บก.ทัพไทย 18 ต.ค. – “บิ๊กอ้วน” ตรวจเยี่ยมกองทัพไทย ชมกำลังพลเข้าช่วยประชาชนที่ประสบภัยได้รวดเร็ว พร้อมปรับโครงสร้างกำลังพลรองรับภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ หนุน จัดหายุทโธปกรณ์เพิ่มให้สอดรับกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางมาตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) อย่างเป็นทางการ เพื่อรับทราบถึงภารจกิจและผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พร้อมมอบนโยบายในการปฏิบัติงานและเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลของหน่วยต่อไป โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูง ให้การต้อนรับ
โดยรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ ก่อนที่จะเข้ารับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับภารกิจของกองบัญชาการกองทัพไทยในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ต่อมา ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล เพื่อรับฟังบรรยายสรุปถึงภารกิจการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย ทั้งในยามวิกฤติและภัยคุกคาม ผ่านการประสานการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยยึดหลักปฏิบัติตามแผนเตรียมความพร้อมแห่งชาติ ตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม และสภาความมั่นคงแห่งชาติตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ก่อนที่จะชมการสาธิตการปฏิบัติภารกิจของชุดปฏิการพิเศษร่วม จากเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือตัวประกัน
นอกจากนี้ ได้เดินทางไปยังหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เพื่อชมนิทรรศการผลงานการดูแลช่วยเหลือประชาชนของหน่วย ไม่ว่าจะเป็น งานพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ฐาน การก่อสร้างเส้นทางคมนาคม และพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ด้านความมั่นคง งานบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น จากนั้นได้เยี่ยมชมยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถตรวจการณ์อเนกประสงค์ รถดับเพลิงพร้อมหัวเจาะทำลาย รถยนต์ดับเพลิงโฟมและเคมี รถยนต์ดับเพลิงชนิดหอน้ำพร้อมบันได เป็นต้น ก่อนที่จะชมการจัดแสดงสินค้าที่สนับสนุนกลุ่มอาชีพ และการสาธิตการปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติอีกด้วย
ภายหลังการตรวจเยี่ยมนายภูมิธรรม กล่าวว่า ในวันนี้ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพไทยและหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นครั้งแรก หลังได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยได้มีการประชุมและพูดคุยกันในหลายเรื่องเรื่องสำคัญ เรื่องแรก คือนโยบายในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนยามเกิดภัยพิบัติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่จังหวัดเชียงราย กองทัพไทย เดินทางไปถึงหน่วยแรก และได้เข้าไปช่วยเหลือ พร้อมบูรณาการร่วมกับเหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เรามียุทโธปกรณ์อยู่ในพื้นที่อยู่แล้วเพราะกองทัพไทยได้จัดแผนการบริหารการดำเนินงานป้องกันภัยต่างๆอย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ หรือแม้แต่กระทั่งชายแดน รวมถึง พื้นที่ที่เคยมีปัญหาอุทกภัยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ส่วนเรื่องที่สอง คือเรื่องการปรับโครงสร้างของกำลังพล บางครั้งการปรับกำลังพลไม่ได้หมายความว่าจะต้องยกเลิกไป แต่อาจจะมีการปรับให้เหมาะสมกับภัยคุกคามแบบใหม่ของประเทศ อย่างเช่นขณะนี้ เราเจอภัยคุกคามจากธรรมชาติ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ซึ่ง ขณะนี้เราขาดแคลนอุปกรณ์ อย่าง รถดูดโคลน เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ซึ่งได้รับพระกรุณาที่คุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้จำนวน 100 เครื่อง ทั้งนี้ก็ต้องมีการแก้ไขหรือปรับโครงสร้างอุปกรณ์ต่างๆให้เหมาะสมกับภัยคุกคามแบบใหม่ และเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆให้พอเพียงในแต่ละพื้นที่ พร้อมสั่งการให้ไปดูเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ต้องสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ภารกิจของกำลังพลไม่ได้มีเรื่องของน้ำท่วมอย่างเดียว ยังมีภารกิจอีกหลายด้าน หากสามารถปรับเปลี่ยนกำลังพลที่มีอยู่ ให้สอดรับกับภารกิจในด้านต่างๆได้ก็ต้องมีการดำเนินการ ส่วนไหนที่เกินไม่เหมาะกับภารกิจที่ดำเนินการ ก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพรอบด้านมากที่สุด อันไหนที่เกิดขึ้นก็ต้องปรับให้เหมาะสมมากที่สุด เนื่องจากสถานการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทหารก็ต้องจำเป็นต้องเพิ่มเติมทั้งเรื่องของเทคโนโลยี และเรื่องต่างๆที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา พร้อมจะพิจารณาให้เบี้ยเลี้ยงกับกำลังพลที่ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อนสร้างขวัญกำลังใจให้กำลังพล
“ผมขอชื่นชมผู้บังคับบัญชา ของกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งไม่มีอะไรหนักใจ ตนเองเชื่อว่ากองทัพไทยสามารถปฏิบัติภารกิจเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรายิ่งปรับปรุงประสิทธิภาพพัฒนากำลังพลให้มีความรู้ ความสามารถ และเพิ่มอุปกรณ์ที่เข้าไปให้การช่วยเหลือ หน่วยจะดำเนินการพัฒนาพื้นที่ต่างๆจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าว -313 .-สำนักข่าวไทย