ไทย-อินเดีย ​เดินหน้าความร่วมมือ​

อินเดีย​3 พ.ย.- ไทย-อินเดีย ​เดินหน้าความร่วมมือ​ภายใต้กรอบ Bimstec-ทางทหาร​-แก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ฟื้นความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-คงคา​ หวังขับเคลื่อนบทบาทประเทศกำลังพัฒนา

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับนายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดียเมื่อวันที่2 พ.ย. 2567ว่า ได้มีการหารือกันใน 3 ประเด็นหลัก คือความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทย-อินเดีย ซึ่งได้มีการหารือกันเกี่ยวกับความพยายามในการผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมการทหารร่วมกัน โดยทราบว่าขณะนี้ทางอินเดียมีความร่วมมือกับแอร์บัสในการผลิตเครื่องบินขนาดเล็ก นายสุพรหมณยัมยินดีที่ไทยให้ความสนใจที่จะร่วมเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมทางทหาร โดยในครั้งนี้ได้ตกลงกันว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการระบุตัวบุคคลที่จะเป็นผู้ทำการติดต่อของแต่ละฝ่าย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องได้พบปะกันทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐและภาคเอกชน และจะมีการนำผู้แทนของบริษัทเหล่านี้เดินทางมาอินเดียเพื่อพูดคุยปรึกษาถึงความเป็นไปได้ว่าจะมีความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมทหารในสาขาใด ขณะนี้อินเดียมีการพัฒนาอากาศยานขนาดเล็ก รถหุ้มเกราะ และรถถัง ซึ่งความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันมากขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมด้านความมั่นคงและทางทหารซึ่งมีความสำคัญสำหรับโลกอนาคต


นายมาริษกล่าวว่า อีกประเด็นที่ได้มีการพูดคุยกันคือเรื่องที่ไทยและอินเดียจะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้กรอบBIMSTEC ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการแสดงบทบาทนำของไทยร่วมกับประเทศต่างๆ รวมถึงกลุ่มที่ไทยเป็นสมาชิกเพื่อขับเคลื่อนบทบาทของประเทศกำลังพัฒนา อินเดียและไทยถือว่ามีศักยภาพในฐานะประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ เพื่อแสดงบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศกำลังพัฒนาให้ไปได้ และยังสามารถร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนประเทศในBIMSTECได้เป็นอย่างดี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระบุเพิ่มเติมว่า ยังได้มีการหารือในเรื่องที่เคยพูดคุยกันระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศBIMSTECอย่างไม่เป็นทางการในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงใน 3 ด้าน เรื่องแรกคือความมั่นคงด้านอาหารซึ่งไทยและอินเดียสามารถขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อให้BIMSTECได้รับการรับรองความมั่นคงด้านอาหารใน 2 ประเด็น ประการแรกคือเรื่องธัญพืช เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างผลิตธัญพืชและเพาะปลูกข้าว ประการที่สองคือการพัฒนาเรื่องประมงร่วมกันในสมาชิกBIMSTEC เพราะไทยและอินเดียมีองค์ความรู้เรื่องการทำประมงทั้งการทำประมงชายฝั่งและการทำประมงน้ำลึก ขณะที่ประเทศในเอเชียใต้มีทรัพยากรทางทะเลที่มีศักยภาพเป็นจำนวนมาก แต่แนวทางการทำประมงอาจยังไม่สอดคล้องกับจำนวนทรัพยากรที่มีอยู่ องค์ความรู้ที่ทั้งสองประเทศมีจะสามารถช่วยกันนำไปพัฒนาเพื่อนำไปสู่การเติบโตขอBIMSTECร่วมกัน


นายมาริษ​ กล่าวอีกว่า​ สำหรับความมั่นคงประการที่สองคือเรื่องพลังงาน ไทยและอินเดียสามารถสนับสนุนเกื้อกูลกันในการทำวิจัยเกี่ยวกับพลังงานพลังงานทางเลือก เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของทั้งสองประเทศเพียงพอที่จะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศสมาชิกบิมสเทคได้เป็นอย่างดี​และความมั่นคงประการที่สามคือความมั่นคงของมนุษยชาติ ซึ่งนายสุพรหมณยัมสนับสนุนความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับโรคเขตร้อน เพราะไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพและเรามีศูนย์เวชศาสตร์เขตร้อน ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ได้เริ่มขึ้นจากศูนย์ แต่จะเป็นการขยายความร่วมมือและต่อยอดในสิ่งที่มีเกี่ยวกับเรื่องโรคเขตร้อนได้เป็นอย่างดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียเห็นพ้องว่าทั้งสองประเทศสามารถพัฒนาองค์ความรู้ในเรื่องโรคเขตร้อนและยังแนะนำว่าควรขยายความร่วมมือเรื่องเทคโนโลยีและความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไปสู่ความร่วมมือด้านธุรกิจ การวิจัย ยา และวัคซีน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับมนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสมาชิกBIMSTEC ขณะที่อินเดียมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนและยา ความรู้ที่ทั้งสองประเทศจะร่วมกันพัฒนาสามารถนำไปใช้ได้กับผู้ประกอบการในทั้งสองประเทศ และทำการตลาดปลายน้ำให้ประชาชน 2,000 ล้านคนในเอเชียใต้ได้อีกด้วย

นายมาริษกล่าวว่า ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับผลกระทบจากไต้ฝุ่นชางงีที่ทำให้เกิดน้ำท่วมภาคเหนือทั้งของไทย ลาว และเมียนมา ขณะนี้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ต้องการพัฒนาความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงทั้ง 5 ประเทศ ประกอบด้วยไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม โดยจะทำงานร่วมกับประเทศหุ้นส่วนอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รวมถึงกรอบแม่โขง-ล้านช้าง และจะพยายามให้ประเทศหุ้นส่วนเหล่านี้มาทำงานร่วมกับเราในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับน้ำทั้งสองด้านคือน้ำแล้งและน้ำท่วม เพื่อไม่ให้เกิดอุทกภัยในหน้าฝน ซึ่งเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่มีการเตือนภัย มีความร่วมมือเกี่ยวกับปริมาณน้ำ การวางโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น แม้ว่าอาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การนำเทคโนโลยีที่มีเข้ามาช่วยก็น่าจะช่วยลดผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายมาริษกล่าวด้วยว่า ยังได้หยิบยกความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-คงคา ซึ่งได้ว่างจากการพบปะกันมานานพอสมควรมาหารือ และแสดงความตั้งใจว่าจะรื้อฟื้นความร่วมมือดังกล่าวขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากนายสุพรหมณยัมเป็นอย่างดี อินเดียเป็นประเทศใหญ่ มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการน้ำและประสบปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วมเช่นกัน ดังนั้นองค์ความรู้ที่เราพัฒนาร่วมกันจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศและยังเป็นองค์ความรู้ที่ทั้งสองประเทศจะช่วยนำไปแก้ไขปัญหาให้กับประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ ทั้งยังเป็นประโยชน์กับประเทศที่เป็นหุ้นส่วนด้านการพัฒนาร่วมกันอีกด้วย


นายมาริษ​ กล่าวว่า​ประเทศไทยยังมีความร่วมมือที่ดีกับสถาบันแม่น้ำโขงซึ่งตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการศึกษาและมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ซึ่งมีองค์ความรู้และมีศักยภาพอย่างมากในการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำด้วยเช่นกัน​ ซึ่งการหารือระหว่างกันเป็นการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาและมีความเห็นสอดคล้องกันอย่างชัดเจนในทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าว โดยนายสุพรหมณยัม ซึ่งจะเดินทางไปประเทศออสเตรเลียยังรับปากที่จะไปหารือกับออสเตรเลียในเรื่องดังกล่าวอีกด้วย.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้โดยสารรถทัวร์สยอง นั่งร่วมกับศพจากโคราชถึงลำปาง

ลำปาง 17 มิ.ย. – ไม่รู้นั่งมากับศพทั้งคืน ผู้โดยสารรถทัวร์สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ ถึงขนส่งลำปาง ผวาทั้งคัน หลังรถเข้าจอดชานชาลาพบหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้นพบขามีรอยช้ำ เลือดไหล แพทย์คาดเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ช่วง 05.30 น. วานนี้ (16 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างลำปาง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสาร สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง ผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 38 ปี ชาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง นั่งมากับรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ชั้น 2 ฝั่งซ้ายโซนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งเดียว ขึ้นรถต้นทางจาก จ.นครราชสีมา ปลายทาง จ.ลำปาง โดยรถเข้าจอดที่ชานชาลา เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ได้เชิญผู้โดยสารทั้งหมดลงมาจากรถ จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมชันสูตรศพ ทำเอาผู้โดยสารที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งด้านหน้าและหลัง ถึงกับสยอง […]

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย

ครูสาวเขียนจดหมายระบายความอัดอั้น ก่อนคิดสั้น-ศธ.สั่งสอบข้อเท็จจริง

บุรีรัมย์ 17 มิ.ย. – ครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ เขียนจดหมายระบายความอัดอั้น “งานครูหนักและเครียดมากจนทนไม่ไหว” ก่อนตัดสินใจคิดสั้น ด้าน ศธ. สั่งสอบข้อเท็จจริง ยอมรับครูรับภาระหนัก ตำรวจพร้อมกู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบร่างของครูมัท วัย 39 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ โดยครูตัดสินใจลาโลกด้วยตัวเอง ข้างร่างของครูมีจดหมายลาที่เขียนถึง 5 หน้ากระดาษ หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า “จดหมายส่วนตัวถึงครอบครัวของฉัน” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหน้าที่ 1-4 ผู้ตายเขียนถึงพี่สาวซึ่งเป็นข้าราชการครู ลูกสาววัย 10 ขวบ และพ่อแม่ ส่วนหน้าที่ 5 เขียนถึงการทำงาน ถึงสาเหตุที่ลาโลกใบนี้ เพราะไม่สบายกายและไม่สบายใจ มีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งพอกพูนจนแก้ไขได้ยาก ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะครูมัทเพียงคนเดียว เกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน ทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อนเคลียร์เอกสารทีหลัง สุดท้ายนิ่งเฉย ไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเองจนหัวจะระเบิด เป็นไมเกรนแทบทุกวัน […]

สาวโพสต์ถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดัง

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – สาวโพสต์ถูกไฟตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดังดูดมือ ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน ทำงานไม่ได้ กินข้าวไม่ได้ ชีวิตพัง ห้างโยนภาระให้เดินเอกสารเบิกกับโรงพยาบาลเอง สาวโพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา กำลังขับรถเข้าลานจอดรถห้างฯ แห่งหนึ่ง แล้วลดกระจกเอามือโบกระบบเซ็นเซอร์เพื่อรับบัตรจอด ปรากฏว่าถูกไฟดูดทั้งที่มือไม่ได้แตะโดนเครื่อง เพราะระบบเซ็นเซอร์ไม่ต้องสัมผัสโดน แค่โบกหน้าเครื่อง ตนเองรู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว และชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด คาดว่าไฟฟ้าในเครื่องน่าจะขัดข้อง และไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นเลย จะกดปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือที่ตัวเครื่องก็ไม่กล้า เพราะกลัวถูกไฟดูดรอบ 2 จึงพยายามบีบแตรเรียกหลายครั้งกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาหา พอเจ้าหน้าที่มาตนก็บอกว่าถูกไฟดูด แต่เจ้าหน้าที่มาเปิดไม้กั้นให้และไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด จากนั้นรีบเดินไปที่จุดบริการลูกค้า เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นชาไปครึ่งตัว เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นานก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไปโรงพยาบาลที่มีสัญญากับห้าง หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอสั่งยาและให้กลับบ้าน ทั้งที่ยังไม่หายชา ถึงขนาดแขนไม่มีแรงแม้แต่จะเซ็นเอกสาร หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆ เหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ตนเองจึงตั้งคำถามว่าจะหายเองจริงเหรอ เพราะยังทำอะไรไม่ได้เลย ตอนกลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย กินยาคลายกล้ามเนื้อก็ไม่มีอะไรดีขึ้น […]

ข่าวแนะนำ

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

มทภ.2 ไม่ติดใจนายกฯ ปมคลิปเสียง ขอทำเพื่อชาติ-ปชช.

อีสาน 18 มิ.ย.- “พล.ท.บุญสิน” มทภ.2 ไม่ติดใจ “นายกฯ อิ๊งค์” ปมคลิปเสียง ขอทำงานเพื่อชาติ-ประชาชน พร้อมเดินทางเยี่ยมลูกน้องบาดเจ็บจากภารกิจชายแดน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรมาปรับความเข้าใจ พร้อมทั้งอธิบายเนื้อหาในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน เพื่อต้องการให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เบาบางลง เป็นการพูดคุยกันหลังบ้าน โดยตนได้บอกกับนายกฯ ไปว่า “ผมไม่มีอะไรครับ ผมเข้าใจ” ทั้งนี้ นายกฯ ได้ขอบคุณที่เข้าใจ ถือว่าคุยแล้วเข้าใจแล้ว ก็ไม่ติดใจอะไร ตนทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของพี่น้องประชาชน พล.ท.บุญสิน ยังระบุต่อว่า วันนี้กำลังเดินทางไปเยี่ยมผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับบาดเจ็บจากภารกิจชายแดน ตนทำงานตามปกติ ไม่มีอะไร.-313.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]