กมธ.ปปง. ถกปัญหาดิไอคอน “เลิศศักดิ์” มองร้อยล้านที่อายัดยังน้อยไป

รัฐสภา ​16 ต.ค.-กมธ.ปปง. ถกปัญหา “ดิไอคอน” เช้านี้ “เลิศศักดิ์” มองร้อยล้านที่อายัดยังน้อยไป เทียบกับความเสียหาย เตรียมเชิญ “เลขา​ฯ ปปง.-ผู้บริหาร-หน่วยงาน” เข้าแจงสัปดาห์หน้า

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส. เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (ปปง.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการนำเรื่องธุรกิจดิไอคอนกรุ๊ป​เข้าหารือในที่ประชุมว่า เบื้องต้นเป็นการหารือ เพื่อพิจารณาว่าจะเป็นการเอาผิดผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างไร เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากและเป็นที่สนใจของสังคม​ซึ่งกรรมาธิการจะดูในเบื้องต้นก่อน โดยอาจจะเชิญนักกฎหมายมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับแง่มุมข้อกฎหมายและจะสรุปออกมาว่าการประชุมครั้งหน้าจะเดินเรื่องดิไอคอนต่อและจะเชิญหน่วยงานไหนมาชี้แจงต่อกรรมาธิการบ้าง


ส่วนกรณีที่ “บอสพอล” บอกว่าไม่รู้เรื่องอาจจะเป็นการทำงานของแม่ข่ายและมีสินค้าจริง จึงอาจจะไม่เข้าข่ายการฟอกเงินนั้น นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า การขายสินค้าประเภทขายตรง ถ้าไปดูที่ผ่านมาก็จะมีการจ่ายเงินและส่งสินค้า แต่รูปแบบของ The Icon เป็นไปในทางอ้อมมีสมัครเป็นสมาชิกซื้อสินค้าแล้วฝากสินค้าไว้ก็ต้องไปดูว่า หลักการขายสินค้าและแหล่งกำเนิดภาษี รายได้ที่จะต้องมาจากการส่งมอบสินค้า หรือเป็นรายได้ที่มาจากการสมัครเป็นสมาชิก ที่ไม่ใช่รายได้จากการขายสินค้า ดังนั้นจึงจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางบัญชี และทางสรรพากรที่สามารถตรวจสอบได้ไม่ใช่บอกว่า ตนเองมีสินค้าแล้วเป็นการขายของมันง่ายเกินไป

ส่วนความน่าเชื่อถือในเรื่องของการซื้อสินค้าแล้วให้สต๊อกสินค้าไว้ก่อนนั้น​นายเลิศศักดิ์​ มองว่ากรณีนี้มีความน่าเชื่อถือน้อยผู้เสียหายก็ชี้แจงได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าบางครั้งเบิกสินค้าไปแล้วขายไม่ได้ แต่การประชาสัมพันธ์หรือการสื่อสารทางการตลาดกลับบอกว่ายอดขายสูง ซึ่งยอดขายเกิดจากการที่เอาเงินจากการเป็นสมาชิกมาเป็นรายได้ไม่ใช่การขายสินค้าโดยตรง จึงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและหลงเชื่อมาเป็นสมัครสมาชิกเพิ่ม ซึ่งในส่วนนี้ก็มีช่องทางกฎหมาย ที่มีความผิดปกติและสามารถเอาผิดได้


นายเลิศศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางตำรวจสอบสวนกลางได้รับแจ้งความไปเยอะแล้ว เมื่อรับแจ้งความแล้ว ตำรวจสอบสวนกลางก็ต้องรายงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่ง ปปง.ก็รับเรื่องไปแล้ว และสามารถเช็คเส้นเงินทั้งหมดของผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้บริหารหรือ อินฟลูเอนเซอร์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งนี่จะเห็นชัดเจนไม่สามารถเลี่ยงได้ และกรรมาธิการ ปปง.ก็มีอำนาจที่จะขอตรวจสอบดูว่าทางปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินไปถึงไหนแล้ว และมีอะไรผิดปกติหรือไม่

นายเลิศศักดิ์​ กล่าวว่า​ สัปดาห์หน้าจะเชิญ เลขาธิการ ปปง.มาชี้แจงในเรื่องนี้ ซึ่งจากข่าวที่ออกมาบอกว่าปปง.อายัดไว้ 125 ล้านบาท​ซึ่งเป็นการอายัดตามความเสียหาย แต่ตนมองว่า 100 กว่าล้านดูน้อยเกินกว่าความเป็นจริง เพราะขณะนี้เฉพาะผู้เสียหายที่ไปร้องหรือแจ้งข้อกล่าวหาไว้มีจำนวนมากมากกว่า 100 กว่าล้านที่ปปง. อายัดไว้แน่นอน

สำหรับกรณีที่อาจจะมีบิ๊กบอสที่ไม่ใช่ “บอสพอล” เพียงคนเดียวนั้น นายเลิศศักดิ์​ มองว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องฟังและติดตามดูจากพยานหลักฐานต่างๆ


นายเลิศศักดิ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการล็อบบี้กันในสภาที่มีบุคคลภายนอกมาแอบอ้างแล้วบอกว่าเคลียร์กรรมาธิการได้ และมีคลิปเสียงออกมานั้น ว่า กรรมาธิการประกอบไปด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่ละคณะก็จะมีที่ปรึกษาและเลขาฯ ด้วยศักดิ์ศรีของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นกรรมาธิการที่มาจากประชาชนประชาชนเดือดร้อนเราไม่ยอมที่จะให้ใครมาขอหรือเคลียร์เพื่อช่วยเหลือคนบางคนที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะฉะนั้นเรื่องที่เป็นคลิปเสียงยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรรมาธิการ และไม่สามารถเคลียร์ได้ โดยเฉพาะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติดเราติดตามคดีสำคัญๆ มาหลายคดีแล้วเช่นการฉ้อโกงของ บริษัทสตาร์ค ซึ่งเราก็ทำมาแล้วและทำจนถึงที่สุดและในกรณี The icon ก็เช่นเดียวกัน กรรมาธิการก็จะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดถ้าการพิจารณาตามปกติใช้เวลาเราจะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาประกอบด้วยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ให้เข้ามาดู และจะทำจนถึงที่สุดให้คดีนี้ไปถึงศาลและประชาชนได้รับการเยียวยาชดเชย

“ส่วนคลิปที่กล่าวอ้างถึงยืนยันอีกครั้งว่าสภาผู้แทนราษฎรไม่มีการรับเคลียร์อะไรกับใครแน่นอน ประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ได้มีการตรวจเช็คอยู่ และบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในคลิป ไม่มีตำแหน่งแห่งหนใดอยู่ในกรรมการชุดนี้แน่นอนให้ประชาชนสบายใจได้ว่ากรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติดจะเข้ามาติดตามคดี The Icon อย่างตรงไปตรงมาไม่มีนอกมีในเพื่อประชาชนที่เสียหายแน่นอน” นายเลิศศักดิ์กล่าว

นายเลิศศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีเทวดาที่บอกว่ามาช่วยประสาน ว่า ตรงนั้นเป็นการเกี่ยวกับสคบ.หรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องของสคบ.เป็นเรื่องภายในหน่วยงานเขา ถ้าฟังจากผู้เกี่ยวข้องที่มาชี้แจงแล้ว มันเกี่ยวกับบุคคลใดที่อยู่ในสคบ.ก็เป็นอำนาจของกรรมาธิการคณะนี้ที่จะสามารถที่จะเชิญมาชี้แจงได้ อย่างไรก็ตามตนยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าเทวดาคือใครบ้างแต่เบื้องต้นกรรมาธิการมีแนวทางในการติดตาม ไม่ใช่หน่วยงานที่จะไปดำเนินคดีโดยตรงหน่วยงานของสภาคือกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด มีหน้าที่ติดตามหน่วยงานที่ดำเนินการทางกฎหมายกับทาง The Icon ฉะนั้นเราจะตามจนถึงที่สุดให้คำมั่นสัญญากับประชาชนทั่วประเทศว่าเราจะทำให้ถึงที่สุดแน่นอนและถ้ามีความจำเป็นเราก็จะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาและจะดูไปถึงเรื่องของข้อกฎหมายด้วยเพราะไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่จะทำให้เกิดการฉ้อโกงประชาชน จะต้องมาดูว่ายังมีช่องโหว่อีกหรือไม่เราจะต้องมารวบรวมและแก้ไขกฎหมายและนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

ส่วนทางพรรคประชาชนจะเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาในเรื่องนี้ด้วยนั้น เห็นตรงกันกับวิปรัฐบาล ซึ่งหากข้อสรุปของสภา บอกว่าจะให้กรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติดเป็นผู้ดำเนินการ ศึกษาและติดตามปัญหา The Icon ต่อทางกรรมาธิการก็ยินดี.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]