“ธีรยุทธ” ​ร้องศาลรธน. ชี้​ “ทักษิณ-เพื่อไทย” มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ 10 ต.ค.- “ธีรยุทธ” ​หอบเอกสาร​ 5,080 แผ่น​ ร้องศาลรัฐธรรมนูญ​ 6 กรณี​ ชี้​ “ทักษิณ-เพื่อไทย” มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ขอสั่งหยุดการกระทำ​


นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร นำเอกสาร​ทั้งคำร้องและพยานหลักฐาน​ 5,080 แผ่น​ เดินทางมายื่นศาลรัฐธรรมนูญ​ ในฐานะประชาชน เพื่อขอให้วินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทยผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49​ หลังเคยไปยื่นกับอัยการสูงสุดมาแล้ว​ แต่ไม่ได้มีการดำเนินการใดและครบตามตลอดเวลา​ กฎหมายจึงเปิดช่องให้สามารถเดินทางมายื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้​

โดยนายธีรยุทธ​ กล่าวว่า​ ตนดำเนินการร้องใน​ 6 ประกอบด้วย​


  • กรณีที่ 1.เนื่องจากนายทักษิณได้รับพระราชทานพระมหากรุมาอภัยโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี โดยพบว่านายทักษิณใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ​ควบคุมการบริหารรราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรมเอื้อประโยชน์ให้ได้พักอาศัยชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว
  • กรณีที่ 2. นายทักษิณมีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฯฮุนเซน ซึ่งเป็นผู้นำทางการเมืองประเทศกัมพูชา ที่มีระบบการปกครองที่ฝ่ายการเมืองมีอำนาจเหนือสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนายทักษิณมีพฤกกรณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำและเป็นผู้สั่งการ ใช้พรรคเพื่อไทย เป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์กับสมเด็จฯฮุน เช่น ให้ประเทศกัม อธิปไตยทางทะเลของไทย โดยให้มีการเจรจาพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (MOUแบ่ง ผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตย ทางทะเลของไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
  • กรณีที่ 3. นายทักษิณ สั่งการให้พรรคเพื่อไทย ร่วมมือเพื่อแก่รัฐธรรรรกับพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมือง หรือ พรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาล รัฐธรรมนูญ 3/2567 ว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิบไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งนายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และ เป็นผู้สังการให้พรรคเพื่อไทยรัฐธรรมนูญ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้ถูกร้องที่ 1 และพวก
  • กรณีที่ 4. นายทักษิณ มีพฤการณ์เป็นข้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และ เป็นผู้สิ่งการ ให้พรรคเพื่อไทย ในการเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีหารือการเสนอบุคคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิ่งหาคม 2566 บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ(บ้านจันทร์ส่องหล้า)
  • กรณีที่ 5. นายทักษิณ​ มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ เป็รผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการ​ พรรคเพื่อไทย​ ให้มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล​
  • กรณีที่ 6. นายทักษิณมีพฤการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการ พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ให้นำนโยบายของ ที่ตัวเองแสดงวิสัยทัศน์ไว้ เมื่อวันที่22 สิงหาคม​ 2567 ไปดำเนินการให้เป็นบโรบายคณะรัฐมมเตรีที่แถลงต่อรัฐสถาในวันที่ 12 กันยายน 2557

จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ​ โปรดพิจารณาวินิจฉัยว่า ทั้ง 6 กรณี​ ว่า​ นายทักษิณและพรรคเพื่อไทย มีการกระทำอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการทำให้สถาบันพระมหากษ์สูญเสียสถานะที่จะต้องอยู่เหนือการเมืองหรือดำรงความเป็นกลางทางการเมือง ย่อมเป็นการเซาะกร่อนสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง และยังมีการกระทำเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมือง​ ที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญของระบอบมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ชำรุดทำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง การกระทำดั่งกล่าวเป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น​ประมุขในที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่อาจจะเกิดแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันหลักของประเทศและสถาบันพรรคการเมืองที่มีความสำคัญต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ชำรุดสุดโทรมเสื่อมทรามหรืออ่อนแอ การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

พร้อมขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ​ วินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง ดังนี้

  1. ให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการใช้พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นเครื่องมือกระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
  2. ให้นายทักษิณ เลิกกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบจำ และเป็นผู้สั่งการ
    การดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย
  3. ให้นายทักษิณเลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นครื่อมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการของนายทักษิณ และให้เลิกใช้พรรคเพื่อไทยเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธธรรมนูญนี้
  4. ให้พรรคเพื่อไทย เลิกยินยอมให้นายทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
  5. ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้นายทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครองผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการ การดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย
  6. ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยอมให้นายทักษิณใช้ เป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการ
  7. ให้พรรคเพื่อไทย เลิกยินยอมให้นายทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศโดยวิธีการที่มีได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

เมื่อถามว่าการยื่นร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ครั้งนี้คาดหวังผล การยื่นยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่าในชั้นนี้เราคาดหวังตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าขอให้โปรดสั่งการก่อน ส่วนท่านจะเมตตาไต่สวนและจะเห็นเหตุประการใดหรือไม่ถือเป็นอำนาจดุลพินิจของศาลซึ่งไม่อาจก้าวล่วงได้


เมื่อถามว่าได้มีการปรึกษาเรื่องข้อกฎหมายกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ เพราะนายไพบูลย์ เป็นผู้ที่ออกมาระบุจะแถลงข่าวและส่งหมายข่าวรายละเอียดเรื่องคดีให้กับผู้สื่อข่าว นายธีรยุทธ กล่าวว่า สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญย้ำว่าการกระทำของผู้ถูกฟ้องปรากฏชัดตามที่วิญญูชนหรือ สาธารณะชนรับทราบ เมื่อได้อ่านคำวินิจฉัยนั้นแล้วเรื่องแรก ก็ต้องวินิจฉัย ว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะเป็นไปตามที่คิดหรือคาดการณ์เองแต่เพียงผู้เดียวหรือไม่ จึงจำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มีคุณวุฒิ วัยวุฒิอันสมควร ซึ่งตนก็เห็นแต่นายไพบูลย์ เพราะเป็นคนหนึ่งที่ได้พบปะพูดคุยกันจึงได้โทรสอบถามในบางประเด็น

เมื่อถามว่านอกจากนายไพบูลย์ ได้ปรึกษานักกฎหมายคนอื่นคนอื่นๆอีกหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า นักกฎหมายคนอื่นตนขออนุญาตที่จะไม่นำเรียน

ส่วนหลักฐานที่เกี่ยวกับนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีระหว่างพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มีรูปภาพ หรือคลิปที่นำมายื่นเป็นหลักฐานด้วยหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า ตนจะกราบเรียนนำเสนอพยานบุคคล ซึ่งเป็นประจักษ์พยานที่น่าจะมี ความสำคัญยิ่งกว่าคลิปเสียง เพราะไม่ว่าจะคลิป รูปภาพหรือวิดีโอ ที่นายไพบูลย์ได้แสดงความเห็นไว้ว่าคลิปเหล่านั้นถ้าหากนำมาเผยแพร่โดยผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้อนุญาตก็จะผิดกฏหมาย และตนไม่ปรารถนาให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น

เมื่อถามว่าพยานบุคคลใช่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ใช่หรือไม่เพราะเป็นผู้ออกมาเปิดเผยว่าได้ไปเยี่ยมนายทักษิณ ที่โรงพยาบาลนายธีรยุทธกล่าวว่าตนคงไม่อาจก้าวล่วงศาล เพราะบริบทหนึ่งศาลได้เห็นอยู่แล้วว่าพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ได้ออกมาดำเนินการตามวิถีของท่าน แต่สิ่งที่ตนใช้คือรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งในรายงานนั้นจะมีพยานบุคคลมีรายละเอียด และพยานเอกสารอื่นที่มั่นคงตามระบบราชการอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงพยานที่คณะกรรมการสิทธิฯอ้าง เมื่อได้ทำการยื่นร้องต่อศาลแล้วศาลรัฐธรรมนูญมีสิทธิ์ที่จะเรียกพยานบุคคลเหล่านั้นมาไต่สวนใช่หรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า ระบบไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญมีความพิเศษยิ่งกว่าระบบของศาลยุติธรรมอย่างหนึ่ง คือ มีอำนาจโดยตรงที่เห็นควรเรียกพยานเอกสาร พยานวัตถุ พยาน ภาพถ่ายวิดีโอจากท่านใดก็ได้ที่ท่านเห็นสมควร โดยมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ และเนื้อข่าวที่ปรากฏขึ้นอยู่กับว่าท่านจะใช้ดุลพินิจเห็นสมควรอย่างไร ทั้งนี้ตนได้นำเรียนพยานแต่ในชั้นยื่นคำร้องยังคงสงวนชื่ออยู่และชื่อจะเปิดเผยหลังจากนี้ และพยานที่หมายใจไว้อยู่ที่ 3-4 คน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการติดต่อทาบทามไปยังผู้ที่จะจะให้มาเป็นพยานเนื่องจากพยานลักษณะนี้ตนปรารถนาอยากจะให้เป็นพยานบริสุทธิ์ ที่จะขอให้ศาลมีเมตตาเรียก และการติดต่อก่อนล่วงหน้าจะทำให้เกิดความไม่บริสุทธิ์ขึ้น

เมื่อถามว่า จะให้ศาลใช้อำนาจในการเรียกพยาน ในการให้ข้อมูลใช่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า คงอยู่ที่ดุลพินิจท่าน

ส่วนกรณีนี้ปลายทางถึงขั้นยุบพรรคใช่หรือไม่ นายธีรยุทธกล่าวว่าตนไม่อาจทราบได้ ซึ่งตนปรารถนาแค่ว่าบริบทบางอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้กระทบ กับสถาบันหลักทั้งสองสถาบัน จึงปรารถนาให้เกิดการหยุดเสียก่อน

เมื่อถามถึงหลักฐานที่เป็นคลิป หรือหลักฐานการไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ที่นายไพบูลย์เคยออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่ามีหลักฐานหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่าแปลว่ามีหลายส่วนที่ร่วมมือกันในการแยกกันยื่นเรื่องร้องเรียนต่างๆใช่หรือไม่ นายธีรยุทธ ระบุว่า ไม่ ท่านอื่นเป็นยังไงตนไม่ทราบ แต่ตนนั่งทำคนเดียว

ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าตัวของนายธีรยุทธ มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายธีรยุทธ ยืนยันว่า ไม่มี เพราะตนไม่ใช่สมาชิกของพรรคการเมืองใด การทำงาน ก็เป็นการทำงานเงียบเงียบอยู่คนเดียว และเริ่มจากที่เคยไปออกรายงานของสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โดยมีคำถามว่าเรื่องที่ยื่นร้อง จุกจิกหยุมหยิมหรือไม่ ที่มายื่นคำร้องทีละคำร้องตนจึงตอบไปว่า การร้องของผู้ร้องแต่ละท่านก็ร้องกันไปในขณะที่เกิดเหตุปัจจุบัน หนึ่งถึงสองวันจึงยื่นเรื่อง และมีเพียงแค่ประเด็นเดียวที่จะยื่นจึงมองว่าเป็นเรื่องหยุมหยิม แต่หากมองเป็นจิ๊กซอว์ แล้วนำมาผูกรวมกันก็จะเห็นภาพหนึ่ง

เมื่อถามว่ามีออเดอร์ให้มายื่นคำร้องหรือไม่ นายธีรยุทธ ยืนยันว่า ไม่มี เพราะตนยื่นตั้งแต่ยังไม่มีข่าว ตนก็ทำของตนยื่นอัยการ และไม่ได้ปรารถนามาก เป็นเพียงการส่งสัญญาณ

ส่วนมองว่าเป็นการรับงานพลเอกประวิตร หรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า “ตนยังไม่เคยเจอตัวท่านเลย และยังไม่เคยได้คุยสักครั้ง หน้าท่านก็ไม่เคยเห็น ก็เลยไม่ได้มีโอกาสเราก็อาจจะเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆ“ แต่ได้เล่าให้นายไพบูลย์ฟังเรื่องจิ๊กซอว์ที่ตนเห็น โดยเฉพาะจากการเห็นการยุบพรรคไทยรักธรรม และพรรคก้าวไกล ซึ่งนายไพบูลย์ก็มองว่าเป็นไปได้

ขณะเดียวกันนายธีรยุทธ​ กล่าวว่า​ ใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลประมาณ 2-3 เดือน .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ร่วมวงถก สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” เลื่อนวาระงาน เพื่อร่วมประชุม สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเลื่อนการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็น 11.00 น. เพื่อมาร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. หารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มารอต้อนรับ ซึ่งการร่วมประชุม กับ สมช. ในวันนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าและเป็นการมาร่วมประชุมกับ สมช. เป็นครั้งแรก .-316 -สำนักข่าวไทย

โคราชพบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19

นครราชสีมา 6 มิ.ย. – จ.นครราชสีมา พบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19 เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 เผยตัวเลขเก็บศพโควิด เดือนนี้ 8 ราย ส่วนยอดติดเชื้อวันที่ 4 มิถุนายน 68 วันเดียวเพิ่ม 2 หมื่นคน นายชัยสิทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิพุทธธรรมฮุก 31 โพสต์ภาพลงในโซเชียล ขณะอาสากู้ภัย “ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษ COVID-19 มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา หรือ ฮุก 31” กำลังช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จากโรงพยาบาล ไปฌาปนกิจ พร้อมข้อความเตือน “ระวังกันนะครับ ให้ระวังกัน เพราะช่วงนี้ติดเชื้อกันเยอะ คนที่ไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว ไม่เกี่ยงอายุ วันนี้ มีตั้งแต่ไม่กี่ขวบ จนถึงสูงอายุ ทีมงานฮุก 31 บ้านหลังสุดท้าย ทุกๆ เขตรับผิดชอบ เริ่มมีภารกิจถี่ขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. […]

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]