รัฐสภา 7 ต.ค.-“วุฒิชาติ” เสนอญัตติด่วนแนวทางแก้ไข ป้องกันเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียน “รัชนีกร“ ปล่อยโฮ ถามผู้ใหญ่ปล่อยให้สังคมเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ซัดเหตุการณ์สะท้อนการทุจริตเบ่งบานทุกหย่อมหญ้า เสนอยกเลิกรถโดยสารสาธารณะที่ใช้ถังแก๊ส พร้อมสดุดี 3 คุณครูที่เสียสละร่างกายบังไฟให้นักเรียนทั้งน้ำตา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาวันนี้ (7 ต.ค.) มี พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติขอให้วุฒิสภาพิจารณาหาแนวทางในการป้องกัน แก้ไข และช่วยเหลือเยียวยา ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการ ที่เสนอโดยนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร
นายวุฒิชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่บริเวณ ถนนวิภาวดีขาเข้าหน้าอนุสรณ์สถาน จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้มีนักเรียนบนรถไม่สามารถหนีออกมาได้ทัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 23 ราย สร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัวผู้สูญเสียและสังคม อีกทั้งก่อให้เกิดคำถามถึงสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ทั้งมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ มาตรฐานการตรวจสอบและความปลอดภัยคของตัวรถจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความรู้และความสามารถของผู้ขับในการป้องกันและระงับเหตุ รวมถึงการเตรียมความพร้อมรวมถึงการซักซ้อมให้กับผู้โดยสารหากเกิดเหตุ นอกจากจะพิจารณาหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุแล้ว สิ่งสำคัญต้องพิจารณาการช่วยเหลือเยียวยาโดยเฉพาะญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม แม้จะไม่คุ้มค่าต่อการเสียคนที่รักในครอบครัวไปก็ตาม
นางสาวรัชนีกร ทองทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา ได้ลุกขึ้นอภิปรายด้วยเสียงที่สั่นเครือ ว่า เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะพูด แต่ต้องพูดให้เกิดการแก้ไขปรับปรุงไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ในวันที่ 1 ตุลาคมเป็นช่วงปิดเทอมเด็กๆ วัยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ตื่นเต้น ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกับคุณครูและเพื่อนเพื่อนบางคนเป็นครั้งแรกในชีวิตแต่ก็กลายเป็นครั้งสุดท้าย ผู้ใหญ่ควรตั้งคำถามว่าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไรในสังคมไทย ทำไมไม่สร้างสังคมที่ปลอดภัยให้กับเด็ก เขาควรจะได้เติบโตได้อยู่ต่อและทำสิ่งดีๆ ให้กับประเทศชาติแต่ต้องมาจบชีวิตลง โศกนาฏกรรมแบบนี้จะไม่เกิดหากผู้ใหญ่รับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา
นางสาวรัชนีกร อภิปรายว่า แม้เด็กๆ จะเสียชีวิตอย่างทารุณ แต่กิจกรรมทัศนศึกษายังเป็นกิจกรรมที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน เพราะการเรียนรู้ไม่ได้มีเฉพาะในห้องเรียนแต่ต้องมีนอกห้องเรียนด้วย การทัศนศึกษายังจำเป็นอยู่แต่ต้องกำหนดอายุของเด็กที่ไปและระยะทาง และต้องคำนึงถึงการพักค้างคืนอีกทั้งยังต้องเพิ่มงบประมาณให้กับโรงเรียนให้สามารถจัดกิจกรรมทัศนศึกษาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งทักษะการเอาชีวิตรอดเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับนักเรียน แต่หากกลับมาดูมาตรฐานความปลอดภัย เรามีการขนส่งที่ไม่ปลอดภัย มีการตรวจสอบใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการส่งขนส่งที่ถูกตั้งคำถามเสมอว่าเชื่อถือได้หรือไม่ วันนี้อุปกรณ์ความปลอดภัยที่อยู่ในรถนักเรียนและรถขนส่งโดยสารสาธารณะไม่ว่าจะเป็นฆ้อนทุบกระจก ประตูฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ชุดผจญเพลิงเพียงพอหรือไม่ และรู้ดีว่าไม่เคยมีการอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติตนขณะใช้รถขนส่งสาธารณะก่อนเดินทาง นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งแก๊สไว้ใต้ท้องรถซึ่งไม่มีความปลอดภัย
จึงขอเสนอให้ยกเลิกรถขนส่งสาธารณะที่มีการติดตั้งถังแก๊สไว้พอจากกระทบต่อความปลอดภัยของบุคคลทั่วไป หรือควรติดตั้งสติกเกอร์ที่ระบุว่ารถคันดังกล่าวมีการติดตั้งระบบแก๊สเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ใช้บริการ รวมถึงควรมีการติดตั้งระบบตัดไฟอัตโนมัติด้วยสารเคมีในรถขนส่งสาธารณะรวมถึงรถไฟรถไฟฟ้าในอนาคต การออกแบบการรับรองมาตรฐานแนวเรื่องการติดตั้งถังแก๊สประตูฉุกเฉินรวมถึงการอบรมผู้ขับขี่ที่ถือใบอนุญาตผู้ขับรถทุกประเภทชนิดที่2 ให้ผ่านการทดสอบหลักสูตรการเผชิญเหตุและรับผิดชอบผู้โดยสารและต้องตรวจสอบเป็นระยะทุกปี ไม่ใช่ครั้งแรกครั้งเดียวแล้วหายไป
พร้อมกันนี้นางสาวรัชนีกร กล่าวว่า ประเทศไทยมีปัญหาการทุจริตเบ่งบานไปทุกหย่อมหญ้า ในลักษณะกินบ้านกินเมื่องเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่ามีเรื่องนี้จริงๆในสังคมไทยจนมีคำถามว่าหากรถขนส่งสาธารณะรวมถึงผู้ประกอบการ เห็นว่ารถของตัวเองไม่สามารถตรวจสภาพผ่าน ก็อาจใช้เงินจำนวนมากในการดูแลผู้มีหน้าที่หรือไม่ จึงอยากให้มีการเข้าไปดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนไม่มีจุดสิ้นสุดขอให้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นบทเรียนและตระหนักให้มีการเตรียมความพร้อมป้องกัน และหวังว่าจะไม่ทำเฉพาะช่วงนี้แต่ต้องทำอย่างจริงจังให้มีผล กับสังคมไทยเสียที
นางสาวรัชนีกร กล่าวด้วยน้ำตาว่า สุดท้ายที่สุดนี้ขอสดุดีคุณครูที่เสียชีวิตทั้ง 3 คน น.ส.พิมพ์ทอง สมบัติ, น.ส.สรัญญา หอมเกษร, น.ส.กนกวรรณ ศรีพร ภาพสุดท้ายที่กู้ภัยไปเห็นคือท่านกอดกันและนักเรียนอยู่ตรงกลางท่านทำหน้าที่ครูจนถึงนาทีสุดท้าย ดิฉันขอคารวะท้ายที่สุดนี้ขอมอบบทกลอนที่แต่งด้วยตัวเองตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตั้งแต่นั้นมานอนไม่หลับเลยเพราะเป็นคนที่มีลูกเล็กอายุ 6 ขวบ ดิฉันเข้าใจความสูญเสีย เข้าใจว่าเด็กอายุเท่านั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไม่สามารถหาทางหนีออกมาเองได้สังคมไทยต้องกลับมาแก้ไขอย่างจริงจังเสียที
“ขอน้อมส่งเด็กน้อยน้อยไปบนฟ้า ขอกล่าวลาลูกลูกวัยสดใส ขอความสุขทุกที่ที่หนูไป เดินทางไกลคราวนี้ให้ร่มเย็น ไม่มีเจ็บไม่มีปวดแล้วลูกจ๋า ห้องเรียนคงว่างเปล่ากว่าเคยเห็น บ้านคงเงียบวังเวงกว่าเคยเป็น ทุกเช้าเย็นเสียงร่ำไห้แทบขาดใจ ครูกอดกันกั่นเด็กเป็นกำแพงมนุษย์ สิ่งท้ายสุดที่เรารับรู้ได้คือคุณครูปกป้องสิทธิ์ด้วยหัวใจ ขอกราบไหว้คารวะจิตวิญญาณ ขอสดุดีคุณครูผู้เสียสละแบกภาระการดูแลสิทธิ์ของท่านทำหน้าที่สมเกียรติจนวายปราณ ขอกราบการยกมือวันทาครูขอน้อมส่งทุกชีวิตที่ปริดสิ้น เสียงล้ำไห้ที่ได้ยินยังก้องหู ขอให้ลูกนักเรียนและคุณครูเดินทางสู่สัปยภพอันงดงาม”
ด้าน พลตำรวจโทวันไชย เอกพรพิชญ์ สมาชิกวุฒิสภา เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการละเลยกฎหมาย ทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งกฎหมายจราจรขนส่งทางบก และยานพาหนะ ที่มีการดัดแปลง หรือบรรทุกน้ำหนักเกิน รวมถึงการเข้มงวดในการตรวจสอบสภาพรถที่ล้มเหลว ทั้งอายุรถ และการติดตั้งแก๊สเกินจำนวนที่กำหนด ไม่มีการตรวจสภาพ เป็นต้น จึงเสนอให้ต้องมีการกำหนดมาตรฐานให้ชัดเจน ทั้งจำนวนสูงสุด โครงสร้างที่แข็งแรง ตรวจความพร้อมอุปกรณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งจะต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ทั้งระดับบริหาร และปฏิบัติการให้รับผิดชอบทางวินัยราชการ ฐานความบกพร่องในการดำเนินงาน พร้อมยังยกตัวอย่างเหตุโศกนาฏกรรมเรือเซวอน ที่พานักเรียนเกาหลีใต้ไปทัศนศึกษา และอับปางลง จนเจ้าหน้าที่เรือยอมผูกคอตาย นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ในขณะนั้น ประกาศลาออกแสดงความรับผิดชอบ และ ประธานาธิบดี ยังถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขอจึงถามหาความรับผิดชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ต้องลาออกเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับประชาชนคนไทย
ขณะที่ นายสิทธิกร ธงยศ สมาชิกวุฒิสภา ได้เรียกร้องให้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก แต่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ในการตรวจสอบบริษัทผู้ประกอบการ และรถบัสใช้งานที่มีอายุการใช้งานมากแล้ว แต่กลับได้รับการปล่อยผ่านจากการตรวจสภาพ จึงขอให้นำนายทะเบียน ที่เป็นตัวการ และเซ็นใบตรวจผีนี้ มาลงโทษ เพราะเป็นการทุจริต ทำให้เกิดความสูญเสีย ไม่สามารถจับกุมเฉพาะคนขับได้ แต่จะต้องนำทั้งขบวนการมาตรวจสอบได้ และขอให้วุฒิสภา ได้พิจารณาตั้งกรรมาธิการฯ เพื่อหาข้อเท็จจริง และนำตัวการที่ปล่อยผ่านการตรวจถังแก๊สที่หมดอายุมาลงโทษให้ได้.-312.-สำนักข่าวไทย