“แทนคุณ​” บอกเดาได้ไม่ยากนักการเมือง​เอี่ยว “ดิไอคอน”

รัฐสภา 30 ต.ค.-“แทนคุณ​” บอกเดาได้ไม่ยาก​ หลัง​ “พปชร.” ใบ้อักษร​ย่อ​นักการเมือง​เอี่ยว “ดิไอคอน” ชี้​เทวดาตัวจริง น่าจะอยู่ใน พรรค “เพื่อไทย” เชื่อต้องมีอำนาจในกระทรวงยุติธรรม​ขณะนั้น​ เหตุโยกย้ายข้าราชการ​ สคบ.ได้

นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวถึงการที่มีการเปิดตัวชื่อย่อนักการเมืองเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอน กรุ๊ป ว่า ส่วนตัวพอจะเดาได้บ้าง เพราะอยู่ในช่วงการเมืองขณะนั้นพอดี และปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นคนที่อยู่ในวงการการเมือง และอาจจะมีข้าราชการบางส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งประเด็นที่ตนสงสัยเหตุใดต้องให้มีการย้ายคดีจากความรับผิดชอบของกองปราบปรามไปให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ซึ่งตนเคยพาผู้เสียหายไปร้องต่อดีเอสไอ ให้รับเป็นคดีพิเศษถึง 6 คดี บางคดีค้างมา 6 ปี อย่างคดีแชร์แครอทก็ค้างมาถึง 1 ปี ซึ่งกองปราบก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ดีเอสไอก็สามารถขอให้ ตำรวจหรือหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วย ซึ่งการโยกคดีไปให้ ดีเอสไอ อาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่เปิดชื่อมาด้วยหรือไม่ ยอมรับว่าสามารถเป็นอำนาจที่ดีเอสไอสามารถทำได้ แต่ความสงสัยไม่อาจคลี่คลายได้ ว่าอยู่ในอำนาจการสอบสวน และคดีดำเนินไปได้ด้วยดี มีการสืบสวนผู้เสียหาย 9,000 ราย เอกสารเกือบ 100,000 หน้า ซึ่งตนก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ นอกจากข้อสงสัยว่าจะเป็นอำนาจมืด หรืออำนาจอะไรของเทวดาด้วยหรือไม่ จึงเห็นว่าเป็นอำนาจของ ผู้ที่มีความคิดริเริ่ม หรือมีเจตนาที่จะโยกคดีจากกองปราบฯ ไปดีเอสไอ ที่จะต้องออกมาตอบคำถาม


นายแทนคุณ มองว่าเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายการเมืองออกมาเปิดเผยผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะเมื่อดิไอคอนขยายไปสู่การเมือง ก็จะเป็นการขยายบ่วงกรรมของแชร์ลูกโซ่ ไปครอบคลุมใครคนนั้นก็ต้องรับกรรม ไม่มีเว้น จะต้องถูก ตรวจสอบโดยละเอียด ว่ามีผลได้เสียหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการทุจริตในประเทศไทยแทรกซึมไปทุกวงการ โดยเฉพาะวงการการเมือง รวมทั้งวงการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีและการตรวจสอบ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ที่หมิ่นเหม่หรือตีความผิดกฎหมาย การวิ่งเต้น เส้นสาย การเข้าไปหาผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง เป็นสิ่งที่ถือเวลาต้องเปิดโปงอย่างจริงจัง โดยไม่มองว่าเป็นเรื่องการเงินหรือเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องชีวิตเลือดเนื้อของประชาชน พี่ถูกระบบครอบงำและทำร้าย เรียกว่าเป็นความรุนแรงเชิงระบบ หรือก่ออาชญากรรมเชิงระบบโดยรัฐหรือไม่ และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายการเมืองจะเข้ามาขยายผลไปสู่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ และย้ำว่าสิ่งที่จะต้องตอบคำถามให้ได้ก็คือ เหตุใดต้องมีความเร่งด่วน ย้ายคดีจากกองปราบไอดีเอสไอ และบรรดาคนที่เปิดตัวมาหากอยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่านายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จะสามารถทำหน้าที่ได้อย่าง โปร่งใส ตรงไปตรงมา

“เทวดา ส.เสือ เป็นตัวเล็กๆในกลุ่มใหญ่ แต่ว่าจะเป็นเทวดาที่จะขยายผลไป จากไม้ขีดก้านเดียว เผ่าบ้านป่าทั้งหลัง ทั้งผืนได้หรือไม่ คิดว่าโฆษกพรรคพลังประชารัฐก็คงป้องกันไว้ก่อน เพราะท่านเป็นตำรวจเก่าและเป็นตำรวจน้ำดี ท่านก็พยายามโยนไปฝ่ายที่เกี่ยวข้องจริงๆ ซึ่งบรรดาคนที่เปิดมา 5-6 คน ผมว่าหลายคนคงเดาได้ แต่ผมคิดว่าน่าจะอยู่ในวงการการเมือง และพยายามโยนมาที่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น เพื่อให้เห็นภาพว่ากุมบังเหียน ในเรื่องการกำกับดูแลกฎหมาย”นายแทนคุณกล่าว


ส่วนที่มีการออกมาเปิดเผยถึงกลุ่มสามมิตร นายแทนคุณกล่าวว่า แน่นอนว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็อยู่ในกลุ่มสามมิตร ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีในขณะนั้น และแต่งตั้งให้นายสามารถเป็นผู้ช่วย ส่วนจะเกี่ยวโยงกับนายสมศักดิ์หรือไม่นั้น หากเกี่ยวข้องจริงๆ อำนาจในการสืบขยายผลก็น่าคิดว่าจะเป็นของฝ่ายไหน เพราะเป็นข้าราชการที่อยู่ภายใต้สังกัดท่าน คงไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบรัฐมนตรี

ส่วนเรื่องเงินที่หมุนเวียนอยู่ที่อาจจะมีการจ่ายส่วย ส่วยเทวดา อาจจะมีมากพอ ที่จะทำให้เกิดการแสดงตัวหรือแสดงออกมาปกป้องคุ้มครอง ให้การทำงานของดิไอคอน ยังดำรงต่อไปในช่วงเวลานั้น ซึ่งดิไอคอนทำธุรกิจมา 5-6 ปี แต่ช่วงเวลาที่ไฮไล้เข้มข้นที่สุด มีคนลงทุนเยอะที่สุด น่าจะเป็นช่วงหลังโควิด หรือ 2-3 ที่มีการจ้างพรีเซนเตอร์แบรนด์ใหญ่ๆ และอาจเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีการจ่ายให้กับรัฐบาลด้วยหรือไม่ ตนเห็นว่าเรื่องนี้จะต้องขยายผล

เมื่อถามย้ำว่าเทวดา ส. อยู่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลังประชารัฐ นายแทนคุณ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าน่าจะอยู่พรรคเพื่อไทย เพราะจากข้อมูลที่ได้ติดตามจากโฆษกพรรคพลังประชารัฐ คิดว่าน่าจะอยู่ในช่วงเวลานั้น แต่ก็อาจจะคาบเกี่ยว เพราะสมัยก่อนพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐก็ทำงานด้วยกัน เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็ไม่อยากไปกล่าวหา แต่ข้อมูลมีร่องรอยแปลกประหลาดหลายอย่าง


ซึ่งการที่มีคำพูดว่าสามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ สคบ แสดงว่ามีอำนาจอยู่ในกลไกของกระทรวงยุติธรรมแน่นอน ขอให้ผู้เสียหายและสื่อมวลชนติดตาม โดยไม่อยากให้ติดกับดักว่าบริษัทจะตอบโต้หรือฟ้องกลับ ตนขอให้เปิดข้อมูลและสู้ด้วยกระบวนการยุติธรรม ใครถูกว่าไปตามข้อมูล

นายแทนคุณยังเรียกร้องไปยังพลตำรวจเอกปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ขอให้ดำเนินคดีแจ้งความกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หากมีหลักฐานสาวไปถึง ไม่อยากให้ประเด็นนี้เป็นเพียงประเด็นทางด้านการเมืองอย่างเดียว เพราะพรรคท่านก็มี สส.อยู่ และ สส. ที่รู้เรื่องนี้ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย เพราะอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ส่วนที่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มสามมิตรนั้น ตนเห็นว่าในการเป็นคนที่ดีต้องกล้าแสดงความบริสุทธิ์ใจและรับการตรวจสอบ ถ้าเป็นสามมิตรภาพก็ควรลงมาช่วยเหลือประชาชนและส่วนตัวก็ไม่ได้มองท่านในแง่ร้ายหรือกล่าวหาท่าน แต่ขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนและยังมีข้อคลางแคลงสงสัย ว่าทำไมต้องโอนคดีไปให้ดีเอสไออย่างเร่งด่วนอย่างนี้ ส่วนตัวไม่ได้โกรธเกลียดใครเพราะไม่ได้เป็นนักการเมืองแล้ว แต่จากข้อมูลที่ได้โยงนักการเมืองแน่นอน แต่จะโยงระดับไหน โยงเท่าไหร่ กลุ่มสามมิตรจะต้องช่วยกันหาคำตอบเพื่อคลายความสงสัยและคลายมลทินที่หลายคนอาจจะเข้าใจท่านผิดไป.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

เด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่

กทม. 5 ก.ค. – สั่งเด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่ ขณะที่เช้านี้เจ้าหน้าที่คุมตัว 72 นักพนัน ไปฝากขังศาลแขวงดอนเมือง พบส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุภาอ้วน รอง ผบก.น.2 รรท.ผบก.น.2 ลงนามในคำสั่ง กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่ 183/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.68 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าทำการสืบสวนสถานที่ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าเป็นบ่อนการพนัน บริเวณอาคารพาณิชย์ กลางซอยพหลโยธิน 52 แยก 3 แขวงคลงถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร และได้จับกุมผู้ต้องหากับพวกในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันไฮโล เพื่อพนันเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต”และ “ร่วมกันเข้าเล่นหรือเล่นการพนันโฮโลเพื่อพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของสน.บางเขน เพื่อให้การบริหารงานในภาพรวมของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเรียบร้อย […]

ค้นบ้านพักสีกา คนสนิท “ทิดอาชว์” พบจีวรหลายผืน

กทม. 5 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” รับเมื่อวาน ปปป. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายศาลค้นบ้านพักสีกา ก.ไก่ คนสนิท “ทิดอาชว์” อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ พบภายในบ้านมีจีวรหลายผืน เวลา 10.00 น. พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. เปิดเผยถึงความคืบหน้า การสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลและหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับวัดตรีทศเทพ ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านดังของสีกาไฮโซ อักษรย่อ ก.ไก่ หญิงสาวคนสนิทของทิดอาชว์ เพื่อค้นหาพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำสีกาคนดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้านพัก พบพยานหลักฐานจำนวนหนึ่ง โดย 1 ในนั้นเป็นจีวรพระหลายพื้น แต่จะเป็นของพระรูปไหนอย่างไร ยังไม่ทราบ เพราะเจ้าตัวยังไม่เปิดเผย จากการสอบปากคำสีกา ก. ให้การเป็นประโยชน์เป็นที่น่าพอใจ สามารถขยายผลนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตในอนาคตได้ นอกจากนี้ สีกาไฮโซ ก. ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ได้ ซึ่งถือว่าเป็นให้ความร่วมมือในทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตาม หลังหมดเวลาตรวจค้น 18.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว […]

‘ทรัมป์’ ฉลองวันชาติสหรัฐด้วยการลงนามร่างกฎหมายสำคัญ

วอชิงตัน 5 ก.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เมลาเนีย ทรัมป์ ได้ร่วมฉลองวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐเมื่อวานนี้ ด้วยการแสดงพลุไฟตระการตาเหนือน่านฟ้ากรุงวอชิงตัน นายทรัมป์จัดพิธีฉลองวันชาติที่สนามหญ้าด้านทิศใต้ของทำเนียบขาวในวันหยุดเพื่อรำลึกวันประกาศอิสรภาพ 4 กรกฎาคม โดยมีการแสดงการบินของเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนและเครื่องบินขับไล่ คล้ายกับที่เครื่องบินที่ใช้ในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้สนับสนุนนายทรัมป์หลายร้อยคนเข้าร่วม รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สมาชิกสภาคองเกรส และครอบครัวทหาร ก่อนหน้านั้น นายทรัมป์ลงนามบังคับใช้ แพ็กเกจกฎหมายขนาดใหญ่ว่าด้วยการลดภาษีและการใช้จ่าย ในพิธีที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาว เพียงหนึ่งวันหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ได้อนุมัติร่างกฎหมายสำคัญนี้ไปอย่างฉิวเฉียด ซึ่งถือเป็นกฎหมายสำคัญประจำวาระที่สองของรัฐบาลทรัมป์ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะใช้เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการปราบปรามการเข้าเมืองของนายทรัมป์ ทำให้การลดภาษีในปี 2017 ของเขาเป็นไปแบบถาวร และคาดว่าจะทำให้ ชาวอเมริกันหลายล้านคนถูกตัดสิทธิ์จากการประกันสุขภาพ โดยร่างกฎหมายผ่านสภาฯ ด้วยคะแนนเสียง 218 ต่อ 214 หลังจากการอภิปรายที่เข้มข้นในสภา การผ่านร่างกฎหมายนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับทรัมป์และพันธมิตรพรรครีพับลิกัน ซึ่งโต้แย้งว่ากฎหมายจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็มองข้ามการวิเคราะห์ที่เป็นกลางซึ่งคาดการณ์ว่ากฎหมายจะเพิ่ม หนี้ของประเทศอีกกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ จากหนี้ปัจจุบันที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าสมาชิกสภาบางคนจากพรรคของนายทรัมป์จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนของร่างกฎหมายและผลกระทบต่อโครงการดูแลสุขภาพ แต่สุดท้ายแล้วมีเพียง ส.ส. รีพับลิกันเพียงสองคนจากทั้งหมด 220 […]

เจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐ บรรยากาศดีขึ้น

ทำเนียบ 5 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เผยทีมประเทศไทย เจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐ บรรยากาศดีขึ้น เตรียมปรับข้อเสนอ เน้นตอบโจทย์ผลประโยชน์ win-win ร่วมกัน เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 22.00น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะประเทศไทยเริ่มต้นกระบวนการเจรจาอย่างเป็นทางการกับฝ่ายสหรัฐ แล้ว โดยเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย พบหารือกับนายเจมิสัน กรีเออร์ (Mr. Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐ (United States Trade Representative – USTR) ซึ่งเป็นการหารือในระดับรัฐมนตรีครั้งแรกระหว่างสองประเทศ นายพิชัยได้กล่าวถึงบรรยากาศการเจรจาในครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เปิดกว้าง และมีพัฒนาการเป็นที่น่าพอใจ โดยฝ่ายไทยได้รับข้อเสนอแนะจากสหรัฐอย่างตรงไปตรงมาและเป็นประโยชน์ ซึ่งคณะประเทศไทยจะได้นำฟีดแบ็กนี้กลับไปใช้ในการพิจารณาจัดทำข้อเสนอใหม่ บนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย (win-win solution) โดยตั้งเป้าหมายที่จะเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ภายในกรอบเวลาที่กำหนดในสัปดาห์หน้า ภายใต้หลักการที่ว่า […]