“ภูมิธรรม” ถกสภากลาโหม จ่อคัดเลือกครูฝึกรุ่นใหม่

กลาโหม 11 ต.ค.-“ภูมิธรรม” รมว.กลาโหม ถกสภากลาโหมนัดแรก กำชับกองทัพทำความเข้าใจระเบียบลงโทษกำลังพล จ่อ คัดเลือกครูฝึกรุ่นใหม่ หลังมีข่าวทหารเกณฑ์ถูกซ้อมทรมาน ฉะ “วิโรจน์” โยงเป็นประเด็นการเมือง ดิสเครดิตรัฐบาล ทำบ้านเมืองไม่สงบ ยืนยันรัฐมนตรีไม่เคยคิดหนีตอบกระทู้ แต่ติดภารกิจช่วยประชาชนน้ำท่วม ลั่นไม่ได้หน้าที่แค่อย่างเดียว

นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เปิดเผย ภายหลังการประชุมสภากลาโหมนัดแรกหลังมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ ว่าวันนี้เป็นการประชุมด้านความมั่นคงทั้งในและต่างประเทศซึ่งประเด็นหลักๆมีการหารือเกี่ยวข้องกับ อยู่กฎระเบียบต่างๆในการดูแลกำลังพลที่เป็นพลเรือน ซึ่งได้มีการรับหลักการไปพิจารณารายละเอียดและแก้ไขให้เหมาะสมต่อไป


รวมถึงเรื่องการทำ กฎหมายรองรับกำลังพลทหารที่กระทำผิดกฎหมายซึ่งยืนยันว่าทางกองทัพไม่เห็นด้วย กับวิธีการที่เกิดขึ้น (ซ้อมทรมาน) และทราบได้ว่ายังมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ้างแม้จะลดน้อยลง จึงได้มีการพูดคุยกันในหลักการกฎระเบียบที่จะต้องมีความชัดเจนมากขึ้นเพราะมีกฎหมายหลายฉบับ ทั้งในเรื่องการซ้อมทรมาน บุคคลสูญหายรวมถึงกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการหารือกับเหล่าทัพต่างๆว่าควรต้องมีมาตรการที่เข้มแข็งมากขึ้นเพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกโดยที่ประชุมแต่ละเหล่าทัพได้รับหลักการเพื่อไปแก้กฎระเบียบของกองทัพเพิ่มเติม และหลังจากนี้ได้กำชับให้หน่วยงานแต่ละหน่วยงานไปชี้แจงให้รับทราบ ว่า หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกจะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด

โดยหากมีมีการกระทำผิดเกิดขึ้นก็มีการลงโทษตามลำดับขั้นตอนอยู่แล้ว หากมีการลงโทษเกินกว่าเหตุที่กฎหมายรับรอง ก็ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด พร้อมย้ำขอให้แต่ละเหล่าทัพไปชี้แจง วิธีการ ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง


ส่วนการแก้กฎระเบียบจะทันต่อการคัดเลือกทหารใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ และจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าจะไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก นายภูมิธรรมกล่าวว่าครั้งนี้ตนขอความมั่นใจ ซึ่งตามกฎระเบียบใหม่ที่ออกมาอาจจะมีการพูดถึงผู้ที่เห็นเหตุการณ์และไม่รายงาน อาจจะเป็นผู้รู้เห็นด้วย ซึ่งยังไม่ขอลงรายละเอียดขอรอระเบียบที่ชัดเจนก่อน

ขณะที่ข้อเรียกร้องขอให้ใช้ศาบปกติ ไม่ใช่ศาลทหารนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องดูกฎหมายทั้งสองส่วนเพราะมีทั้งกฎหมายทหารและกฎหมายอาญา ว่าทำอย่างไรให้เกิดเป็นรูปธรรมและทำให้ทุกฝ่ายเกิดความเกรงกลัว

สำหรับครูฝึกทหารที่จะเข้ามาใหม่ต้องให้ความรู้ด้วยหรือไม่ว่ากฎหมายเปลี่ยนไปแล้ว นายภูมิธรรม ยอมรับว่า กฎระเบียบได้เปลี่ยนรูปแบบไปแล้วก็ต้องมีการคัดสรรครูฝึกที่อายุน้อยทันต่อโลก ส่วนครูฝึกเก่าก็จะเปลี่ยนแปลงให้ไปทำหน้าที่อื่นต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ถือว่า เป็นส่วนแรกที่ต้องไปชี้แจงให้แต่ละหน่วยงานไปชี้แจงและมีการกำชับไปว่าหากมีการเกิดขึ้นก็ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด


นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนในฐานะ ประธานกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ตั้งกระทู้ถามสดรัฐมนตรี ถามหาความจริงใจ กรณีทหารเสียชีวิตจากการ ถูกซ้อมในค่าย อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า เหตุใดนายวิโรจน์จึงสนใจแค่เรื่องซ้อมทรมานเพราะตนก็ได้แจ้งไปแล้ว ว่าตนไม่สามารถไปตอบกระทู้ได้เนื่องจากติดภารกิจอื่นรวมถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมที่ติดภารกิจช่วยประชาชนน้ำท่วม อยู่จึงถามว่านายวิโรจน์ไม่ทราบหรือ ที่ขณะนี้มีการช่วยประชาชนที่อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่อย่างหนัก หากเห็นจากภาพถ่ายหรือวิดีโอ ก็จะเห็นว่ามีการทำงานอย่างเต็มที่ไม่ได้หลับได้นอน ซึ่งตนได้ชี้แจงต่อประธานรัฐสภาไปแล้ว ว่าไม่ได้หลีกหนีแต่ติดภารกิจ หากจะถามอีกก็สามารถทำได้ตนไม่เคยหลีกหนี หากเราจริงใจกันไม่ใช้ประเด็นเหล่านี้ก็จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ใช้มาเป็นประเด็นทางการเมืองที่ดิสเครดิตรัฐบาลเพราะไม่เหมาะสม พร้อมย้ำว่า ตนก็ลาตามกฎเกณฑ์ไม่ควรหาว่าเป็นการหนีสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดพร้อมรับผิดชอบ

การที่นายวิโรจน์ ระบุว่ารัฐมนตรีไม่ให้ความสำคัญกับการเสียชีวิตของพลทหาร นายภูมิธรรมกล่าวว่าก็มักเป็นแบบนี้ ชอบเอาประเด็นต่างๆมาทำให้เกิดความแตกร้าว ตนไม่อยากให้เกิดกรณีแบบนี้ เพราะกองทัพ ก็ยืนยันชัดเจนในการไขปัญหา อย่าคิดแต่เรื่องการเมืองจนทำให้ประเทศไม่มีความสงบตนขอร้อง ตนพร้อมที่จะตอบทุกคำถามเกี่ยวกับกองทัพ ขอให้เข้าใจว่าเราไม่ได้มีหน้าที่แค่เรื่องเดียวไม่ได้คิดจะหนีไปไหนแต่อาจจะช้าไปหน่อย ขอให้รอสักนิดทุกอย่างจะดีขึ้น.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย