“ณัฐพงษ์” ชี้ถึงเวลาพิสูจน์ความจริงใจด้านสิทธิมนุษยชนปมคดีตากใบ

รัฐสภา 10 ต.ค. – “ณัฐพงษ์” แนะนายกฯ ใช้เวทีอาเซียน+3 คุยนอกรอบนายกฯ ญี่ปุ่น ขอส่งตัว-ขอเนรเทศ จำเลยคดีตากใบ กลับไทยก่อนหมดอายุความ 25 ต.ค.นี้ ชี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ “ไทยรักไทย” เชื่อจะแสดงสปิริตให้คนไทยเห็น ถึงเวลาพิสูจน์ความจริงใจต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชน


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย สส. พรรคประชาชน แถลงข่าวข้อเสนอถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงคดีตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. นี้ ว่า ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้มีตัวแทนสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้แสดงเจตจำนงทางการเมืองของผู้นำประเทศว่าเราให้ความสำคัญในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย หนึ่งในนั้นคือคดีตากใบที่เป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจในช่วง ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจากการประชุมเมื่อวานนี้ ในคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจและอัยการมาให้ความเห็นติดตามตัวจำเลยมาดำเนินคดีให้ทันก่อนหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ซึ่งพบว่าจำเลยที่มีส่วนสำคัญ 2 คนได้หลบหนีอยู่ต่างประเทศคือจำเลยที่ 1 ที่หลบหนีไปที่ประเทศอังกฤษ และจำเลยที่ 8 ที่หลบหนีไปที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทุกหน่วยงานได้ชี้แจงในกรรมาธิการว่าได้ดำเนินการเต็มที่ที่สุดแล้วตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน ด้านตำรวจก็ได้บอกว่าได้ออกหมายแดงอินเตอร์โพลแล้ว อยู่ในระหว่างการแปล

นายณัฐพงษ์ ยังแนะนำช่องทางการส่งตัวจำเลยกลับประเทศไทย ว่า ยังมีช่องทางในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แม้ประเทศไทยไม่ได้มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศญี่ปุ่น แต่เราสามารถที่จะใช้ช่องทางทางการทูต รัฐบาลต่อรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีต่อนายกรัฐมนตรี ในการเจรจาขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศไทยได้ แน่นอนว่าอาจจะใช้เวลาค่อนข้างนาน


ส่วนอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถดำเนินการได้และมีประสิทธิภาพมากกว่า นั่นคือการขอเนรเทศ ส่งตัวในฐานะบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ของประเทศปลายทางให้ส่งตัวกลับประเทศไทยในฐานะที่เป็นจำเลยผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน ดังนั้น จึงอยากส่งข้อเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ให้ใช้เวทีที่กำลังเจรจาอยู่ขณะนี้คืออาเซียน +3 ได้หารือนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในการขอเจรจาดำเนินการทั้ง 3 ช่องทางอย่างเต็มที่ที่สุด โดยเฉพาะการขอเนรเทศบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยก่อนคดีจะหมดอายุความ

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่านอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่าในฐานะ ที่เป็นว่าที่ประธานอาเซียนครั้งต่อไปมีวิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพในชายแดนใต้ จึงหวังว่านายกรัฐมนตรีจะใช้เวทีครั้งนี้ ส่งเสริมสันติภาพในชายแดนใต้ โดยติดตามทั้งในเรื่องผู้ต้องหาและจำเลยให้มาดำเนินคดี พร้อมกับกระบวนการอื่นๆที่จะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพในชายแดนใต้ด้วย

“15 วันที่เหลือก่อนที่คดีจะหมดอายุความวันนี้ เราต้องการเพียงแค่เจตจำนงทางการเมืองของผู้นำประเทศถ้าเราไม่สามารถใช้เวทีทางการทูตในการเจรจาให้ประเทศที่เข้าร่วมประชุมอาเซียน +3 ในขณะนี้ช่วยกันส่งตัวจำเลยมาดำเนินการในประเทศไทยจนคิดว่าบาดแผลที่ลึกที่สุดของประชาชนในคดีตากใบก็จะไม่ได้รับการเยียวยา และกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ก็จะไม่มีความคืบหน้า” นายณัฐพงษ์ กล่าว


ส่วนถ้าไม่มีความคืบหน้าไปจนถึงวันที่ 25 ต.ค.นี้ จะเกิดการลุกฮือของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องทำให้เต็มที่ก่อนภายใน 15 วันที่เหลือ ซึ่งรัฐบาลมีช่องทางในการดำเนินการที่สามารถทำได้ทันตอนนี้สิ่งที่จะเยียวยาบาดแผลประชาชนได้คือนายกรัฐมนตรีที่ไปประชุมอาเซียน +3 อยู่ เชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะเป็นคดีที่เวทีโลกให้ความสำคัญและให้ความสนใจ ตนไม่อยากคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอส่งคำแนะนำไปยังรัฐบาลให้ทำเต็มที่ที่สุดก่อน

ส่วนนอกจากกลไกทางการทูตยังมีกลไกอื่นที่สามารถติดตามได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับหน่วยงาน โดยเฉพาะในกรรมาธิการทุกหน่วยงานแจ้งว่าถ้าดูจากระบบกระบวนการปัจจุบัน ถ้าไม่มีการเจรจาทางการทูตเลย มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ทัน ตอนนี้เหลือช่องทางสุดท้ายแล้วในฐานะที่ประเทศไทยมีตัวแทนในสหประชาชาติ ก็หวังว่านายกรัฐมนตรีจะเร่งรัด เจรจาให้เกิดการดำเนินการโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะหลบหนีจนถึงวันที่ 25 ต.ค.ที่เป็นวันหมดอายุความของคดี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าจำเลยทั้ง 2 คนอยู่ต่างประเทศ ถ้าไม่ใช้อำนาจทางอธิปไตยของประเทศปลายทาง ทั้งอังกฤษหรือญี่ปุ่นคิด อย่างไรก็ตาม ก็ไม่น่าจะติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ทัน ตอนนี้ทางเดียวคือการเจรจาทางการทูต ใช้อำนาจฝ่ายบริหารประเทศปลายทางส่งตัวจำเลยกลับมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่าคนที่สังคมสนใจคือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ถือเป็นปัดความรับผิดชอบหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์คดีตากใบ ที่เกิดขึ้นเป็นคดีที่เคยเกิดขึ้นในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และเกี่ยวพันกับรัฐบาลในปัจจุบัน จึงคิดว่ารัฐบาลควรแสดงสปิริตและให้ความสำคัญถึงการคุ้มครองหลักสิทธิมนุษยชน ตอนนี้มีเวทีในการเจรจาทางการทูตที่นายกรัฐมนตรีสามารถทำได้ และตนก็เชื่อว่านายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้และพร้อมที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความเป็นธรรมกับคนไทย.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]