รัฐสภา 16 ต.ค.-“ณัฐพงษ์” เผยการลาออกสมาชิกพรรคเพื่อไทยของ พล.อ.พิศาล ไม่เกี่ยวกับสถานะความเป็นจำเลยในคดีตากใบ บอกหากกลับมาชี้แจงหลังหมดอายุความ รัฐบาลจะยิ่งหมดความน่าเชื่อถือ เชื่อยังมีเวลาที่รัฐบาลตามตัวกลับมาดำเนินคดีได้
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ลาออกจากพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้กลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในคดีตากใบ ว่า อย่าลืมว่าสถานะความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่ได้เกี่ยวกับสถานะความเป็นจำเลย ที่กำลังถูกดำเนินคดีตากใบ ดังนั้นจึงต้องเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องติดตามตัวจำเลยที่ หลบหนีอยู่ต่างประเทศไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นสมาชิกหรือไม่เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยก็ตาม ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบของรัฐบาลได้ในการติดตามตัวจำเลยกลับเข้ามาดำเนินคดี ซึ่งเรื่องนี้ตนมองว่าเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาล ที่มีต่อประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศรวมถึงประชาชนที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมเยียวยาบาดแผลให้กับพี่น้องชายแดนใต้
ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้อย่าเพิ่งดูผลลัพธ์ แต่ให้ดูความตั้งใจและเจตจำนงทางการเมืองจากภาพข่าวที่ออกมาฝั่งรัฐบาลมีการแสดงใบลาออก และดูว่าเรื่องจะจบแล้ว แต่ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ ความเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยเพราะสถานะความเป็นจำเลยยังคงอยู่ และหน้าที่ของรัฐบาลคือการติดตามจำเลยทุกคนที่ยังคงหลบหนีอยู่ในต่างประเทศกลับมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
ส่วนในเอกสารลาออกของ พล.อ.พิศาล ระบุว่าจะกลับมาชี้แจงหลังจากอาการป่วยทุเลาลง ซึ่งอาจจะกลับมาหลังคดีขาดอายุความไปแล้วนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากเป็นแบบนั้นจริงสังคมคงต้องตั้งคำถามและเชื่อได้ว่าสิ่งนี้มีความพยายามที่จะหลบหนีคดีจริง และถ้าถึงตอนนั้น รัฐบาลก็จะยิ่งสูญเสียความเชื่อมั่นต่อประชาชนมากยิ่งขึ้นและในฐานะพรรคฝ่ายค้านก็จะตรวจสอบเรื่องนี้และตีแผ่เรื่องนี้ อย่างเข้มข้นต่อไป แต่ไม่อยากพูดชี้นำเพราะว่าตอนนี้ยังมีเวลาที่รัฐบาลจะทำหน้าที่ของตนเองได้ดีที่สุดอยู่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน ก็คงต้องใช้กลไกหลายๆอย่าง ไม่ใช้เฉพาะการตั้งกระทู้ถามในสภาเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลายเวทีไม่ว่าจะ การอภิปรายทั่วไปหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรวมถึงเวทีของกรรมาธิการต่างๆ ที่เราติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดอยู่แล้วเพราะฉะนั้นจะใช้กลไกทุกช่องทางในรัฐสภาเพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างเต็มที่
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงการตรวจสอบจริยธรรมของสส.ที่ถูกร้องเรียนหลังจากที่ ได้รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และจะต้องเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจริยธรรมของสภาว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างกระบวนการที่ตนจะเข้าร่วมคณะกรรมการจริยธรรม ซึ่งตนเพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน จึงยังไม่ได้มีการทำหน้าที่ของคณะกรรมการในส่วนนี้ แต่ ยืนยันว่าในฐานะที่ตนเข้ามารับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็จะพยายามที่จะผลักดันให้คณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ไม่มีการบอกว่าพอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยกันเองจะละเว้นการตรวจสอบจริยธรรม
ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาล อาจจะมีบางประเด็นที่เห็นต่างกันอยู่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลต้องไปคุยกันในฐานะพรรคฝ่ายค้านก็จะเดินหน้าตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาในส่วนของรัฐบาลไปเจรจาไปพูดคุยกันอย่างไรเราก็ไม่สามารถไปพูดหรือตัดสินแทนเขาได้.-315.-สำนักข่าวไทย