ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินฯ สว.ชุดเก่า

ป.ป.ช. 21 ต.ค.- ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินฯ สว.ชุดเก่า “พล.อ.ปรีชา” 150 ล้าน แจ้งบ้านหรู 15.3 ล้าน พระเบญจภาคี 5 ล้าน “เสรี” 539 ล้าน ถือครองที่ดิน 18 แปลง 461 ล้าน ด้าน “สมชาย” 65.7 ล้าน สะสมปืน 9 มม.-ทองคำแท่ง “ดิเรกฤทธิ์” 67.3 ล้านบาท


สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของอดีตสมาชิกวุฒิสภา กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค 67 รวม 70 รายโดยมีบุคคลที่น่าสนใจ เช่น พลเอกปรีชา จันทร์โอชา น้องชายพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี โดยพลเอกปรีชาและนางผ่องพรรณคู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สิน รวม 150,218,837 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชีรวม 36,163 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของพลเอกปรีชา 58,290,212 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 8 บัญชี 51,153,879 บาท เงินลงทุน 1,616,985 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,112,224 บาท ทรัพย์สินอื่น 5.03 ล้านบาท เป็นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 1 กระบอกมูลค่า 30,000 บาท และพระเครื่องชุดเบญจภาคี 6 องค์ 5 ล้านบาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 1,567 บาท

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี 3,173,830 บาท จากเงินเดือนและบำนาญ 953,816 บาท เงินเดือนเบี้ยประชุม สว. 1,362,720 บาท ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ 857,294 บาท มีรายจ่ายต่อปี 630,000 บาท


ส่วนนางผ่องพรรณมีทรัพย์สิน รวม 91,928,625 บาท รวมเป็นเงินฝาก 9 บัญชี 55,567,772 บาท เงินลงทุน 1,000 บาท ที่ดิน 7 แปลงใน จ.พิษณุโลก จ.เชียงราย รวม 12.1 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 15,640,000 บาท โดยในจำนวนนี้ระบุเป็นบ้านเดี่ยวใน อ.เมือง จ.พิษณุโลก มูลค่า 15.3 ล้านบาท โดยแจ้งว่าชำระค่าปลูกสร้างด้วยเงินของผู้ยื่น 6.3 ล้านบาท คู่สมรส 5.7 ล้านบาท เงินของนายปฐมพล จันทร์โอชา 3.3 ล้านบาท
ยานพาหนะ 4 คัน รวม 8,090,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 129,853 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นเครื่องประดับสตรี 1 ชิ้น 400,000 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 34,596 บาท และแจ้งมีรายได้ต่อปีจากดอกเบี้ยสหกรณ์ 933,935 บาท มีรายจ่ายต่อปี 730,000 บาท

ด้าน นายเสรี สุรรณานนท์ และนางรำไพพรรณ คู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวม 589,673,757 บาท มีหนี้สิน 7,236,230 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายเสรี 539,786,769 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 17 บัญชี 20,707,874 บาท เงินลงทุนในหุ้นบริษัทต่างๆ และสหกรณ์ออมทรัพย์ทนายความแห่งประเทศไทย รวม 1,407,195 บาท เงินให้กู้ยืมแก่ บจก. บิสเนสแอนด์ซัคเซส เมื่อ 19 ก.พ 60 จำนวน 22.2 ล้านบาท ที่ดิน 18 แปลงปกปิดว่าอยู่ที่ใดบ้าง รวม 461,360,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้าน 6 หลัง 28.1 ล้านบาท ยานพาหนะ 3,140,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 800,000 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นทองคำ อัญมณีเครื่องประดับ และพระพุทธรูป พระเครื่องหลายสิบองค์ไม่อาจประเมินราคาได้ และได้มานานแล้ว รวม 1,501,700 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 74,752 บาท หนี้ที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 644,256 บาท

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี 4,509,477 บาท มีรายจ่ายต่อปี 2,664,256 บาท


ส่วนทรัพย์สินของนางรำไพพรรณ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารและกรรมการบริษัทเอกชน 4 แห่ง รวม 49,886,988 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 5 บัญชี 2,397,220 บาท เงินลงทุน 730,000 บาท ที่ดิน 4 แปลงปกปิดว่าอยู่ที่ใดบ้าง 24,940,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านและห้องชุด 4 หลัง 7.66 ล้านบาท ยานพาหนะเป็นรถยนต์ 5 คัน 5,010,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 4,655,767 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นทองคำ อัญมณีเครื่องประดับ 4,194,000 บาท มีหนี้สินเป็นเงินประกันบัญชี 333,419 บาท หนี้เงินกู้สถาบันการเงินอื่น 6,183,801 บาท มีรายได้ต่อปี 600,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1,851,400 บาท

ทั้งนี้นายเสรี นอกจากดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาแล้ว แจ้งการทำงานย้อนหลัง 5 ปี ว่าเป็นทนายความ กรรมการ บจก.ศูนย์รวมกฎหมาย บริษัทผู้บริหารตลาดเสรี 1-3

ส่วนนายสมชาย แสวงการ แจ้งว่าตนเอง และนางธิดาวรรณ คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 65,717,053 บาท และมีหนี้สินรวม 10,136,679 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายสมชาย 11,613,146 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 959,533 บาท เงินลงทุน ในกองทุนเปิดต่างๆ 1,916,599 บาท ที่ดิน 5 แปลง ในเขตประเวศ กทม.และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รวม 2,398,425 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านเดี่ยว บ้านเช่าและห้องชุดใน จ.เพชรบุรี และ จ.สมุทรปราการ รวม 3.9 ล้านบาท ยานพาหนะ 350,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,135,383 บาท ทรัพย์สินอื่น 961,250 บาท มีหนี้สิน 6,370,883 บาท โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 53,201 บาท เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 1,317,682 บาท หนี้สินอื่น 5 ล้านบาท โดยแจ้งเจ้าหนี้มารดาคือนางมนัสนันท์ และพี่สาวคือ นางอัจฉรา แสวงการ

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี 1,680,000 บาท จากเงินเดือน 1.35 ล้านบาท เบี้ยประชุม 200,000 บาท ค่าเช่า 100,000 บาท เงินปันผล 20,000 บาท ดอกเบี้ย 10,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1,305,000 บาท

ส่วนนางธิดาวรรณ มีทรัพย์สินรวม 52,781,777 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 5,679,241 บาท เงินลงทุนในกองทุนเปิดต่างๆ 5,066,737 บาท ที่ดิน 8 แปลงใน กทม. จ.นครราชสีมา และจ.เพชรบุรี รวม 18,743,745 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 14.5 ล้านบาท ยานพาหนะ 6 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 6,931,840 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,260,213 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 48,112 บาท เงินกู้จากธนาคารและการเงินอื่น 1,317,682 บาท หนี้สินอื่น 2.4 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ค้างชำระส่วนแบ่งเงินมรดกมารดาแก่ญาติ

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 3.9 ล้านบาท จากเงินประจำตำแหน่ง 90,000 บาท เงินเดือนโบนัส 2.1 ล้านบาท ค่าเช่า 60,000 บาท เงินปันผล 200,000 บาท ดอกเบี้ย 150,000 บาท มรดก 130,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1.96 ล้านบาท

สำหรับบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน 1,322,130 บาท

ส่วนทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจของทั้งคู่ เช่น อาวุธปืนสั้น 9 มม. 5 กระบอก รวมมูลค่า 190,000 บาท อาวุธปืนสั้นลูกโม่ 1 กระบอก ทองคำแท่ง 25 บาท มูลค่า 811,250 บาท เครื่องประดับอัญมณี เช่นสร้อยคอ กำไลแหวน ต่างหู รวมมูลค่า 650,000 บาท ทองคํารูปพรรณน้ำหนัก 29 บาท มูลค่า 570,213 บาท

นายสมชายเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติในปี 2557 -2562 และดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในปี 2562- 2567

ด้าน นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม แจ้งสถานะหย่า ระบุมีทรัพย์สิน รวม 67,359,772 บาท มีหนี้สินเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 5,509,474 บาท ทรัพย์สินแบ่งเป็น เงินฝาก7 บัญชี 7,836,637 บาท เงินลงทุน 2,884,895 บาท ที่ดิน 19 แปลง ใน จ.นครนายก เพชรบุรี ลำพูน ชลบุรี นครปฐม เชียงใหม่ น่านรวม 39.07 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุด รวม 6 หลังใน จ.นนทบุรี เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์ รวม 9 ล้านบาท ยานพาหนะ 2.5 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 5,238,240 บาท ทรัพย์สินอื่น ระบุเป็นปืน 2 กระบอกมูลค่า 230,000 บาท และพระเครื่องนาฬิกาไม่ระบุราคา

และแจ้งมีรายได้ต่อปี 2,178,182 บาท แบ่งเป็นเงินบำนาญ 575 462 บาท เงินประจำตำแหน่ง 1,362,720 บาท ค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมาธิการ ,คณะกรรมการ 240,000 บาท จากการขายที่ดิน 7 แปลง 10.7 ล้านบาท ขายห้องชุด 1 ห้อง 3 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ มีรายจ่ายต่อปี 960,000 บาท .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

ทหารกล้าเล่านาทีระทึก รอดตายจากระเบิดชายแดน

11 ส.ค.- ทหารกล้า เล่าเหตุการณ์ ลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา ร่วงใส่จุดที่กำลังพลอยู่พอดี จนได้รับบาดเจ็บ ทีมข่าวลงพื้นที่อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี บ้านของ สิบโทปรีชา เสือบัว อายุ 24 ปี หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็กหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะประจำการอยู่ในบังเกอร์ ได้ยินเสียงปืนครกจากฝั่งกัมพูชา จึงรีบถอยตัวออกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ลูกน้องหลบเข้าไปด้านในบังเกอร์  แต่จังหวะนั้นกระสุนระเบิดตกใส่ทันทีจนร่างกระเด็นและหมดสติ เหตุระเบิดทำให้สิบโทปรีชา ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาซ้าย ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมเพื่อนทหารอีก 3 นาย สิบโทปรีชา ยังบอกอีกว่า “หากต้องบาดเจ็บอวัยวะส่วนไหน ก็ยอม แต่จะไม่ยอมเสียชาติ” พร้อมเผยว่าได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้ได้รับคำสั่งให้พักรักษาตัวก่อน แต่หากมีความจำเป็น เขาพร้อมกลับไปสู้เพื่อประเทศชาติทันที ทั้งนี้ ตัว สิบโทปรีชา และครอบครัวเชื่อว่า เป็นบารมี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยูร และหนังเสือ วัดพนมเศษเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ […]

กต.เดินหน้าร้องเรียนกัมพูชา ปมทุ่นระเบิดสังหาร

11 ส.ค.- กระทรวงการต่างประเทศ รายงานผลการร้องเรียนกัมพูชาต่อองค์กรระหว่างประเทศ กรณีวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศ ออกรายงาน “การดำเนินการของไทยต่อกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือ อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) สาระสำคัญ คือ ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 23 กรกฎาคม และ 9 สิงหาคม 2568 ทหารไทยรวม 11 นาย บาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่วางใหม่โดยกองกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามลำดับ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการภายใต้กรอบอนุสัญญา ออตตาวา เพื่อตอบโต้กัมพูชาโดย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา มีหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 จำนวน 3 ฉบับ เปิดเผยพฤติกรรมการวางทุ่นระเบิด PMN-2 […]

อุตุฯ เตือนไทยมีฝนเพิ่ม-ตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 11 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” ฝนตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก จับตาพายุไต้ฝุ่น “โพดุล” คาดเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน ก่อนขึ้นฝั่งจีนช่วง 13-14 ส.ค.นี้ ยันไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน […]

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย