่เข้าใจผิดเมื่อข้อมูลข้อเท็จจริงปรากฏเชื่อว่าโดยวิญญูชนทั้งหลายควรจะเข้าใจได้ว่า หากไม่ใช่สิ่งที่เป็นประเด็น ก็ไม่ควรหยิบมาเป็นประเด็นเพราะกระทบความเชื่อมั่นของประเทศมากกว่า ก็หวังว่าเค้าจะเข้าใจและตัดสินใจบนพื้นฐานที่เหมาะสม.-313.-สำนักข่าวไทย