อาคารอนาคตใหม่ 4 พ.ย.- พรรคประชาชน อวดผลงานเป็น “ฝ่ายค้าน” 1 ปี เสนอ กม. 84 ฉบับ ตั้งเป้าทำงานผสมผสานได้ทั้ง “รุก-รับ” เตรียมซุ่มปิดสมัย เดินสายรณรงค์อีก 7 ชุด “ไอติม” ฮึกเหิม เราไม่ฮั้ว “เพื่อไทย” ยันไม่มีประเด็นไหน สังคมคาใจแล้วพรรคส้มไม่ตรวจสอบ เมินผลโพลคะแนนร่วง มองบวกเหมือน “เตะบอล” รอดูหลัง 90 นาทีดีกว่า
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน แถลงความคืบหน้าในการผลักดันกฎหมายของพรรคประชาชน ว่า พรรคประชาชนต้องการให้กฎหมายมีการปรับปรุงอยู่เสมอ เพื่อให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและเป็นประโยชน์ของประชาชน โดยผลงานของพรรคประชาชนตลอด 1 ปีกว่า พยายามวางบทบาทใหม่ของฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่จะผสมผสาน 2 บทบาท คือฝ่ายค้านเชิงรับ ที่ประชาชนคาดหวังในการตรวจสอบรัฐบาล ทั้งพรรคก้าวไกลรวมถึงพรรคประชาชนทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งเราพยายามใช้กลไกหลายอย่างทั้งการอภิปรายทั่วไปมาตรา 152 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาของ ครม.ในทุกๆเรื่อง , กลไกอภิปรายพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี ,กลไกกระทู้ถามสดทุกสัปดาห์ , กลไกกรรมาธิการ 3 วันทั้ง 35 คณะ พร้อมยืนยันบทบาทของฝ่ายค้านเชิงรุกจะเข้มข้นต่อไป
นายพริษฐ์ ระบุต่อว่า บทบาทฝ่ายค้านเชิงรับคือบทบาทที่จะนำทางรัฐบาลเน้นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม และเสนอแนะสิ่งที่รัฐบาลควรทำ ซึ่งในส่วนนี้คือการยื่นร่างแก้ไขกฎหมายที่เปรียบเสมือนกับการจะฉายภาพ พิมพ์เขียวของประเทศไทยในรูปแบบของพรรคประชาชนเป็นอย่างไร
โดยการเสนอกฎหมายเปลี่ยนประเทศเพื่อ 3 วัตถุประสงค์ คือ
- แก้ไขกฎหมายเพื่อประชาชน หากทำได้จริงก็เหมือนเป็นการทำ ตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งในการแก้ไขกฎหมายก็ต้องอาศัยเสียง สส.ในสภา ที่จำเป็นจะต้องโน้มน้าวให้สส.ของฝั่งรัฐบาลเห็นตรงกับการแก้ไขกฎหมายของเรา
- การกำหนดวาระของรัฐบาล ไม่ว่าการเสนอกฎหมายจะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายได้หรือไม่แต่การเสนอกฎหมายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลต้องคุยและหาทางออก ให้เห็นว่าสิ่งที่เราเสนอมีความสำคัญ และประเด็นดังกล่าวสมควรได้รับการแก้ไขอย่างไร จนทำให้รัฐบาลยื่นกฎหมายมาประกบ แม้เนื้อหาอาจจะไม่ตรงกับทำวัตถุประสงค์ของพรรคประชานก็ตาม
- การทำงานเชิงความคิดต่อสังคม เพื่อทำให้ประชาชนทราบถึง ประโยชน์ได้ทำความเข้าใจว่าเรามีความมุ่งมั่นที่จะลงลึกในรายละเอียดที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ และหากสนับสนุนวาระที่เราเสนอนั้นจะทำให้ประชาชนไว้วางใจ กับเรามากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งถัดไป
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พรรคประชาชนได้เสนอร่างกฎหมายเข้าสภาไปแล้ว 84 ฉบับ มีร่างที่ผ่านวาระ 1 ไปแล้ว 25 ฉบับ ผ่านความเห็นชอบ 3 วาระแล้ว 5 ร่าง เช่น สมรสเท่าเทียม กฎหมายไม่ตีเด็ก เป็นต้น ร่างกฎหมายที่ปัจจุบัยอยู่ในชั้นกรรมาธิการ หรือผ่านวาระ 1 มาแล้ว เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด , พ.ร.บ.ขนส่งทางราง เป็นต้น ส่าวนร่างกฎหมายที่สภาฯไม่รับหลักการ เช่น สุราก้าวหน้า กระจายอำนาจขนส่ง เป็นต้น ส่วนสภายังไม่ได้ลงมติในวาระ1 มีจำนวน 59 ฉบับ
ดังนั้น ช่วงปิดสมัยประชุม เราจะผลักดันกฎหมาย และรณรงค์เดินสายทั่วประเทศ 7 ชุด ประกอบด้วย 2 เปิด 1.เปิดโอกาสแข่งขันทางการค้าโดยมีการยื่นร่างพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า 2.เปิดโปงการทุจริต พร้อมยกตัวอย่างร่างกฎหมายที่จะเสนอ ได้แก่ พ.ร.บ.ข้อมูลสาธารณะ และแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในเรื่องของสิทธิมนุษยชน , 2 ปลดล็อค กฎหมายที่จะเสนอปลดล็อคที่ดิน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ดิน , พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ,พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ , พ.ร.บ.สงวน-คุ้มครองสัตว์ และกฎหมายปลดล็อคการท่องเที่ยว ทั้ง พ.ร.บ.โรงแรม ,พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร , 2 ปฏิรูป ที่จะเสนอปฏิรูปกองทัพ ในกฎหมาย พ.ร.บ.ระเบียบราชการกลาโหม , พ.ร.บ.ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ,พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ,พ.ร.บ.ฉุกเฉิน , ร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเกณฑ์ทหาร , ร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับพ.ร.ป.ศาลทหาร , ปฏิรูปการศึกษา เสนอกฎหมายพ.ร.บ.การศึกษา , ร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเรียนฟรี 15 ปี และ1 ปกป้อง คือการเสนอกฎหมายปกป้องสิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.โลกรวน , พ.ร.บขยะพรบ PRTR เกี่ยวกับมลพิษ , พ.ร.บ.รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
นายพริษฐ์ ยังกล่าวว่า การผลักดันกฎหมายของพรรคประชาชนถือเป็นกลไกสำคัญในการทำงานในสภาของพรรคในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกที่ไม่เพียงแค่ตรวจสอบรัฐบาลแต่จะเดินหน้าในการนำทางและเสนอแนะรัฐบาลผ่านการเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย
“เราเข้าใจดีในเชิงคณิตศาสตร์เสียงของ สส.พรรคประชาชนที่มีเพียงน้อยนิดก็ไม่เพียงพอในการผ่านความเห็นชอบกฎหมายในสภาได้ จึงพยายามที่จะทำงานร่วมระดมทำความคิดกับพรรคซีกรัฐบาล เพื่อให้ร่างกฎหมายของพรรคประชาชนผ่านความเห็นชอบของสภาไปได้ เพราะมีความเชื่อมั่นมั่นใจในกฎหมายที่เราเสนอนั้น เป็นจุดยืนที่เป็นประโยชน์กับประชาชนสามารถแก้ปัญหากับประเทศได้ภารกิจของเราไม่ใช่การเปลี่ยนจุดยืนแต่คือการเปลี่ยนใจคนทั้งในและนอกสภาที่มีความสำคัญยิ่งเราอธิบายต่อสังคมเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวก็จะทำให้การสนับสนุนในสภามีโอกาสมากขึ้นเพราะเสียงประชาชนที่ดังเข้ามาในสภาก็อาจจะมีผลกระทบต่อท่าทีของสส.ในสภาด้วยเช่นกัน” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ ยังกล่าวว่า การรณรงค์เป็นไปในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในพรรคก็มีสส.ที่ผลักดันในกฎหมายที่ตนเองสนใจ และจะเน้นการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในวงกว้างว่ากฎหมายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร ส่วนการประเมินผลงานฝ่ายค้านในสภานั้น ตนมองว่าคนที่ให้คะแนนเราได้ดีที่สุดคือประชาชน
เมื่อถามว่ากฎหมายที่ผ่านสภาส่วนใหญ่ เป็นกฎหมายที่พรรครัฐบาลเห็นด้วย หากเป็นเช่นนั้นจะนับว่าเป็นผลงานของฝ่ายค้านหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า แน่นอนว่าพอเราเป็นฝ่ายค้าน เราเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง การที่จะโหวตเห็นชอบ ต้องมีเสียงของ สส.รัฐบาลโหวตเห็นชอบด้วย ตนไม่ได้มีความกังวลใจว่าจะเป็นภาพจำว่าเป็นผลงานของรัฐบาล เราต้องย้อนกลับมาว่าพรรคก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น หากการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงสมัยที่พรรคประชาชนไม่เป็นรัฐบาล ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องรอให้พรรคประชาชนเป็นรัฐบาลก็สามารถพยายามผลักดันและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงผลโพลที่พรรคประชาชนกระแสลด มีนัยสำคัญอย่างไร และจะแก้ปัญหาอย่างไร ว่า ผลโพลทุกสำนักก็เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องดูรายละเอียดว่าเป็นผลโพลของสำนักไหน วิธีการถามเป็นอย่างไร ถามกับใคร เป็นต้น แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นประโยชน์ ท้ายที่สุดผลงานของเราประชาชนจะพิพากษาอย่างไรมันไปจบที่การเลือกตั้งครั้งถัดไป เหมือนเกมฟุตบอล เราสามารถปรับเปลี่ยนไประหว่างแข่งขันได้ แต่ท้ายที่สุดคือคะแนนต้องจบ 90 นาที
ส่วนการทำงานของฝ่ายค้านที่ยังไปไม่สุด ค้านรัฐบาลไม่จริงในประเด็นสำคัญ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เราในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านใช้กลไกสภาอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบรัฐบาลทุกเรื่องที่สังคมคาใจ
“ผมคิดว่าไม่มีประเด็นไหนที่สังคมคาใจแล้วพรรคประชาชนไม่พยายามทำหน้าที่ในการตรวจสอบหรือตั้งคำถามกับรัฐบาล เรื่องของข้อเท็จจริง ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าสมัยก่อนพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ณ เวลานั้นเคยอยู่ในซีกฝ่ายค้านร่วมกัน แต่ผมคิดว่าตั้งแต่หลังการตั้งรัฐบาลในปี 2566 เราอยู่คนละขั้วกัน เราก็ทำงานอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบ ไม่ได้มีการฮั้วกัน ไม่มีการอ่อนข้ออะไรแน่นอน และอีก 2 ข้างหน้าก็ยิ่งตอกย้ำในทิศทางดังกล่าว” นายพริษฐ์กล่าว.-312 -สำนักข่าวไทย