กมธ.คมนาคม เล็งแก้กฎหมายกำหนดอายุรถโดยสารสาธารณะ

รัฐสภา 7 ต.ค.-กมธ.คมนาคม เล็งแก้กฎหมายกำหนดอายุรถโดยสารสาธารณะ และเงื่อนไขการจัดทัศนศึกษาตามเกณฑ์อายุ ชี้ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ยืนยันเดินหน้าบูรณาการมอนิเตอร์ถี่ยิบ พร้อมเผยประกันจ่ายเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียหายแล้ว 90% แต่ยังติดปัญหารถขนผู้โดยสารมากกว่าจำนวนที่ทำประกัน ยันผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ

ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมาธิการการคมนาคมเสร็จสิ้น นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม มีวาระเพื่อพิจารณากรณีเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยผลการประชุมว่า เบื้องต้นได้ให้กรมขนส่งทางบกรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมาธิการได้มีการตั้งข้อสังเกตและมีการพูดถึงประเด็นในเรื่องของเชื้อเพลิง ที่ต้องมีการกำกับดูแลมาตรฐานให้ตรงตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่แจ้งอีกอย่าง แต่กลับไปติดตั้งเพิ่ม เชิงรุก เพื่อป้องกันไม่ให้มีการไปติดตั้งถังเพิ่ม และปรับเป็นมาตรการเชิงรุก ซึ่งทางกรมขนส่งทางบกได้มีการเรียกประชุม เพื่อกำหนดมาตรการอย่างเข้มงวด ซึ่งเรา เห็นตรงกันว่าจะใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในเรื่องของการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้นลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้น้อยที่สุด


ส่วนประเด็นประตูฉุกเฉินด้านนอก อาจจะต้องไปปรับให้ อยู่ในลักษณะที่บุคคลภายนอกสามารถเข้าไปเปิดได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร ซึ่งควรจะลดมาตรฐานความสูงให้เหลือ 1.20 เมตร หรือไม่เกิน 1.50 เมตร เพื่อให้สามารถบุคคลภายนอกสามารถเปิดได้ทันท่วงที

สำหรับการกำหนดอายุการใช้งานของรถ แม้รถบัสจะมีข้อแตกต่างจากรถโดยสาร และรถส่วนบุคคลทั่วไป จะมีในเรื่องของการเปลี่ยนตัวถังใหม่แต่ยังใช้คัสซีเดิม ก็ควรกำหนดว่าคัสซีควรมีอายุการใช้งานเท่าไหร่เปลี่ยนตัวถังได้ไม่เกินกี่ครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบเรื่องนี้รถมีอายุการใช้งานถึง 54 ปี และผ่านการใช้งานมาตลอด สภาพภายนอกอาจจะดูใหม่ แต่อาจจะไม่สอดคล้องกับสภาพอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบก มีมาตรการว่าต่อไปจะมีปฏิบัติการเชิงรุก ออกคำสั่ง ให้รถโดยสารเข้ามาตรวจสภาพ10,000กว่าคันภายใน 60 วัน โดยให้ขนส่งจังหวัดเข้าตรวจสอบรถก่อน เพื่อป้องกันการ ดัดแปลงสภาพหรือการไปถอดถังแก๊ส ซึ่งการถอดถังแก๊สเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะจะมีร่องรอยอยู่


ส่วนการยกเลิก หรือพักใช้ใบอนุญาตของผู้ประกอบการรายนี้ เพราะสิ่งที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์คือการนำรถไปถอดถังแก๊สที่จังหวัดนครราชสีมา ทั้งที่ถูกเรียกเข้าไปตรวจสภาพที่ จ.อ่างทอง แต่ยังดีที่ยังมี GPS ที่สามารถติดตามสถานการณ์ได้ทันท่วงที ซึ่งทางกรรมาธิการมองว่าเรื่องนี้ไม่ตรงประเด็นแม้จะมีการปฏิบัติการเชิงรุก แต่ควรจะมีการติดตามกันทุกเดือน เพื่อที่จะดูว่ามีการดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพอย่างไร

ในเรื่องของสมาคมขนส่งฯ ตอนนี้มีการสอดส่องและมีการตรวจเช็คสภาพกันเอง เพื่อสร้างมาตรฐานว่าถ้าอะไร ไม่ตรงมาตรฐาน ก็คงต้องแจ้งกรมการขนส่งทางบกเพื่อไปตรวจ เพื่อให้เห็นว่าเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

สำหรับศูนย์วิชาการความปลอดภัยเห็นตรงกันว่า ความปลอดภัยซื้อไม่ได้ด้วยราคา ฉะนั้นด้วยงบประมาณที่มีข้อจำกัด ในเรื่องของการว่าจ้างรถ เช่นมาตรฐานของรถ ในการว่าจ้างในระยะ 300 กิโลเมตรไปกลับ คิดค่าบริการที่ 10,000 บาทแต่งบประมาณที่ได้รับมาเพียงแค่ 8,000 บาท ก็ต้องอาจจะลดกันคนละครึ่งเช่นราคานี้อาจจะ ลดระยะทางลงมา และในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ก็ควรที่จะมีการแยกประเภทของ นักเรียนที่จะไปทัศนศึกษา ว่าเด็กอายุเท่าไหร่ควรเดินทางระยะไหนและควรมีการอบรม หรือบรรจุในหลักสูตรการเรียนสำหรับการช่วยเหลือเอาตัวรอดในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน


อย่างไรก็ตามในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ คณะกรรมาธิการคมนาคมจะไปตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคมโดยจะนำเรื่องนี้ไปหารือกัน จึงอยากเห็นแผนบูรณาการร่วมกันว่าต่อไปหากเกิดเหตุเหล่านี้ขึ้นจะมีการแก้ไขปัญหาเพื่อลดความสูญเสียได้อย่างไร และการบูรณาการภาพรวมว่ามีแผนการพัฒนาการขนส่งอย่างไร เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันไม่ใช่ต่างคนต่างทำ

นายวุฒิชาติ กล่าวว่าข้อเสนอทั้งหมด ของคณะกรรมาธิการจะรวบรวม เสนอ ต่อสภาเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลรับไปดำเนินการ ซึ่งในวันนี้ก็ได้มีการเสนอญัติด่วนและรวบรวมข้อเสนอจากสว. ไปแล้ว และยืนยันเรื่องนี้คงไม่ปล่อยผ่านเลย โดยจะต้องมีการ Monitor ติดตาม ต่อไปนี้ ตั้งผู้เชี่ยววชาญเลขานุการและผู้ที่จะเข้ามาช่วยงาน จะบูรณาการ ในภาพรวมร่วมกัน ขับเคลื่อนร่วมกันโดยหน่วยงานไหนมีส่วนเกี่ยวข้องอาทิ มูลนิธิต่างๆ กรมการขนส่งทางบก สมาคมผู้ประกอบการจะต้องส่งตัวแทนมาช่วยคณะกรรมาธิการจะได้คุยกันเป็นภาพรวมเลยทีเดียวไม่ใช่ว่าพอเกิดเหตุก็เรียกคนนู้นมาที คนนี้มาที วันนี้เราจะไม่โทษกันเพียงแต่ว่าใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งทางรองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกก็รับปากว่า กรณีของการตรวจสภาพรถถ้าเป็นการตรวจทิพย์ ก็คงต้องมีบทลงโทษกับผู้ที่รับผิดชอบ

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นช่องโหว่ทางข้อกฎหมายหรือทางปฏิบัตินั้นนายวุฒิชาติกล่าวว่า ข้อกฎหมายค่อนข้างจะครอบคลุมอย่างน้อย 80-90% แต่ช่องโหว่ของการปฏิบัติต่างหากที่ตนและทุกคนมองตรงกัน ว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการไม่ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นทางกรรมาธิการยืนยันจะติดตามและ Monitor เรื่องเหล่านี้โดยจะไม่ปล่อยอย่างแน่นอน ซึ่งในกรรมาธิการได้พูดคุยกันแล้วว่าวันนี้เราจะสร้างมิติใหม่ของการทำงาน โดยจะทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้ได้ข้อสรุปผลการศึกษาออกมา ซึ่งตรงนี้ ถือเป็นบทบัญญัติและธรรมนูญในการทำงานร่วมกัน

เมื่อถามว่าจะให้เวลานานแค่ไหนในการติดตามนั้น นายวุฒิชาติกล่าวว่า อันนี้คงต้องให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ทำงาน ซึ่ง เราอาจจะต้องประเมินและติดตามเป็นระยะๆ และจะแถลงต่อสื่อมวลชน ระยะระยะว่าสิ่งที่เราตามวันนี้อีก 1 เดือนอีก 45 วัน มีความคืบหน้าคืออะไร และการปรับปรุงยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบมีการบูรณาการไปถึงไหน
สำหรับเรื่องการเยียวยา ให้กับผู้ได้รับผลกระทบนั้น นายวุฒิชาติ กล่าวว่า จากการที่สอบถามมาไม่ว่าจะเป็นการทำประกันภาคบังคับหรือภาคสมัครใจ ส่วนใหญ่เป็นไปตามกฎหมายหมดแล้วแต่มีประเด็นว่า ประกันภัยผู้รับผิดชอบนั้นได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการว่า ในรถคันนั้นมีผู้โดยสาร 20 ที่นั่ง แต่ผู้โดยสารมีมากกว่านั้น คงเป็นประเด็นที่ต้องไปติดตามดู ซึ่งเราก็คงยอมไม่ได้ โดยในส่วนที่นอกเหนือความรับผิดชอบของประกันก็ต้องเป็นความรับผิดชอบที่ผู้ประกอบการต้องรับไป

เมื่อถามว่าที่มีการจ่ายเงินเยียวยาช้า เป็นเพราะเหตุผลข้างต้นใช่หรือไม่ นายวุฒิชาติ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่ทำประกันภัย กลับทิพยประกันภัยและมิตรแท้ประกันภัยภาคสมัครใจ ภาคบังคับ 90% จ่ายกันไปหมดแล้ว เหลือแต่เฉพาะที่ไม่ลงตัว อันในเรื่องของประกันว่าจำนวนผู้โดยสาร ทั้งหมดกี่คนแล้วจริงๆแล้ว เกิดอุบัติเหตุมีจำนวนผู้โดยสารมากกว่าที่ทำประกันไว้ ดังนั้นทั้งหมดนี้คงต้องไปดูกันในแง่ของกฎหมาย เพราะการทำประกัน ที่ผู้ประกอบการทำ การแจ้งจำนวนผู้โดยสาร มีผลต่อค่าเบี้ยประกัน

เมื่อถามว่าในที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลหรือไม่ว่า มีการเปลี่ยนสเปครถจากดีเซลมาเป็นก๊าซเมื่อปีไหน นายวุฒิชาติกล่าวว่า เป็นช่วงที่รัฐบาลได้มีการรณรงค์ จากดีเซลมาเป็น NGV ซึ่งขอยืนยันว่าทุกอย่างที่มีการตรวจสอบตามมาตรฐานแล้ว ไม่ได้เกิดอันตรายและก่อให้เกิดความเสียหายถ้าไม่ได้มีการไปดัดแปลง ลงไว้ว่ามีถังแก๊ส 3-4 ถัง แต่ ไปเพิ่มเป็น 11 ถังซึ่งตรงนี้ต่างหากที่ก่อให้เกิดปัญหาความปลอดภัย เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน ที่เกิดขึ้นซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นเมื่อเจอแล้ว ฝากว่ากรมการขนส่งทางบกต้องลงโทษให้หนักต้องยกเลิกใบอนุญาตประกอบการ ซึ่งกรณีเช่นนี้เราปล่อยไว้ไม่ได้แน่นอน

ด้านนายนายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวว่รถแต่ละคันมีถังแก๊สได้กี่ถังนั้นขึ้นอยู่กับสมรรถนะรถซึ่ง ในการจดทะเบียนจะมีระบุไว้ว่ารถแต่ฉันละชนิดมีการติดตั้งถังแก๊สได้กี่ถัง ซึ่งหากเป็นสเปคของรถลักษณะนี้จะมีถังแก๊สได้ประมาณ 5-6 ถังเท่านั้น

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ในครั้งนี้นั้นรองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวว่า จากวัตถุพยานและจากตัวรถเราพบว่า เอาหักและขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวนและกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งน่าจะเกิดจากการบรรทุกน้ำหนักเกินแต่ทั้งหมดขอให้รอผลการพิสูจน์หลักฐาน

เมื่อถามว่าตัวท่อที่หลุดออกมาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุนั้นหลุดออกมานานหรือยังรองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวว่า ผลการสอบสวนยังไม่ออกมาแต่ตอนนี้ ทางกองพิสูจน์หลักฐานไปเก็บข้อมูลมาหมดแล้ว ได้ตรวจสอบรถทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
และจากข้อมูลจำนวนผู้โดยสารสอดคล้องกับรถที่จดทะเบียน.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.สั่งเยียวยา ตรวจสอบเหตุ ฮ.ตำรวจตก

ประจวบคีรีขันธ์ 24 พ.ค. – ลำเลียงร่างตำรวจ 3 นาย เสียชีวิตจาก ฮ.ตก ส่งชันสูตร ด้าน ผบ.ตร.สั่งเยียวยาเต็มที่ ให้เร่งตรวจสอบหาสาเหตุโดยด่วน ช่วงบ่ายของวันนี้ เกิดเหตุ เฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสบอุบัติเหตุ ระเบิดกลางอากาศ จนมีตำรวจเสียชีวิต 3 นาย จุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ประสบเหตุเป็นรุ่น เบล 212 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะบินกลับที่หน่วย ตชด. จังหวัดกาญจนบุรี อุบัติเหตุในครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 นาย ประกอบด้วยนักบิน 2 คน คือ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ, ร.ต.ท.ทรงพล บุญชัย และ ช่างเครื่อง 1 คน คือ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย สาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ […]

ฮ.ตำรวจตก จ.ประจวบฯ เสียชีวิต 3 นาย

ประจวบฯ 24 พ.ค. – คืบหน้าเหตุเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกในพื้นที่ จ.ประจวบฯ พบผู้เสียชีวิต 3 นาย เป็นนักบิน 2 ช่างเครื่อง 1 ความคืบหน้าเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกในพื้นที่ใกล้เคียงวัดหนองพังพวย ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการตรวจสอบพบว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา 13.10 น. มีผู้เสียชีวิต 3 นายคือ พันตำรวจตรีประเทือง ชูเลิศ นักบิน ร้อยตำรวจเอกทรงพล บุญชัย นักบิน และร้อยตำรวจโททินกฤต สุวรรณน้อย ช่างเครื่อง สำหรับภารกิจขึ้นบิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ขึ้นจากท่าแร้งไปต่างจังหวัด หรือเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการในพื้นที่แล้วปฏิบัติภารกิจ ล่าสุดมีภาพผู้เสียชีวิตบางส่วน และบางรายโดดร่มลงจากเฮลิคอปเตอร์ แต่รายละเอียดยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายโมงที่ผ่านมา และทุกอย่างยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ เบล 212 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นบินจากค่ายอาภากรเกียรติวงศ์ จ.ชุมพร ปลายทางค่ายนเรศวร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 นายและครอบครัว สั่งการเร่งด่วนให้ช่วยเหลือเยียวยา และตรวจสอบสาเหตุต่อไป.-สำนักข่าวไทย

สายลับไรเดอร์ ตามจับบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์

เชียงใหม่ 24 พ.ค.-ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ปลอมตัวเป็นไรเดอร์ สะกดรอยตามจับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักท่องเที่ยวผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก เปิดให้จองที่พักทิพย์ตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัด เสียหายมากถึงวันละ 300,000 บาท โดยมีเงินโอนเข้าบัญชีม้าไม่ต่ำกว่า 50 บัญชี แก๊งนี้ทำมาแล้วกว่า 6 เดือน ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ นำหมายจับศาลเชียงใหม่ ติดตามจับกุมนายบุญ (หนุ่มชาติพันธุ์) คาห้องเช่า ใกล้พรมแดน ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ คดีหลอกลวงทางออนไลน์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง เครื่องนับเงินสด และเงินสดอีกจำนวน 20,000 บาท สมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด หลายรายการ ซุกซ่อนในตู้เสื้อผ้า นอกจากนี้ ยังขยายผลจับกุมผู้ต้องหา ที่เปิดบัญชีม้า ในการรับโอนเงินได้อีก 3 คน และอยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติม โดยเฉพาะคนที่จัดหาบัญชีม้า และโทรศัพท์มือถือ สำหรับใช้ในการกระทำความผิดกับผู้ต้องหา ด้าน พันตำรวจโท อวิรุทธ์ สุขแย้ม […]

ทหารเมียนมา ต้านไม่ไหว ฐานเจดีย์ขาวเบอโด้ แตกแล้ว

ตาก 24 พ.ค.-ทหารเมียนมา ต้านไม่ไหว ฐานเจดีย์ขาวเบอโด้ แตกแล้ว ถึงแม้ว่าทหารเมียนมาจะใช้เครื่องบินมาทิ้งระเบิดตลอดทั้งวัน พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราชมนู) กองกำลังนเรศวร เปิดเผยถึงสถานการณ์สู้รบบริเวณแนวชายแดน ประเทศเมียนมา ที่ติดอยู่กับประเทศไทย การสู้รบอยู่บริเวณด้านตรงข้าม บ.ห้วยน้ำนัก ม.4 ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1 กิโลเมตร โดยหลังจากทหารเมียนมา ใช้อากาศยาน แบบ Y-12 บินตรวจการณ์และทิ้งระเบิด จำนวนประมาณ 30 ลูก โจมตี กกล.KNLA บริเวณพื้นที่โดยรอบ ฐานเจดีย์ขาว บ.เบอโด้ อ.ซูการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา เพื่อสนับสนุนการป้องกันฐานที่มั่น หลังจากถูก กกล.KNLA ปิดล้อมและโจมตี แต่ก็ไม่สามารถต้านทาน กกล.KNLA ได้ กระทั้งเวลา 19.00 น. กกล.KNLA สามารถเข้าควบคุมฐานเจดีย์ขาว ได้สำเร็จ สามารถตรวจยึดอาวุธและยุทโธปกรณ์ได้หลายรายการ […]

ข่าวแนะนำ

งดเล่นน้ำตกแม่สา หลังฝนตกหนักน้ำขุ่นเชี่ยว

เชียงใหม่ 25 พ.ค.- อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย งดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตกแม่สา หลังฝนตกหนักตลอดคืน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก สำนักทรัพยากรน้ำที่ 1 ออกประกาศเตือนภัยเตรียมพร้อม (ระดับสีเหลือง) ที่บ้านหนองหอย ต.โป่งแยง อำเภอแม่ริม ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 103. มิลลิเมตร ทำให้ทางนายธงชัย นาราษฎร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย ได้มีคำสั่ง งดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตกแม่สา หลังเกิดฝนตกหนักสะสม ทำให้น้ำตกแม่สา มีสีขุ่นแดง กระแสน้ำเชี่ยว ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวชมธรรมชาติได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ เช่นเดียวกับที่อุทยานแห่งชาติออบขาน ประกาศปิดการท่องเที่ยว และพักแรมชั่วคราว สถานการณ์แม่น้ำขาน วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติออบขาน ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางอุทยานจะรีบอัปเดตสถานการณ์ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนลุ่มน้ำขานเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะตั้งแต่บ้านห้วยโท้ง ตำบลน้ำบ่อหลวง อำเภอสันป่าตองลงไป เฝ้าระวัง เนื่องจากระดับน้ำที่ผ่านหน้าอุทยานฯ ลงไป มีมวลน้ำจากอำเภอสะเมิง ไหลลงมาเติมต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

จนท.ลงพื้นที่เก็บชิ้นส่วน ฮ.ตำรวจตก

ประจวบคีรีขันธ์ 25 พ.ค. – เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จุดเฮลิคอปเตอร์ตำรวจตก บริเวณ ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เก็บชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายตามบ้านเรือนและไร่สวนของชาวบ้าน พร้อมกั้นโดยรอบ ป้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้อง บรรยากาศจุดเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตำรวจตก พื้นที่หมู่ 1 บ้านหนองกก ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตั้งแต่เกิดเหตุ พร้อมนำโปลิศไลน์มากั้นโดยรอบพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สารวัตรเวร เจ้าของคดี ลงพื้นที่เก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมนำทีมชุดพนักงานสอบสวน นำโดรนบินถ่ายภาพมุมสูง เพื่อตรวจสอบว่าชิ้นส่วนของเครื่องบินที่แตกกระจัดกระจายอยู่บริเวณจุดไหนบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ทยอยเก็บชิ้นส่วนที่ตกกระจัดกระจายตามบ้านเรือนและไร่สวนของชาวบ้าน มารวบรวมไว้บริเวณเต็นท์อำนวยการจุดที่ตัวเครื่องบินตก และรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการ ส่วนเศษชิ้นส่วนเครื่องบินบางส่วนที่รวบรวมได้ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายแต่อย่างใด ต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา หรือต้องรอเจ้าหน้าที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินมาตรวจอย่างละเอียดก่อน ในส่วนของชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากชิ้นส่วนเครื่องบินตกใส่หลังคาเสียหายเป็นรู ซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บชิ้นส่วนออกไปแล้ว ส่วนชิ้นส่วนหางขนาดใหญ่ที่ตกเฉียดบ้านของชาวบ้านที่อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร นางใย ชาวบ้านที่ถูกชิ้นส่วนเครื่องบินตกใส่หลังคาเป็นรู เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะเกิดเหตุเครื่องบินตกตนเองพร้อมด้วยหลานอีก 2 คน ไปนั่งอยู่หลังบ้าน ต่อมาได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินผ่านหลังคาบ้านมา และได้ยินเสียงปะทุ ดังติดต่อกัน 3 ครั้ง ซึ่งเห็นหางเครื่องบินตกลงมาก่อน ก่อนตัวเครื่องบินจะตกลง นอกจากนี้ได้ยินวัตถุชนิดหนึ่งตกลงบนหลังคาบ้าน จึงเข้ามาดูในบ้านพบว่าหลังคาเป็นรู และมีวัสดุตกลงมาอยู่ที่พื้น […]

นึกว่าสงคราม! โจ๋ยกพวกไล่ถล่มปาระเบิด

สมุทรปราการ 25 พ.ค.- แพรกษาเดือด! วัยรุ่นหลายสิบคนยกพวกปาระเบิดกลางถนน กว่า 10 ลูก ถล่มกันจนชาวบ้านผวาต้องหาที่กำบังหนีตาย กล้องวงจรปิดริมถนน ซอยมังกรขันดี ใกล้ตลาดแสงทอง ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จับภาพกลุ่มวัยรุ่น พากันขี่รถจักรยานยนต์แต่งซิ่ง ท่อเสียงดัง ขับวนไปมาภายในซอยดังกล่าว ก่อนเปิดฉากปาระเบิดปิงปองไม่ต่ำกว่า 15 ลูก ใส่กันกลางถนน จนเกิดเสียงดังสนั่น ชาวบ้านหลายคนต้องวิ่งหาที่หลบภัย ขณะที่รถบางคัน ไม่กล้าขับผ่านต้องรีบวนรถกลับ หวั่นโดนลูกหลง กลุ่มวัยรุ่นหลายสิบคน นอกจากจะมีระเบิดปิงปองที่เตรียมมาปาถล่มใส่กันแล้ว ยังมีอาวุธมีดตะขอ ติดมือมาไล่ห้ำหั่นกันอย่างกับสงครามกลางเมือง หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเศษชิ้นส่วนระเบิดปิงปองแตกกระจายเกลื่อนถนน ส่วนวัยรุ่นที่ยกพวกตีกัน แยกย้ายกันไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง ตำรวจกระจายกำลังหาข้อมูล จนทราบว่า มีวัยรุ่นกว่า 20 คน ยกพวกไล่ทำร้ายกัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง 2 ราย เจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะกำลังซื้อข้าวอยู่ตรงตลาดบ่อทอง ได้ยินเสียงระเบิด 3 […]

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย