ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินฯ สว.ชุดเก่า

ป.ป.ช. 21 ต.ค.- ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินฯ สว.ชุดเก่า “พล.อ.ปรีชา” 150 ล้าน แจ้งบ้านหรู 15.3 ล้าน พระเบญจภาคี 5 ล้าน “เสรี” 539 ล้าน ถือครองที่ดิน 18 แปลง 461 ล้าน ด้าน “สมชาย” 65.7 ล้าน สะสมปืน 9 มม.-ทองคำแท่ง “ดิเรกฤทธิ์” 67.3 ล้านบาท


สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของอดีตสมาชิกวุฒิสภา กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค 67 รวม 70 รายโดยมีบุคคลที่น่าสนใจ เช่น พลเอกปรีชา จันทร์โอชา น้องชายพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี โดยพลเอกปรีชาและนางผ่องพรรณคู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สิน รวม 150,218,837 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชีรวม 36,163 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของพลเอกปรีชา 58,290,212 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 8 บัญชี 51,153,879 บาท เงินลงทุน 1,616,985 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,112,224 บาท ทรัพย์สินอื่น 5.03 ล้านบาท เป็นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 1 กระบอกมูลค่า 30,000 บาท และพระเครื่องชุดเบญจภาคี 6 องค์ 5 ล้านบาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 1,567 บาท

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี 3,173,830 บาท จากเงินเดือนและบำนาญ 953,816 บาท เงินเดือนเบี้ยประชุม สว. 1,362,720 บาท ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ 857,294 บาท มีรายจ่ายต่อปี 630,000 บาท


ส่วนนางผ่องพรรณมีทรัพย์สิน รวม 91,928,625 บาท รวมเป็นเงินฝาก 9 บัญชี 55,567,772 บาท เงินลงทุน 1,000 บาท ที่ดิน 7 แปลงใน จ.พิษณุโลก จ.เชียงราย รวม 12.1 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 15,640,000 บาท โดยในจำนวนนี้ระบุเป็นบ้านเดี่ยวใน อ.เมือง จ.พิษณุโลก มูลค่า 15.3 ล้านบาท โดยแจ้งว่าชำระค่าปลูกสร้างด้วยเงินของผู้ยื่น 6.3 ล้านบาท คู่สมรส 5.7 ล้านบาท เงินของนายปฐมพล จันทร์โอชา 3.3 ล้านบาท
ยานพาหนะ 4 คัน รวม 8,090,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 129,853 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นเครื่องประดับสตรี 1 ชิ้น 400,000 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 34,596 บาท และแจ้งมีรายได้ต่อปีจากดอกเบี้ยสหกรณ์ 933,935 บาท มีรายจ่ายต่อปี 730,000 บาท

ด้าน นายเสรี สุรรณานนท์ และนางรำไพพรรณ คู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวม 589,673,757 บาท มีหนี้สิน 7,236,230 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายเสรี 539,786,769 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 17 บัญชี 20,707,874 บาท เงินลงทุนในหุ้นบริษัทต่างๆ และสหกรณ์ออมทรัพย์ทนายความแห่งประเทศไทย รวม 1,407,195 บาท เงินให้กู้ยืมแก่ บจก. บิสเนสแอนด์ซัคเซส เมื่อ 19 ก.พ 60 จำนวน 22.2 ล้านบาท ที่ดิน 18 แปลงปกปิดว่าอยู่ที่ใดบ้าง รวม 461,360,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้าน 6 หลัง 28.1 ล้านบาท ยานพาหนะ 3,140,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 800,000 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นทองคำ อัญมณีเครื่องประดับ และพระพุทธรูป พระเครื่องหลายสิบองค์ไม่อาจประเมินราคาได้ และได้มานานแล้ว รวม 1,501,700 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 74,752 บาท หนี้ที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 644,256 บาท

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี 4,509,477 บาท มีรายจ่ายต่อปี 2,664,256 บาท


ส่วนทรัพย์สินของนางรำไพพรรณ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารและกรรมการบริษัทเอกชน 4 แห่ง รวม 49,886,988 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 5 บัญชี 2,397,220 บาท เงินลงทุน 730,000 บาท ที่ดิน 4 แปลงปกปิดว่าอยู่ที่ใดบ้าง 24,940,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านและห้องชุด 4 หลัง 7.66 ล้านบาท ยานพาหนะเป็นรถยนต์ 5 คัน 5,010,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 4,655,767 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นทองคำ อัญมณีเครื่องประดับ 4,194,000 บาท มีหนี้สินเป็นเงินประกันบัญชี 333,419 บาท หนี้เงินกู้สถาบันการเงินอื่น 6,183,801 บาท มีรายได้ต่อปี 600,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1,851,400 บาท

ทั้งนี้นายเสรี นอกจากดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาแล้ว แจ้งการทำงานย้อนหลัง 5 ปี ว่าเป็นทนายความ กรรมการ บจก.ศูนย์รวมกฎหมาย บริษัทผู้บริหารตลาดเสรี 1-3

ส่วนนายสมชาย แสวงการ แจ้งว่าตนเอง และนางธิดาวรรณ คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 65,717,053 บาท และมีหนี้สินรวม 10,136,679 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายสมชาย 11,613,146 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 959,533 บาท เงินลงทุน ในกองทุนเปิดต่างๆ 1,916,599 บาท ที่ดิน 5 แปลง ในเขตประเวศ กทม.และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รวม 2,398,425 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านเดี่ยว บ้านเช่าและห้องชุดใน จ.เพชรบุรี และ จ.สมุทรปราการ รวม 3.9 ล้านบาท ยานพาหนะ 350,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,135,383 บาท ทรัพย์สินอื่น 961,250 บาท มีหนี้สิน 6,370,883 บาท โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 53,201 บาท เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 1,317,682 บาท หนี้สินอื่น 5 ล้านบาท โดยแจ้งเจ้าหนี้มารดาคือนางมนัสนันท์ และพี่สาวคือ นางอัจฉรา แสวงการ

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี 1,680,000 บาท จากเงินเดือน 1.35 ล้านบาท เบี้ยประชุม 200,000 บาท ค่าเช่า 100,000 บาท เงินปันผล 20,000 บาท ดอกเบี้ย 10,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1,305,000 บาท

ส่วนนางธิดาวรรณ มีทรัพย์สินรวม 52,781,777 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 5,679,241 บาท เงินลงทุนในกองทุนเปิดต่างๆ 5,066,737 บาท ที่ดิน 8 แปลงใน กทม. จ.นครราชสีมา และจ.เพชรบุรี รวม 18,743,745 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 14.5 ล้านบาท ยานพาหนะ 6 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 6,931,840 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,260,213 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 48,112 บาท เงินกู้จากธนาคารและการเงินอื่น 1,317,682 บาท หนี้สินอื่น 2.4 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ค้างชำระส่วนแบ่งเงินมรดกมารดาแก่ญาติ

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 3.9 ล้านบาท จากเงินประจำตำแหน่ง 90,000 บาท เงินเดือนโบนัส 2.1 ล้านบาท ค่าเช่า 60,000 บาท เงินปันผล 200,000 บาท ดอกเบี้ย 150,000 บาท มรดก 130,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1.96 ล้านบาท

สำหรับบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน 1,322,130 บาท

ส่วนทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจของทั้งคู่ เช่น อาวุธปืนสั้น 9 มม. 5 กระบอก รวมมูลค่า 190,000 บาท อาวุธปืนสั้นลูกโม่ 1 กระบอก ทองคำแท่ง 25 บาท มูลค่า 811,250 บาท เครื่องประดับอัญมณี เช่นสร้อยคอ กำไลแหวน ต่างหู รวมมูลค่า 650,000 บาท ทองคํารูปพรรณน้ำหนัก 29 บาท มูลค่า 570,213 บาท

นายสมชายเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติในปี 2557 -2562 และดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในปี 2562- 2567

ด้าน นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม แจ้งสถานะหย่า ระบุมีทรัพย์สิน รวม 67,359,772 บาท มีหนี้สินเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 5,509,474 บาท ทรัพย์สินแบ่งเป็น เงินฝาก7 บัญชี 7,836,637 บาท เงินลงทุน 2,884,895 บาท ที่ดิน 19 แปลง ใน จ.นครนายก เพชรบุรี ลำพูน ชลบุรี นครปฐม เชียงใหม่ น่านรวม 39.07 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุด รวม 6 หลังใน จ.นนทบุรี เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์ รวม 9 ล้านบาท ยานพาหนะ 2.5 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 5,238,240 บาท ทรัพย์สินอื่น ระบุเป็นปืน 2 กระบอกมูลค่า 230,000 บาท และพระเครื่องนาฬิกาไม่ระบุราคา

และแจ้งมีรายได้ต่อปี 2,178,182 บาท แบ่งเป็นเงินบำนาญ 575 462 บาท เงินประจำตำแหน่ง 1,362,720 บาท ค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมาธิการ ,คณะกรรมการ 240,000 บาท จากการขายที่ดิน 7 แปลง 10.7 ล้านบาท ขายห้องชุด 1 ห้อง 3 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ มีรายจ่ายต่อปี 960,000 บาท .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย