“วุฒิชาติ” เสนอญัตติด่วน แก้ไขป้องกันเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียน

รัฐสภา 7 ต.ค.-“วุฒิชาติ” เสนอญัตติด่วนแนวทางแก้ไข ป้องกันเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียน “รัชนีกร“ ปล่อยโฮ ถามผู้ใหญ่ปล่อยให้สังคมเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ซัดเหตุการณ์สะท้อนการทุจริตเบ่งบานทุกหย่อมหญ้า เสนอยกเลิกรถโดยสารสาธารณะที่ใช้ถังแก๊ส พร้อมสดุดี 3 คุณครูที่เสียสละร่างกายบังไฟให้นักเรียนทั้งน้ำตา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาวันนี้ (7 ต.ค.) มี พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติขอให้วุฒิสภาพิจารณาหาแนวทางในการป้องกัน แก้ไข และช่วยเหลือเยียวยา ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการ ที่เสนอโดยนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร


นายวุฒิชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่บริเวณ ถนนวิภาวดีขาเข้าหน้าอนุสรณ์สถาน จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้มีนักเรียนบนรถไม่สามารถหนีออกมาได้ทัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 23 ราย สร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัวผู้สูญเสียและสังคม อีกทั้งก่อให้เกิดคำถามถึงสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ทั้งมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ มาตรฐานการตรวจสอบและความปลอดภัยคของตัวรถจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความรู้และความสามารถของผู้ขับในการป้องกันและระงับเหตุ รวมถึงการเตรียมความพร้อมรวมถึงการซักซ้อมให้กับผู้โดยสารหากเกิดเหตุ นอกจากจะพิจารณาหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุแล้ว สิ่งสำคัญต้องพิจารณาการช่วยเหลือเยียวยาโดยเฉพาะญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม แม้จะไม่คุ้มค่าต่อการเสียคนที่รักในครอบครัวไปก็ตาม

นางสาวรัชนีกร ทองทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา ได้ลุกขึ้นอภิปรายด้วยเสียงที่สั่นเครือ ว่า เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะพูด แต่ต้องพูดให้เกิดการแก้ไขปรับปรุงไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ในวันที่ 1 ตุลาคมเป็นช่วงปิดเทอมเด็กๆ วัยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ตื่นเต้น ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกับคุณครูและเพื่อนเพื่อนบางคนเป็นครั้งแรกในชีวิตแต่ก็กลายเป็นครั้งสุดท้าย ผู้ใหญ่ควรตั้งคำถามว่าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไรในสังคมไทย ทำไมไม่สร้างสังคมที่ปลอดภัยให้กับเด็ก เขาควรจะได้เติบโตได้อยู่ต่อและทำสิ่งดีๆ ให้กับประเทศชาติแต่ต้องมาจบชีวิตลง โศกนาฏกรรมแบบนี้จะไม่เกิดหากผู้ใหญ่รับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา


นางสาวรัชนีกร อภิปรายว่า แม้เด็กๆ จะเสียชีวิตอย่างทารุณ แต่กิจกรรมทัศนศึกษายังเป็นกิจกรรมที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน เพราะการเรียนรู้ไม่ได้มีเฉพาะในห้องเรียนแต่ต้องมีนอกห้องเรียนด้วย การทัศนศึกษายังจำเป็นอยู่แต่ต้องกำหนดอายุของเด็กที่ไปและระยะทาง และต้องคำนึงถึงการพักค้างคืนอีกทั้งยังต้องเพิ่มงบประมาณให้กับโรงเรียนให้สามารถจัดกิจกรรมทัศนศึกษาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งทักษะการเอาชีวิตรอดเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับนักเรียน แต่หากกลับมาดูมาตรฐานความปลอดภัย เรามีการขนส่งที่ไม่ปลอดภัย มีการตรวจสอบใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการส่งขนส่งที่ถูกตั้งคำถามเสมอว่าเชื่อถือได้หรือไม่ วันนี้อุปกรณ์ความปลอดภัยที่อยู่ในรถนักเรียนและรถขนส่งโดยสารสาธารณะไม่ว่าจะเป็นฆ้อนทุบกระจก ประตูฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ชุดผจญเพลิงเพียงพอหรือไม่ และรู้ดีว่าไม่เคยมีการอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติตนขณะใช้รถขนส่งสาธารณะก่อนเดินทาง นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งแก๊สไว้ใต้ท้องรถซึ่งไม่มีความปลอดภัย

จึงขอเสนอให้ยกเลิกรถขนส่งสาธารณะที่มีการติดตั้งถังแก๊สไว้พอจากกระทบต่อความปลอดภัยของบุคคลทั่วไป หรือควรติดตั้งสติกเกอร์ที่ระบุว่ารถคันดังกล่าวมีการติดตั้งระบบแก๊สเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ใช้บริการ รวมถึงควรมีการติดตั้งระบบตัดไฟอัตโนมัติด้วยสารเคมีในรถขนส่งสาธารณะรวมถึงรถไฟรถไฟฟ้าในอนาคต การออกแบบการรับรองมาตรฐานแนวเรื่องการติดตั้งถังแก๊สประตูฉุกเฉินรวมถึงการอบรมผู้ขับขี่ที่ถือใบอนุญาตผู้ขับรถทุกประเภทชนิดที่2 ให้ผ่านการทดสอบหลักสูตรการเผชิญเหตุและรับผิดชอบผู้โดยสารและต้องตรวจสอบเป็นระยะทุกปี ไม่ใช่ครั้งแรกครั้งเดียวแล้วหายไป

พร้อมกันนี้นางสาวรัชนีกร กล่าวว่า ประเทศไทยมีปัญหาการทุจริตเบ่งบานไปทุกหย่อมหญ้า ในลักษณะกินบ้านกินเมื่องเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่ามีเรื่องนี้จริงๆในสังคมไทยจนมีคำถามว่าหากรถขนส่งสาธารณะรวมถึงผู้ประกอบการ เห็นว่ารถของตัวเองไม่สามารถตรวจสภาพผ่าน ก็อาจใช้เงินจำนวนมากในการดูแลผู้มีหน้าที่หรือไม่ จึงอยากให้มีการเข้าไปดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนไม่มีจุดสิ้นสุดขอให้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นบทเรียนและตระหนักให้มีการเตรียมความพร้อมป้องกัน และหวังว่าจะไม่ทำเฉพาะช่วงนี้แต่ต้องทำอย่างจริงจังให้มีผล กับสังคมไทยเสียที


นางสาวรัชนีกร กล่าวด้วยน้ำตาว่า สุดท้ายที่สุดนี้ขอสดุดีคุณครูที่เสียชีวิตทั้ง 3 คน น.ส.พิมพ์ทอง สมบัติ, น.ส.สรัญญา หอมเกษร, น.ส.กนกวรรณ ศรีพร ภาพสุดท้ายที่กู้ภัยไปเห็นคือท่านกอดกันและนักเรียนอยู่ตรงกลางท่านทำหน้าที่ครูจนถึงนาทีสุดท้าย ดิฉันขอคารวะท้ายที่สุดนี้ขอมอบบทกลอนที่แต่งด้วยตัวเองตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตั้งแต่นั้นมานอนไม่หลับเลยเพราะเป็นคนที่มีลูกเล็กอายุ 6 ขวบ ดิฉันเข้าใจความสูญเสีย เข้าใจว่าเด็กอายุเท่านั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไม่สามารถหาทางหนีออกมาเองได้สังคมไทยต้องกลับมาแก้ไขอย่างจริงจังเสียที

“ขอน้อมส่งเด็กน้อยน้อยไปบนฟ้า ขอกล่าวลาลูกลูกวัยสดใส ขอความสุขทุกที่ที่หนูไป เดินทางไกลคราวนี้ให้ร่มเย็น ไม่มีเจ็บไม่มีปวดแล้วลูกจ๋า ห้องเรียนคงว่างเปล่ากว่าเคยเห็น บ้านคงเงียบวังเวงกว่าเคยเป็น ทุกเช้าเย็นเสียงร่ำไห้แทบขาดใจ ครูกอดกันกั่นเด็กเป็นกำแพงมนุษย์ สิ่งท้ายสุดที่เรารับรู้ได้คือคุณครูปกป้องสิทธิ์ด้วยหัวใจ ขอกราบไหว้คารวะจิตวิญญาณ ขอสดุดีคุณครูผู้เสียสละแบกภาระการดูแลสิทธิ์ของท่านทำหน้าที่สมเกียรติจนวายปราณ ขอกราบการยกมือวันทาครูขอน้อมส่งทุกชีวิตที่ปริดสิ้น เสียงล้ำไห้ที่ได้ยินยังก้องหู ขอให้ลูกนักเรียนและคุณครูเดินทางสู่สัปยภพอันงดงาม”

ด้าน พลตำรวจโทวันไชย เอกพรพิชญ์ สมาชิกวุฒิสภา เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการละเลยกฎหมาย ทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งกฎหมายจราจรขนส่งทางบก และยานพาหนะ ที่มีการดัดแปลง หรือบรรทุกน้ำหนักเกิน รวมถึงการเข้มงวดในการตรวจสอบสภาพรถที่ล้มเหลว ทั้งอายุรถ และการติดตั้งแก๊สเกินจำนวนที่กำหนด ไม่มีการตรวจสภาพ เป็นต้น จึงเสนอให้ต้องมีการกำหนดมาตรฐานให้ชัดเจน ทั้งจำนวนสูงสุด โครงสร้างที่แข็งแรง ตรวจความพร้อมอุปกรณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งจะต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ทั้งระดับบริหาร และปฏิบัติการให้รับผิดชอบทางวินัยราชการ ฐานความบกพร่องในการดำเนินงาน พร้อมยังยกตัวอย่างเหตุโศกนาฏกรรมเรือเซวอน ที่พานักเรียนเกาหลีใต้ไปทัศนศึกษา และอับปางลง จนเจ้าหน้าที่เรือยอมผูกคอตาย นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ในขณะนั้น ประกาศลาออกแสดงความรับผิดชอบ และ ประธานาธิบดี ยังถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขอจึงถามหาความรับผิดชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ต้องลาออกเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับประชาชนคนไทย

ขณะที่ นายสิทธิกร ธงยศ สมาชิกวุฒิสภา ได้เรียกร้องให้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก แต่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ในการตรวจสอบบริษัทผู้ประกอบการ และรถบัสใช้งานที่มีอายุการใช้งานมากแล้ว แต่กลับได้รับการปล่อยผ่านจากการตรวจสภาพ จึงขอให้นำนายทะเบียน ที่เป็นตัวการ และเซ็นใบตรวจผีนี้ มาลงโทษ เพราะเป็นการทุจริต ทำให้เกิดความสูญเสีย ไม่สามารถจับกุมเฉพาะคนขับได้ แต่จะต้องนำทั้งขบวนการมาตรวจสอบได้ และขอให้วุฒิสภา ได้พิจารณาตั้งกรรมาธิการฯ เพื่อหาข้อเท็จจริง และนำตัวการที่ปล่อยผ่านการตรวจถังแก๊สที่หมดอายุมาลงโทษให้ได้.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยฝนฟ้าคะนอง ตกหนักบางแห่ง

กทม. 13 ก.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน […]

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย