“มาริษ” เชื่อหากไทยเข้า OECD จะปฏิรูปประเทศได้เร็วขึ้น

กระทรวงการต่างประเทศ​ 31 ต.ค. – “มาริษ” เชื่อหากไทยเข้า OECD ได้ จะปฏิรูปประเทศได้เร็วขึ้น เหตุต้องสร้างมาตรฐานทุกด้านให้เป็นสากล เผย TDRI ประเมินผล ศก.โตแน่ 1.6% ปลื้มเลขาฯ OECD มาเยือนเราด้วยตัวเอง ตอกย้ำความพร้อมของว่าไปถึงไหน มั่นใจ จะทำให้ไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ตั้งเป้าเป็นสะพานให้ประเทศ OECD ที่พัฒนาแล้วต้องฟังในสิ่งที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องการ บอก 5-10 ปีหลังจากนี้ จะได้เข้าร่วมหรือไม่อยู่ที่ทุกฝ่ายร่วมมือกัน


นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่นายมาทีอัส คอร์มันน์ (Mathias Cormann) เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เดินทางมาเยือนไทย เพื่อหารือเปิดตัวกระบวนการหารือเข้าเป็นสมาชิก OECD ว่า เลขาธิการ OECD ได้เดินทางมาด้วยตัวเอง โดยได้หารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน

โดยระบุภึงการเยือนของเลขาธิการ OECD ว่ามีวัตถุประสงค์ 2-3 อย่าง เป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และเป็นการเริ่มเข้าสู่กระบวนการเป็นสมาชิก OECD ของไทย โอกาสนี้ เลขาธิการ OECD ได้หารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งเป็นภาคเอกชนด้วย และถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มกระบวนการกับภาคราชการของไทย


“ท่านได้รับทราบว่าความพร้อมของประเทศไทยไปถึงไหน มีข้อจำกัดอย่างไรในการที่จะเข้าร่วมกระบวนการของการเป็นสมาชิก ทำให้ OECD ได้มาเห็น ได้รับทราบ ทุกภาคส่วนของไทยก็ได้รับทราบว่าเราต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และมีผลดี ผลกระทบอย่างไร” นายมาริษ กล่าว

นายมาริษ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีและตนได้ย้ำว่าเราต้องการเข้าเป็นสมาชิกของ OECD ซึ่งผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับในครั้งนี้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้มีการคำนวณว่าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตของเราเติบโตขึ้นถึง 1.6% เนื่องจากเราจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจได้ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน รวมทั้งก้าวข้ามรายได้ปานกลาง เนื่องจากประเทศไทยต้องปฏิรูปทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจและสังคม

“ถามว่าเราปฏิรูปอยู่หรือไม่ เราก็ปฏิรูปอยู่ แต่บางครั้งเราจำเป็นต้องมีมาตรฐานเป็นตัวชี้วัด ว่าการปฏิรูปของประเทศก้าวไปสู่การก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางหรือยัง การเข้าเป็นสมาชิก OECD จะทำให้ประเทศไทยมีมาตรฐานที่ชัดเจนและโปร่งใส กฎระเบียบทั้งหลายที่ทำให้เราเข้าเป็นสมาชิกภาคีกับเขา จะทำให้เรายกระดับทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ทุกอย่างต้องโปร่งใสหมด” นายมาริษ กล่าว


นายมาริษ ยังกล่าวว่า OECD ก็มองเห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของประเทศไทย จึงเป็นที่มาของเหตุผลที่ OECD ต้องการให้ประเทศไทยเข้าเป็นประเทศสมาชิก ในอดีตหลายคนพูดถึงกลุ่มประเทศ OECD ว่าเป็น Rich Men Club หรือคลับของคนรวย หรือกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่หลังจากที่ OECD พัฒนาไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นว่าท้ายที่สุดแล้ว การที่จะทำให้โลกทั้งใบอยู่ในมาตรฐานสากลเป็นสิ่งสำคัญ จึงขยายกรอบให้ครอบคลุมถึงประเทศกำลังพัฒนา

“ประเทศไทยต้องการมีบทบาทนำในการขับเคลื่อนให้ประเทศที่กำลังพัฒนามีสิทธิ์มีเสียงที่จะกำหนดทิศทางของโลก รวมทั้งการที่จะทำให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น การที่ OECD กำลังขยายไปสู่ประเทศที่กำลังพัฒนา สอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทย ที่ต้องการให้ประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิ์มีเสียง ในการเข้ามาในธุรกิจการค้าอย่างเป็นธรรม และมีความโปร่งใสมากขึ้น” นายมาริษ กล่าว

นายมาริษ ย้ำถึงจุดแข็งของประเทศไทยว่าเราสามารถพูดให้เขาเห็นและทำเอาคุณค่าที่สำคัญ ได้แก่ มาตรฐานของ OECD ไปช่วยโปรโมต เพื่อให้ประเทศที่กำลังพัฒนาได้เห็นความสำคัญ และเข้ามาร่วมในการทำให้ประเทศมีมาตรฐานสากลมากขึ้น OECD ก็จะได้เห็นว่าประเทศกำลังพัฒนามีคุณค่าในมิติด้านต่างๆ เราจะทำให้ OECD ต้องฟังในสิ่งที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องการ ทั้งนี้ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ต้องการเห็นประเทศไทยเข้าไปอยู่ในจอเรดาร์มากขึ้นด้วย

นายมาริษ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า การเข้าเป็นสมาชิก OECD สามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่คนละขั้วอำนาจได้ทันที เรามองความร่วมมือในกรอบของการพัฒนา ไม่ได้เป็นการรวมกลุ่มทางการเมือง เป้าหมายของประเทศไทยคือพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน ไม่ได้ให้เกิดการแตกแยก

เมื่อถามว่าในกรอบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม สิ่งที่เป็นเงื่อนไขในการเตรียมความพร้อมที่ยากที่สุดคืออะไร นายมาริษ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ได้มีความยากลำบาก เพราะต่อให้ไม่มี OECD ตนคิดว่าประเทศไทยก็ขับเคลื่อนไปสู่การเป็นมืออาชีพ มาตรฐานที่สูงขึ้นอยู่แล้ว เราต้องพัฒนาตัวเรา เพื่อปฏิรูปประเทศให้มีความอยู่ดีกินดีมากขึ้น แต่การที่เราเป็นสมาชิก OECD สามารถทำให้เราเร่งรัดกระบวนการเหล่านี้

“ผมคิดว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนของประเทศไทยต้องการที่จะปฏิรูปอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามีคนมาช่วยทำให้ปฏิรูปได้เร็วขึ้น สมบูรณ์ เป็นที่ต้องการมีมาตรฐานสากล เพราะฉะนั้น ผมเห็นถึงประโยชน์ที่สำคัญของการเข้าเป็นสมาชิก OECD” นายมาริษ กล่าว

ส่วนเป้าหมายของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะเข้าเป็นสมาชิก OECD ภายใน 5 ปีเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน กระทรวงการต่างประเทศสามารถเร่งรัดการเตรียมความพร้อมภายในประเทศไทยอย่างไร นายมาริษ กล่าวว่า ก็ต้องพูดคุยกัน กระทรวงต่างประเทศดูเรื่องนโยบาย ตนก็กำชับทางกระทรวงไปให้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การที่เราจะเข้าร่วมได้ 5-10 ปี ก็เป็นเรื่องการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราเข้าไปช่วยเติมเต็มในส่วนที่เขาขาด แน่นอนว่าเราเข้าไปมีส่วนช่วยเพื่อให้เกิดได้เร็วที่สุด แต่ถ้าเกิดช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกหน่วยราชการและทุกภาคส่วน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]