พม.ขยายศูนย์พักพิงเหนือ-อีสาน รองรับผู้ประสบอุทกภัย

พม. 4 ต.ค.- “วราวุธ” เผย พม.ขยายศูนย์พักพิงในหน่วยงาน พม. 16 จังหวัดเหนือ-อีสาน รองรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในสถานการณ์ภัยพิบัติ ว่า ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. รายงานการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ในสถานการณ์ภัยพิบัติ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม – 4 ตุลาคม 2567 พบว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติ 38 จังหวัด (จังหวัดเชียงราย พิษณุโลก อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ ตาก ปราจีนบุรี หนองคาย นครพนม บึงกาฬ  สุโขทัย แพร่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี ลำปาง หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน น่าน นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ยะลา ระยอง พะเยา พังงา ตรัง สตูล ชุมพร ลำพูน ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี มหาสารคาม ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และอุบลราชธานี ) 102 อำเภอ 421 ตำบล 2,114 หมู่บ้าน 55,622 ครัวเรือน โดยมีประชาชนกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติ 66,342 ครัวเรือน 79,604 ราย แบ่งเป็นกลุ่มเด็ก 9,107 ราย เยาวชน 7,558 ราย คนพิการ 12,076 ราย ผู้สูงอายุ 39,627 ราย และผู้มีรายได้น้อย 11,236 ราย

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางแล้ว 13,157 ราย โดยช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ต่างๆ 5,337 ครอบครัว ให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องสิทธิสวัสดิการต่างๆ 6,632 ราย ซ่อมแซมปรับปรุงที่อยู่อาศัย 50 ราย และการกำพร้า 6 ราย อีกทั้งศูนย์รับบริจาคกระทรวง พม. มอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ผู้ประสบภัย ด้วยความร่วมมือจากภาคธุรกิจเอกชน อาทิ แพ็มเพิสสำหรับผู้สูงอายุ ข้าวกล่อง น้ำดื่ม ยารักษาโรค กายอุปกรณ์สำหรับคนพิการ  และเครื่องอุปโภคบริโภคเฉพาะตามกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ไม้เท้า ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สุขาเคลื่อนที่ รวมทั้งการตั้งโรงครัว 21 โรงครัว ร่วมกับทางจังหวัดจังหวัดน่าน แพร่ พะเยา สุโขทัย เชียงราย และเชียงใหม่


นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวง พม. ได้เปิดพื้นที่ของหน่วยงานทีม พม.หนึ่งเดียว 16 จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวในการรองรับผู้ประสบภัย รวม 46 แห่ง แบ่งเป็น 1) ภาคเหนือ 8 จังหวัด 26 แห่ง ได้แก่ 1) ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงราย 2) ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดเชียงราย 3) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงราย 4) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดเชียงราย 5) บ้านเอื้ออาทรจังหวัดเชียงราย (ริมกก) 6) บ้านเอื้ออาทรจังหวัดเชียงราย (แม่สาย 1) และ 7) บ้านเอื้ออาทรจังหวัดเชียงราย (แม่สาย 2) 2. จังหวัดเชียงใหม่ 8 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านเอื้ออาทรจังหวัดเชียงใหม่ (สันผีเสื้อ) 2) บ้านเอื้ออาทรจังหวัดเชียงใหม่ (หนองหอย) 3) บ้านเอื้ออาทรจังหวัดเชียงใหม่ (หนองหอย 2) 4) สถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ 5) สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านเชียงใหม่ 6) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ 7) ศูนย์พักพัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝน และ 8) ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์ 3. จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2 แห่ง ได้แก่ 1) ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ 2) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน 4. จังหวัดลำพูน 2 แห่ง ได้แก่ 1) ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดลำพูน และ 2) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดลำพูน 5. จังหวัดลำปาง 1 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคเหนือ 6. จังหวัดพะเยา 2 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพะเยา และ 2) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดพะเยา 7. จังหวัดน่าน 2 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดน่าน และ 2) ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดน่าน และ 8. จังหวัดแพร่ 2 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแพร่
และ 2) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดแพร่

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด 20 แห่ง ได้แก่ 1. จังหวัดหนองคาย 3 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดหนองคาย 2) สถานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดหนองคาย และ 3) นิคมสร้างตนเองโพนพิสัย 2. จังหวัดเลย 2 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเลย และ 2) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดเลย 3. มุกดาหาร 2 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดมุกดาหาร และ 2) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดมุกดาหาร 4. จังหวัดบึงกาฬ 2 แห่ง ได้แก่1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬ และ 2) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดบึงกาฬ 5. จังหวัดอุบลราชธานี 2 แห่ง ได้แก่ 1) ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการบ้านศรีวนาไล และ 2) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดอุบลราชธานี 6. จังหวัดนครพนม 3 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครพนม 2) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม และ3) ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม 7. จังหวัดขอนแก่น 3 แห่ง ได้แก่ 1) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น 2) ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภาจังหวัดขอนแก่น และ 3) ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดขอนแก่น และ 8. จังหวัดอุดรธานี 3 แห่ง ได้แก่ 1) นิคมสร้างตนเองเชียงพิณ 2) นิคมสร้างตนเองห้วยหลวง และ 3) สถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดอุดรธานี

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนผู้ประสบภัยต้องการความช่วยเหลือ เร่งด่วน ขอให้โทรติดต่อมาที่ สายด่วน พม. โทร. 1300 ของศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน  (ศรส.) กระทรวง พม. เราพร้อมส่งทีมปฏิบัติการหน่วยเครื่องที่เร็วลงพื้นที่ช่วยเหลือโดยด่วน .314.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจรจา JBC พร้อมตั้งคำถาม “คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก?” พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย