“ปกรณ์วุฒิ” หวังทำประชามติครั้งแรก ทันต้นปีหน้า

รัฐสภา 8 ต.ค. – “ปกรณ์วุฒิ” ยังหวังทำประชามติครั้งแรก ทันต้นปีหน้า​ เล็งเสนอเปิดประชุมสภา สมัยวิสามัญ เร่งเครื่อง​ร่าง​พ.ร.บ. ประชามติ ชี้เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจแก้รธน.​หรือถ่วงเวลา​ สงสัย​เลื่อนถกรายงานนิรโทษกรรมยื้อไปเพื่ออะไร​ เพราะเป็นบันไดขั้นแรกสู่ความปรองดอง และเห็นชอบรายงานไม่ใช่การเห็นด้วยกับแก้ม.112


นายปกรณ์วุฒิ​ อุดมพิพัฒน์สกุล​ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน​(วิปฝ่ายค้าน)​ กล่าวถึงแนวทางการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หลังที่ประชุมวุฒิสภา มีมติให้แก้ไขเกณฑ์การออกเสียงประชามติ ให้ใช้หลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้น​ ว่า​สภาฯ​ คงยืนยันร่างและตั้งกรรมาธิการร่วมกัน2สภา​ พร้อมยอมรับว่า​ กังวลกรณีไทม์​ไลน์ที่จะมีการทำประชามติครั้งแรกเกิดขึ้นได้ต้นปีหน้าพร้อมกับการเลือกนายกอบจ. เพื่อประหยัดงบประมาณ​ และจะสะดวกต่อพี่น้องประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ์​ แต่การแก้ไขร่างของวุฒิสภา และตั้งกรรมาธิการร่วม 2 สภาอาจทำให้ไทม์ไลน์ตรงนี้กระทบได้ แต่ส่วนตัวก็ยังมั่นใจว่าหากทุกฝ่ายเห็นความต้องการว่า​ จะเป็นประตูบานแรกที่จะนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นฉบับของประชาชนอย่างแท้จริง ถ้ากรรมาธิการร่วมของทั้งสองฝั่งพิจารณาด้วยความรวดเร็ว และรอบคอบ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ ทั้งนี้หากจำเป็นต้องใช้เวลาคาบเกี่ยวกับช่วงปิดสมัยประชุม คิดว่าควรที่จะพิจารณาเปิดสมัยประชุมสภาฯสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่อง ร่าง​พ.ร.บ. ประชามติ

ทั้งนี้ถ้าการทำประชามติไม่ทันการเลือกตั้งนายกอบจ. อาจทำให้คนมาน้อยหรือไม่นั้น​นายปกรณ์วุฒิ​กล่าวว่า เบื้องต้นจะพยายามทำให้ทันกับการเลือกนายกอบจ.​ ก่อนเชื่อว่าทุกฝ่ายถ้าไม่มีเจตนาถ่วงเวลาและร่วมกันเชื่อว่าทำได้อยู่แล้ว หากคณะกรรมการพิจารณาจบเร็วถ้าเปิดสมัยวิสามัญได้​ ถ้าทุกฝ่ายจริงใจ เพราะเนื้อหาสว.ไม่ได้แก้เยอะ​ ถ้าทำงาน อย่างจริงจังก็คิดว่าจะทัน โดยวันพรุ่งนี้จะหารือ กับกรรมาธิการ ่รวม 2 ฝั่งก่อน ถ้าวางแผนกันได้ จะคุยกับประธานสภาฯ​เชื่อว่าไม่มีปัญหา เชื่อว่าประธานจะเห็นพ้องต้องกัน


ส่วนกรณีที่มีสว.บอกว่าหากไม่อยากแก้ก็สามารถที่จะใช้ กฎหมายประชามติ ฉบับปัจจุบัน ดำเนินการได้นั้น นายปกรณ์ กล่าวว่าอยากให้เสร็จสมบูรณ์พร้อม​ น่าจะเป็นประโยชน์ มากกว่า และยังมีความเป็นไปได้ ถ้าใช้ฉบับใหม่น่าจะมีความชอบธรรมมากกว่า ยังยืนยันมั่นใจว่าประเด็นที่สว. แก้มาไม่ใช้เวลานานในการพิจารณา

เมื่อถามว่าถ้าเห็นไม่ตรงกัน 2 สภาแล้วต้องเว้นพักกฎหมายนี้ไป 6 เดือน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าคงต้องเป็นการพิสูจน์ความจริงใจว่าเป็นการถ่วงเวลาหรือไม่เพื่อไม่ให้มีการ แก้กฎหมายประชามติ แก้รัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จึงขอตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ แต่ละฝ่ายมีความจริงใจในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

นายปกรณ์วุฒิยังกล่าวถึงรายงานแนวทางการศึกษาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่มีการขอเลื่อนการพิจารณาออกไป 2 สัปดาห์แล้วว่า ยังไม่ได้มีใครติดต่อประสานพูดคุย ซึ่งรายงานฉบับนี้ถือเป็นบันไดขั้นแรกที่นำไปพูดคุยกัน รายงานฉบับนี้ไม่ได้เป็นการเสนอกฎหมายแต่เป็นการพูดคุยถึงแนวทาง มีทางเลือกอย่างไรเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม​ส่วนตัวไม่เข้าใจว่าการเลื่อนพยายามเลื่อนเพราะอะไร เพื่ออะไร ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาเป็นบาดแผลใหญ่ที่ทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง ร้าวลึก​ ดังนั้นการเปิดประตู บาน แรกจะเป็นก้าวแรกที่ดีที่จะสร้างความสามัคคีปรองดองในสังคม และเป็นเพียงรายงานการศึกษาไม่ใช่กฎหมาย น่าจะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุมสภาในสมัยประชุมนี้ หรือในช่วงวันพฤหัสบดีนี้เลย พร้อมมองเป็นเรื่องตลกที่จะขอเลื่อนไปเรื่อยๆเพราะไม่สมเหตุสมผลว่าจะเลื่อนไปเพื่ออะไร


ส่วนการเลื่อนไปเรื่อยๆจะกลายเป็นการยื้อหรือไม่นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตอนนี้ก็มองได้ว่าเป็นการยื้อ แต่ไม่รู้ว่ายื้อแล้ว จะได้ประโยชน์อะไรและยังไม่เข้าใจเพราะได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าทุกฝ่ายพร้อม

เมื่อถามว่าฝั่งรัฐบาลกังวลเรื่องความขัดแย้งหรือไม่เพราะมาตรา 112 เป็นปัญหาหลักอยู่ นายปกรณ์วุฒิย้ำว่าประเด็นคือต้องนำมาพูดคุยกันเพราะการที่ทุกฝ่ายเห็นชอบรายงานการศึกษานิรโทษกรรมไม่ได้แปลว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 อาจจะเป็นความกังวลมากเกินไป ความขัดแย้งที่อยู่ข้างนอกเป็นเรื่องของสภาที่จะหยิบยกเข้ามาหารืออย่างมีวุฒิภาวะ ต้องหาจุดตรงกลางที่คิดว่าดีที่สุด.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]