ศปช.ย้ำข่าวปลอม ฝนหนักต้นน้ำแม่สายจะท่วมซ้ำ

ทำเนียบ 4 พ.ย.-ศปช.ย้ำเฟคนิวส์ “ฝนหนักต้นน้ำแม่สาย..อาจท่วมซ้ำ” เข้าหน้าหนาวน้ำน้อยแล้ว แต่อาจมีฝนบ้างตามสภาพอากาศแปรปรวน ปภ.ยืนยันโอนเงินเยียวยาลอตใหญ่พุธนี้ผ่านพร้อมเพย์ ด้านภาคใต้ยังต้องเฝ้าระวังฝนหนัก 13 จังหวัด ด้านรัฐบาลไม่รอปัญหามาค่อยแก้ จัดประชุมวางแผนแก้ภัยแล้งตั้งแต่เนิ่น ๆ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนฉบับที่ 8 อากาศแปรปรวน ประเทศไทยตอนบน วันนี้ไปจนถึง วันพุธนี้ (4-6 พฤศจิกายน) โดยในภาคเหนือ อาจมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพและระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศแห้ง ลมแรง และยังต้องเฝ้าระวังฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง วันที่ 6-7 พฤศจิกายนนี้ ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูนและเชียงราย โดยเฉพาะที่ อ.แม่สาย จะไม่เกิดน้ำท่วมซ้ำรอยที่ผ่านมา


“มีข่าวลือว่า กระแสลมฝ่ายตะวันตกจะทำให้เกิดฝนตก บริเวณต้นน้ำและอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซ้ำอีกระลอก กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานต่อ ศปช. ว่า จากการติดตามแบบจำลองสภาพอากาศ พบว่าในช่วงนี้ลมตะวันตกยังมีอิทธิพลไม่มาก เนื่องจากยังมีความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุม ประกอบกับได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออก ลมตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่า โอกาสที่จะเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ต้นน้ำของอ.แม่สาย จ.เชียงราย มีโอกาสเกิดขึ้นได้บ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำในลุ่มน้ำต่างๆ แม้จะมีฝนกระจายตัวในพื้นที่ตอนบน แต่ไม่หนักถึงขั้นทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำแน่นอน”

ส่วนพายุโซนร้อน “หยินชิ่ง” คาดว่าวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้ จะมีทิศทางเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนบน จึงยังไม่มีผลกระทบกับประเทศไทยในขณะนี้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทิศทางยังมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนที่ ศปช. ยังคงเฝ้าระวังในระยะนี้ คือภาคใต้ ซึ่งจะยังมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันนี้ (4 พ.ย.67) ถึงวันพุธที่ 6 พ.ย.นี้ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ สงขลา พัทลุง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยยังต้องเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากที่ จ.ชุมพร อ.เมืองชุมพร อ.ทุ่งตะโก อ.ท่าแซะ อ.สวี อ.ปะทิวและอ.หลังสวน ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช อ.ชะอวด อ.ช้างกลาง อ.นาบอน อ.ฉวาง อ.ลานสกา อ.นบพิตำ อ.พิปูน และอ.ทุ่งสง ทั้งนี้ การเดินทางขึ้นล่องเส้นทางภาคใต้ในช่วงฝนตกต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน พร้อมติดตั้งป้ายเตือน เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่สัญจรไปมาแล้ว ส่วนการบริหารจัดการน้ำ ของ ศปช.ในภาคกลางนั้น กรมชลประทาน รายงานว่าได้ปรับลดการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทเช้าวันนี้ เหลือ 1,051 ลบ.ม./วินาที คาดว่าภายใน 3 วัน จะปรับการระบายน้ำเข้าสู่ภาวะปกติ หรือต่ำกว่า 700 ลบ.ม./วินาที


นายจิรายุ กล่าวว่าสำหรับ การจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ตามมติ ครม. วันที่ 17 ก.ย. 67 และ 8 ต.ค. 67 ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ได้ส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงินผ่านระบบ พร้อมเพย์ ให้ผู้ประสบอุทกภัยที่ยื่นคำร้องแล้ว 16 ครั้ง 188,413 ครัวเรือน เป็นเงินรวม 1,695,653,000 บาท และมีกำหนดโอนครั้งต่อไปให้ได้กว่า 3 หมื่นครัวเรือน ในวันพุธที่ 6 พ.ย.นี้

นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า นอกจากสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว ปัญหาภัยแล้งก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยวันนี้ (4 พ.ย.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/68 ที่ จ.นครราชสีมา โดยรัฐบาลเป็นห่วงสถานการณ์ภัยแล้งพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง จึงได้มอบหมายทุกหน่วยงานเร่งขับเคลื่อน 8 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ทั้งการสำรวจแหล่งน้ำต้นทุน จับตาพื้นที่เสี่ยงภัย กำชับแผนบริหารจัดการน้ำอ่างฯลำตะคอง เร่งหาแหล่งน้ำสำรองเพิ่มเติม บริหารจัดการน้ำในทุกมิติ โดยเฉพาะการอุปโภคบริโภค พร้อมเดินหน้าสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม

“เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินการเชิงป้องกัน ลดผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุดหรือไม่เกิดขึ้นเลย หากเกิดผลกระทบกับประชาชนต้องเร่งให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว พร้อมเร่งจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ ซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อเก็บกักน้ำให้มากขึ้น รวมถึงรณรงค์ให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เกษตรกรดำเนินการตามแผนเพาะปลูกพืชอย่างเคร่งครัด” นายจิรายุ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

สุดจึ้ง! ซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด รายได้ครึ่งล้านต่อเดือน

“คุณจารุวรรณ” วัย 78 ปี พร้อมครอบครัว ช่วยกันคิดค้นสูตรซาลาเปาแฟนซีเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง ส่งขายทั่วทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้า

เจ้าของคลินิกซิ่งชนไรเดอร์ตกสะพานเสียชีวิต

เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซิ่งเบนซ์ชนไรเดอร์หญิง ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิต วัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ก่อเหตุ สูงเกินกฎหมายกำหนด

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ข่าวแนะนำ

“ฟิล์ม” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “พยายามกรรโชกทรัพย์-หมิ่นประมาท”

มาตามนัด! “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ปมคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท “ดิไอคอนกรุ๊ป”

ผลสอบครูเบญ

ศธ.สรุปผลสอบปม “ครูเบญ” ยืนยันผิดพลาดในการตรวจ-ประกาศข้อสอบ

ศธ.สรุปผลสอบข้อเท็จจริงกรณี “ครูเบญ” ยืนยัน เกิดความผิดพลาดในการตรวจและประกาศข้อสอบ ส่งกระดาษคำตอบของครูเบญ และครูที่สอบได้ ให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจ ไม่พบการแก้ไขกระดาษคำตอบ ด้าน ศธ.เยียวยาให้ครูเบ็ญ แต่เจ้าตัวปฏิเสธ ขอกลับไปทำงานที่เดิม

ปล่อยลูกเรืองประมงไทย

“ภูมิธรรม” ย้ำปล่อย 4 ลูกเรือประมงไทยวันนี้-ไม่มีเงื่อนไข

“ภูมิธรรม” ย้ำปล่อย 4 ประมงไทยวันนี้ โดยไม่มีเงื่อนไข ล่าสุดนำตัวมาที่เกาะสองแล้ว เชื่อหลังจากนี้จะมีมาตรการป้องกันการรุกล้ำน่านน้ำของสองประเทศ