“วันนอร์” รับกังวลเหตุไฟใต้ถี่ อาจโยงคดีตากใบ

กทม. 20 ต.ค.-“วันนอร์” รับกังวลเหตุไฟใต้ถี่ อาจเชื่อมโยงคดีตากใบใกล้หมดอายุความ หวังให้ตำรวจตับต้องหาส่งศาลก่อน 25 ต.ค. แนะการข่าวเจ้าหน้าที่ต้องดี ใช้กำลังภาคประชาชนช่วย ดีกว่าทหาร-ตำรวจ ที่ระงับเหตุได้ชั่วคราว

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบรายวันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยอมรับว่า มีความกังวลอยากให้พื้นที่ทุกภาคส่วนของประเทศไทยเกิดความสงบ มีสันติสุข ซึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีความพยายามของทุกฝ่าย แต่ก็ยังไม่สงบ เนื่องจากยังมีความเห็นที่แตกต่างระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนบางส่วน ขณะที่รัฐบาลก็พยายามแก้ไขด้วยการพูดคุยสันติสุข ซึ่งมาเลเซียก็รับที่จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้มีการพูดคุยกัน แต่ความคืบหน้ายังน้อยมาก


ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องการข่าวเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าการข่าวดีก็สามารถระงับเหตุได้ นอกจากนี้ต้องอาศัยประชาชนให้ความร่วมมือในการดูแลความสงบ เพราะประชาชนรู้ดีกว่า

“การใช้กำลังทหาร-ตำรวจ อย่างเดียว ไม่สามารถระงับได้อย่างถาวร ทำได้เป็นการชั่วคราว ผมอยากให้องค์กรภาคประชาชน เช่น อ.ส. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝึกฝนให้คนเหล่านี้ได้ทำงานในการรักษาความสงบร่วมกับทางราชการ ซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ แต่การใช้กำลังที่เป็นการต่อสู้ ควรใช้ในยามเกิดภัยสงคราม ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ภัยสงคราม เป็นเรื่องการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์บางอย่าง ก็คงต้องแก้ไขอย่างเหมาะสม แต่สำคัญคือต้องแก้เรื่องการข่าว และการใช้กำลังของพื้นที่ ใช้ให้เยอะกว่าการใช้ทหารและตำรวจ ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ ซึ่งไม่ค่อยชำนาญพื้นที่ และต้องรีบทำให้การพูดคุย ให้หาข้อยุติได้โดยเร็ว”


เมื่อถามว่า คดีตากใบที่เหลือไม่กี่วันจะหมดอายุความ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างถี่ มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า อาจจะเชื่อมโยงหรือไม่เชื่อมโยงก็ได้ เพราะก่อนคดีตากใบจะหมดอายุก่อนหน้าเป็นปี สถานการณ์ก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ช่วงนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 วัน คดีจะหมดอายุความ ทุกคนก็อยากให้ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจับกุมผู้ที่มีหมายจับ มาส่งศาลก่อน 25 ตุลาคม ถ้าจับได้ ความคลี่คลายในเรื่องความเห็นต่าง อาจจะลดลงไปก็ได้ มันอาจจะเกี่ยวข้องบ้างแต่ไม่ทั้งหมด เพราะเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นก่อนอยู่แล้วแต่ช่วงนี้ถี่มากขึ้น อาจเพราะประชาชนในพื้นที่อยากแสดงออกให้เจ้าหน้าที่มีความเข้มแข็งในการจับผู้ที่มีหมายจับ ถ้าตำรวจใช้ความพยายามจริงๆ ก็น่าจะจับได้บ้าง.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือนภัย ลั่นยังไม่ได้ SMS แผ่นดินไหว

นายกฯ ลั่น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือน “กรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือ” ไม่ต้องผ่าน กสทช. ระหว่าง รอ Cell Broadcast เต็มระบบ ก.ค.นี้

ปภ.ยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ใช่ผลจากอาฟเตอร์ช็อก

ปภ.แถลงชี้แจงกรณีสถานการณ์อพยพออกจากอาคาร ยืนยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ได้เป็นผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

นายกฯ ติดตามภารกิจช่วยเหลือคนติดซาก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ติดตามภารกิจช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ใต้ซากอาคาร พร้อมให้กำลังใจทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่

ตึกถล่มแผ่นดินไหว

72 ชั่วโมง ยังมีหวังพบผู้รอดชีวิตตึก สตง. ถล่ม

ใกล้ครบ 72 ชั่วโมงเหตุตึก สตง. ถล่ม แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายาม และยังมีความหวังในการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซาก