จ่อเรียก 10 บริษัททำธุรกิจคล้าย “ดิไอคอน กรุ๊ป” ให้ข้อมูล สคบ.

ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง 17 ต.ค. – “จิราพร” ลั่นพร้อมเรียก 10 บริษัทประกอบธุรกิจคล้าย “ดิไอคอน กรุ๊ป” เข้าให้ข้อมูล สคบ. ยันหากผิดต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ชี้ “บอสพอล” ต้องคืนโล่รางวัลภายใน 7 วัน


นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ นัดแรก ว่า ได้ให้คณะกรรมการดำเนินการตามกรอบ และให้เป็นไปตามความเหมาะสมได้เลย เพื่อศึกษาในรายละเอียด เนื่องจากมีข้อเท็จจริงที่ต้องอาศัยการทำงานที่รัดกุม ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ ตามความเหมาะสม

เมื่อถามว่า มีบริษัทประกอบธุรกิจลักษณะคล้ายกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป อีกหลายบริษัท จะเข้าไปตรวจสอบอย่างไร นางสาวจิราพร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุก ในฐานะที่มีอำนาจตามกฎหมาย ให้ไปบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และดูในระยะยาวด้วยว่า กฎหมายฉบับใดที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันให้ปรับแก้ เพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


ส่วนคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะเรียก 10 บริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ นางสาวจิราพร กล่าวว่า ในตอนแรกจะเชิญบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป เข้ามาให้ข้อมูล แต่มีการออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของตำรวจ โดย สคบ. จะเข้าไปร่วมสอบสวนด้วย เนื่องจากมีกฎหมายหลายอย่างที่ต้องสืบสวนเพิ่มเติม ส่วนบริษัทอื่น ๆ ถ้าสืบทราบข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวโยงไปส่วนไหน ก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า จะมีการปรับแก้กฎหมายเพิ่มเติมหรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการ สคบ.ไปแล้วว่า ให้ปรับปรุงและดูรายละเอียด พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ว่า จะอัปเดตข้อกฎหมายอย่างไรบ้าง

เมื่อถามว่า ได้มีการเรียกคืนโล่รางวัลจากดิไอคอน กรุ๊ป เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ นางสาวจิราพร กล่าวว่า ได้มีการแจ้งให้คืนไปแล้วเมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) และนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล รับทราบเรียบร้อยแล้ว โดยจะต้องดำเนินการคืนภายใน 7 วัน.-316-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา จ่อแจ้งข้อหา “นุ-แซน” เพิ่มเติม และเชื่อว่ามีบุคคลอื่นที่ต้องถูกดำเนินคดีอีก ส่วน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ยังไม่ประสานเข้าพบหลังออกหมายเรียก

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน ยิงสู้ จนท.

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน จ.นครพนม หลังหนีข้ามมา จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ปิดล้อมเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่ไม่สำเร็จ คนร้ายยิงต่อสู้

ขู่ยื่นเอาผิด รมว.ดีอี ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ปชช.

รัฐสภา 3 ธ.ค. – กมธ.ไอซีที สว. ขู่ ยื่น ม.157 เอาผิด รมว.ดีอี ฉุนเกียร์ว่าง ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ประชาชน – ปล่อย “หมอบุญ” หนีลอยนวล จี้รัฐยกปราบหลอกลวงออนไลน์เป็นวาระแห่งชาติ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม คนที่หก วุฒิสภา แถลงผลการประชุมกมธ. เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งตรวจสอบกรณีการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้ลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงอาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรณีของนพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่พบกรณีฉ้อโกงและฟอกเงิน เป็นมูลค่าสูงกว่า 7,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในคดีดังกล่าวถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ห้วยขวาง แล้วปี 2566 แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งนพ.บุญเดินทางออกไปนอกประเทศและไม่มีการอายัดทรัพย์ ทั้งนี้ในการหลอกหลวงผ่านโฆษณาชวนเชื่อนั้น ทำผ่านโบรกเกอร์ที่หลอกลงทุน ทั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นนักลงทุนที่เคยลงทุนที่คุ้นเคยกับเครือโรงพยาบาลธนบุรี “จากการชี้แจงกรณี นพ.บุญของหน่วยงานที่ชี้แจง พบเป็นการโยนกลองกันไปมา ไม่มีหน่วยงานใดที่รับผิดชอบจริงจัง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ นำ ครม.ทำบุญตักบาตรเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค.67

นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 189 รูป ที่ท้องสนามหลวง ก่อนวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ยูเนสโก ประกาศรับรอง ‘เคบายา’ มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

วธ.เผย ยูเนสโก ประกาศรับรอง ‘เคบายา’ มรดกวัฒนธรรมร่วม 5 ประเทศ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ประจำปี 2567