“ธีรยุทธ” ​ร้องศาลรธน. ชี้​ “ทักษิณ-เพื่อไทย” มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ 10 ต.ค.- “ธีรยุทธ” ​หอบเอกสาร​ 5,080 แผ่น​ ร้องศาลรัฐธรรมนูญ​ 6 กรณี​ ชี้​ “ทักษิณ-เพื่อไทย” มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ขอสั่งหยุดการกระทำ​


นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร นำเอกสาร​ทั้งคำร้องและพยานหลักฐาน​ 5,080 แผ่น​ เดินทางมายื่นศาลรัฐธรรมนูญ​ ในฐานะประชาชน เพื่อขอให้วินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทยผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49​ หลังเคยไปยื่นกับอัยการสูงสุดมาแล้ว​ แต่ไม่ได้มีการดำเนินการใดและครบตามตลอดเวลา​ กฎหมายจึงเปิดช่องให้สามารถเดินทางมายื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้​

โดยนายธีรยุทธ​ กล่าวว่า​ ตนดำเนินการร้องใน​ 6 ประกอบด้วย​


  • กรณีที่ 1.เนื่องจากนายทักษิณได้รับพระราชทานพระมหากรุมาอภัยโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี โดยพบว่านายทักษิณใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ​ควบคุมการบริหารรราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรมเอื้อประโยชน์ให้ได้พักอาศัยชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว
  • กรณีที่ 2. นายทักษิณมีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฯฮุนเซน ซึ่งเป็นผู้นำทางการเมืองประเทศกัมพูชา ที่มีระบบการปกครองที่ฝ่ายการเมืองมีอำนาจเหนือสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนายทักษิณมีพฤกกรณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำและเป็นผู้สั่งการ ใช้พรรคเพื่อไทย เป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์กับสมเด็จฯฮุน เช่น ให้ประเทศกัม อธิปไตยทางทะเลของไทย โดยให้มีการเจรจาพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (MOUแบ่ง ผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตย ทางทะเลของไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
  • กรณีที่ 3. นายทักษิณ สั่งการให้พรรคเพื่อไทย ร่วมมือเพื่อแก่รัฐธรรรรกับพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมือง หรือ พรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาล รัฐธรรมนูญ 3/2567 ว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิบไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งนายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และ เป็นผู้สังการให้พรรคเพื่อไทยรัฐธรรมนูญ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้ถูกร้องที่ 1 และพวก
  • กรณีที่ 4. นายทักษิณ มีพฤการณ์เป็นข้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และ เป็นผู้สิ่งการ ให้พรรคเพื่อไทย ในการเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีหารือการเสนอบุคคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิ่งหาคม 2566 บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ(บ้านจันทร์ส่องหล้า)
  • กรณีที่ 5. นายทักษิณ​ มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ เป็รผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการ​ พรรคเพื่อไทย​ ให้มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล​
  • กรณีที่ 6. นายทักษิณมีพฤการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการ พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ให้นำนโยบายของ ที่ตัวเองแสดงวิสัยทัศน์ไว้ เมื่อวันที่22 สิงหาคม​ 2567 ไปดำเนินการให้เป็นบโรบายคณะรัฐมมเตรีที่แถลงต่อรัฐสถาในวันที่ 12 กันยายน 2557

จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ​ โปรดพิจารณาวินิจฉัยว่า ทั้ง 6 กรณี​ ว่า​ นายทักษิณและพรรคเพื่อไทย มีการกระทำอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการทำให้สถาบันพระมหากษ์สูญเสียสถานะที่จะต้องอยู่เหนือการเมืองหรือดำรงความเป็นกลางทางการเมือง ย่อมเป็นการเซาะกร่อนสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง และยังมีการกระทำเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมือง​ ที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญของระบอบมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ชำรุดทำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง การกระทำดั่งกล่าวเป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น​ประมุขในที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่อาจจะเกิดแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันหลักของประเทศและสถาบันพรรคการเมืองที่มีความสำคัญต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ชำรุดสุดโทรมเสื่อมทรามหรืออ่อนแอ การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

พร้อมขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ​ วินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง ดังนี้

  1. ให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการใช้พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นเครื่องมือกระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
  2. ให้นายทักษิณ เลิกกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบจำ และเป็นผู้สั่งการ
    การดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย
  3. ให้นายทักษิณเลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นครื่อมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการของนายทักษิณ และให้เลิกใช้พรรคเพื่อไทยเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธธรรมนูญนี้
  4. ให้พรรคเพื่อไทย เลิกยินยอมให้นายทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
  5. ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้นายทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครองผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการ การดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย
  6. ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยอมให้นายทักษิณใช้ เป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการ
  7. ให้พรรคเพื่อไทย เลิกยินยอมให้นายทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศโดยวิธีการที่มีได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

เมื่อถามว่าการยื่นร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ครั้งนี้คาดหวังผล การยื่นยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่าในชั้นนี้เราคาดหวังตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าขอให้โปรดสั่งการก่อน ส่วนท่านจะเมตตาไต่สวนและจะเห็นเหตุประการใดหรือไม่ถือเป็นอำนาจดุลพินิจของศาลซึ่งไม่อาจก้าวล่วงได้


เมื่อถามว่าได้มีการปรึกษาเรื่องข้อกฎหมายกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ เพราะนายไพบูลย์ เป็นผู้ที่ออกมาระบุจะแถลงข่าวและส่งหมายข่าวรายละเอียดเรื่องคดีให้กับผู้สื่อข่าว นายธีรยุทธ กล่าวว่า สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญย้ำว่าการกระทำของผู้ถูกฟ้องปรากฏชัดตามที่วิญญูชนหรือ สาธารณะชนรับทราบ เมื่อได้อ่านคำวินิจฉัยนั้นแล้วเรื่องแรก ก็ต้องวินิจฉัย ว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะเป็นไปตามที่คิดหรือคาดการณ์เองแต่เพียงผู้เดียวหรือไม่ จึงจำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มีคุณวุฒิ วัยวุฒิอันสมควร ซึ่งตนก็เห็นแต่นายไพบูลย์ เพราะเป็นคนหนึ่งที่ได้พบปะพูดคุยกันจึงได้โทรสอบถามในบางประเด็น

เมื่อถามว่านอกจากนายไพบูลย์ ได้ปรึกษานักกฎหมายคนอื่นคนอื่นๆอีกหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า นักกฎหมายคนอื่นตนขออนุญาตที่จะไม่นำเรียน

ส่วนหลักฐานที่เกี่ยวกับนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีระหว่างพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มีรูปภาพ หรือคลิปที่นำมายื่นเป็นหลักฐานด้วยหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า ตนจะกราบเรียนนำเสนอพยานบุคคล ซึ่งเป็นประจักษ์พยานที่น่าจะมี ความสำคัญยิ่งกว่าคลิปเสียง เพราะไม่ว่าจะคลิป รูปภาพหรือวิดีโอ ที่นายไพบูลย์ได้แสดงความเห็นไว้ว่าคลิปเหล่านั้นถ้าหากนำมาเผยแพร่โดยผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้อนุญาตก็จะผิดกฏหมาย และตนไม่ปรารถนาให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น

เมื่อถามว่าพยานบุคคลใช่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ใช่หรือไม่เพราะเป็นผู้ออกมาเปิดเผยว่าได้ไปเยี่ยมนายทักษิณ ที่โรงพยาบาลนายธีรยุทธกล่าวว่าตนคงไม่อาจก้าวล่วงศาล เพราะบริบทหนึ่งศาลได้เห็นอยู่แล้วว่าพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ได้ออกมาดำเนินการตามวิถีของท่าน แต่สิ่งที่ตนใช้คือรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งในรายงานนั้นจะมีพยานบุคคลมีรายละเอียด และพยานเอกสารอื่นที่มั่นคงตามระบบราชการอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงพยานที่คณะกรรมการสิทธิฯอ้าง เมื่อได้ทำการยื่นร้องต่อศาลแล้วศาลรัฐธรรมนูญมีสิทธิ์ที่จะเรียกพยานบุคคลเหล่านั้นมาไต่สวนใช่หรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า ระบบไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญมีความพิเศษยิ่งกว่าระบบของศาลยุติธรรมอย่างหนึ่ง คือ มีอำนาจโดยตรงที่เห็นควรเรียกพยานเอกสาร พยานวัตถุ พยาน ภาพถ่ายวิดีโอจากท่านใดก็ได้ที่ท่านเห็นสมควร โดยมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ และเนื้อข่าวที่ปรากฏขึ้นอยู่กับว่าท่านจะใช้ดุลพินิจเห็นสมควรอย่างไร ทั้งนี้ตนได้นำเรียนพยานแต่ในชั้นยื่นคำร้องยังคงสงวนชื่ออยู่และชื่อจะเปิดเผยหลังจากนี้ และพยานที่หมายใจไว้อยู่ที่ 3-4 คน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการติดต่อทาบทามไปยังผู้ที่จะจะให้มาเป็นพยานเนื่องจากพยานลักษณะนี้ตนปรารถนาอยากจะให้เป็นพยานบริสุทธิ์ ที่จะขอให้ศาลมีเมตตาเรียก และการติดต่อก่อนล่วงหน้าจะทำให้เกิดความไม่บริสุทธิ์ขึ้น

เมื่อถามว่า จะให้ศาลใช้อำนาจในการเรียกพยาน ในการให้ข้อมูลใช่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า คงอยู่ที่ดุลพินิจท่าน

ส่วนกรณีนี้ปลายทางถึงขั้นยุบพรรคใช่หรือไม่ นายธีรยุทธกล่าวว่าตนไม่อาจทราบได้ ซึ่งตนปรารถนาแค่ว่าบริบทบางอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้กระทบ กับสถาบันหลักทั้งสองสถาบัน จึงปรารถนาให้เกิดการหยุดเสียก่อน

เมื่อถามถึงหลักฐานที่เป็นคลิป หรือหลักฐานการไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ที่นายไพบูลย์เคยออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่ามีหลักฐานหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่าแปลว่ามีหลายส่วนที่ร่วมมือกันในการแยกกันยื่นเรื่องร้องเรียนต่างๆใช่หรือไม่ นายธีรยุทธ ระบุว่า ไม่ ท่านอื่นเป็นยังไงตนไม่ทราบ แต่ตนนั่งทำคนเดียว

ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าตัวของนายธีรยุทธ มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายธีรยุทธ ยืนยันว่า ไม่มี เพราะตนไม่ใช่สมาชิกของพรรคการเมืองใด การทำงาน ก็เป็นการทำงานเงียบเงียบอยู่คนเดียว และเริ่มจากที่เคยไปออกรายงานของสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โดยมีคำถามว่าเรื่องที่ยื่นร้อง จุกจิกหยุมหยิมหรือไม่ ที่มายื่นคำร้องทีละคำร้องตนจึงตอบไปว่า การร้องของผู้ร้องแต่ละท่านก็ร้องกันไปในขณะที่เกิดเหตุปัจจุบัน หนึ่งถึงสองวันจึงยื่นเรื่อง และมีเพียงแค่ประเด็นเดียวที่จะยื่นจึงมองว่าเป็นเรื่องหยุมหยิม แต่หากมองเป็นจิ๊กซอว์ แล้วนำมาผูกรวมกันก็จะเห็นภาพหนึ่ง

เมื่อถามว่ามีออเดอร์ให้มายื่นคำร้องหรือไม่ นายธีรยุทธ ยืนยันว่า ไม่มี เพราะตนยื่นตั้งแต่ยังไม่มีข่าว ตนก็ทำของตนยื่นอัยการ และไม่ได้ปรารถนามาก เป็นเพียงการส่งสัญญาณ

ส่วนมองว่าเป็นการรับงานพลเอกประวิตร หรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า “ตนยังไม่เคยเจอตัวท่านเลย และยังไม่เคยได้คุยสักครั้ง หน้าท่านก็ไม่เคยเห็น ก็เลยไม่ได้มีโอกาสเราก็อาจจะเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆ“ แต่ได้เล่าให้นายไพบูลย์ฟังเรื่องจิ๊กซอว์ที่ตนเห็น โดยเฉพาะจากการเห็นการยุบพรรคไทยรักธรรม และพรรคก้าวไกล ซึ่งนายไพบูลย์ก็มองว่าเป็นไปได้

ขณะเดียวกันนายธีรยุทธ​ กล่าวว่า​ ใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลประมาณ 2-3 เดือน .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย