เชียงราย 28 ก.ย. – นายกฯ ลุยโคลนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ จ.เชียงราย เร่งเคลียร์ถนนหลัก 24 สาย คาดว่าต้นเดือน พ.ย. จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ น้ำตาคลอฟังทุกข์ชาวบ้าน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เริ่มภารกิจแรกในการลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย รับฟังรายงานสรุปจากหน่วยงานของกรมทหารช่างและนายอำเภอแม่สาย ที่ว่าการอำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อำเภอแม่สาย เพื่อประเมินสถานการณ์และติดตามการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหลังจากเหตุการณ์อุทกภัย ณ บ้านเกาะทราย และบ้านผาจม ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะมีการเคลียร์ดินโคลนบริเวณถนนที่เป็นถนนสายหลักทั้งหมด 24 สาย ตลาดสายลมจอย และกู้คืนสภาพ โรงเรียนบ้านไม้ลุงขนได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องเข้ามาเคลียร์พื้นที่อีกครั้ง โดยจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน คาดว่าประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ปัญหาของประชาชนในพื้นที่ คือบางบ้านถูกน้ำและโคลนทับถมจนบางหลังเหลือแต่โครงสร้าง ก็จำเป็นต้องเร่งเยียวยา และยังมีบ้านเรือนอีก 64 หลังที่เสียหายทั้งหลัง ถือว่าเสียหายอย่างหนักมาก และหากดูตามกฎหมายแล้วก็จะได้รับค่าชดเชยมากพอสมควร เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องรับไปดูแล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หนักเช่นกัน ดังนั้นถ้าเครื่องจักรหนัก เครื่องจักรเบาและอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าที่อำเภอแม่สายเพียงพอแล้ว ก็ขอให้ขนไปช่วยที่อำเภอเมือง แต่ก่อนจะขนย้ายจะต้องมีการพิจารณาว่าที่อำเภอแม่สายเพียงพอแล้วหรือไม่ เพราะไม่ต้องการ ให้เกิดเหตุการณ์ว่าถ้าย้ายไปแล้วที่อำเภแแม่สายจะทำให้ขาดแคลนอุปกรณ์ จึงอยากให้ที่แม่สายจบเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามระหว่างที่นายกรัฐมนตรีนั่งรถจีเอ็มซีของทหารเข้ามาในพื้นที่ นายกรัฐมนตรีได้อัปเดตข้อมูลตลอดเวลา ตามจุดต่างๆที่รถขับผ่าน กับนายอำเภอแม่สาย เรื่องการทำงานขณะเดียวกันก็ได้สอบถามถึงการทำงานรวมทั้งเครื่องจักรของทางกองทัพจากพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ซึ่งได้รายงานและอัปเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ระหว่างการเดินทางนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ยังได้ให้กำลังใจกับชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติงานกันอย่างแข่งขัน โดยนายกรัฐมนตรีได้ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ และให้กำลังใจและบอกกับชาวบ้านว่าขอให้อดทนอีกสักระยะหนึ่ง เจ้าหน้าที่กำลังเร่งและพยายามเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรียังสั่งให้ สส.พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ไปตรวจเช็กรายละเอียดเรื่องของเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ ยาต่างๆ ที่จำเป็น เพื่อนำมาให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งสอบถามว่ายังขาดเหลืออะไรและมีสิ่งของที่ยังต้องการอะไรเพิ่มเติม เพื่อจะได้เร่งดำเนินการจัดส่งมาให้
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นรถบรรทุกทหาร เพื่อเข้าไปพื้นที่ บ้านเกาะทราย ซอย 1 รับฟังแผนการดำเนินงานการฟื้นฟู กำจัดดินโคลนจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพไทยที่รับผิดชอบประมาณ 145 ไร่ กว่า 1,000 ครัวเรือน ซึ่งการดำเนินการภารกิจแรก คือ การเปิดเส้นทางการจราจรให้ประชาชนสามารถสัญจรเข้าบ้านได้ ซึ่งกว่า 90% ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
ส่วนภารกิจที่ 2 คือ การเข้าฟื้นฟูบ้านประชาชน ซึ่งขณะนี้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วกว่า 65% ภารกิจที่ 3 คือ การเข้าช่วยเหลือจากนักเรียนช่างฝีมือทหาร ในการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ ภารกิจที่ 4 สารวัตรทหาร ร่วมกับตำรวจในพื้นที่ในการควบคุมการจราจร และดูแลความปลอดภัยในช่วงยามวิกาล และภารกิจที่ 5 คือการดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล
ภายหลังนายกรัฐมนตรีได้รับฟังรายงานสรุป แผนการดำเนินงาน นายกรัฐมนตรี เดินเท้าลุยโคลน เพื่อเยี่ยมเยียน พบปะชาวบ้านเกาะทราย ซอย 1 เพื่อให้กำลังใจ ในช่วงหนึ่งที่นายกฯ ได้เข้าไปเยี่ยมบ้านประชาชน คุณยายเจ้าของบ้านได้เข้าไปสวมกอดนายกฯ พร้อมกับร้องไห้ เล่าถึงความทุกข์ยากที่พบเจอ ทำให้ช่วงนี้นายกรัฐมนตรีถึงกับน้ำตาคลอ
นอกจากนี้มีคุณลุงเดินมาหานายกฯ ที่นั่งอยู่ระหว่างนั่งอยู่บนรถทหาร จีเอ็มซี โดยคุณลุงถึงกับน้ำตาคลอ นายกรัฐมนตรีจึงได้เข้าไปจับมือให้กำลังใจ พร้อมระบุว่า เป็นกำลังกำลังใจให้ทุกคนขอให้สู้ๆ ซึ่งขณะนี้กองทัพ และอุปกรณ์เครื่องไม้ เครื่องมือ เครื่องจักรทุกอย่างยังอยู่ในพื้นที่ช่วยเหลือ จนกว่าเข้าสู่ภาวะปกติ ยืนยันว่าไม่ต้องห่วง
นายกรัฐมนตรีได้พบกับ “โค้ชเอก” นายเอกพล จันทะวงษ์ ของทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี ที่ต้องการให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ และฟื้นฟูจิตใจ เด็กและเยาวชนในชุมชนผู้ประสบภัย และช่วงปิดภาคเรียนนี้ ขอให้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นและสนับสนุนเยาวชนได้เป็นจิตอาสา หรือมีรายได้พิเศษจากการทำงาน
อย่างไรก็ตามในพื้นที่ชุมชนบ้านเกาะทราย พบว่ามีเครื่องจักรอุปกรณ์จากบ้านโครงการบ้านแสนสิริ ที่ส่งความช่วยเหลือมาจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองทัพไทยด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในการลงพื้นที่ 2 ที่จังหวัดเชียงรายโดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในขณะนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัด และรองผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้เดินทางร่วมคณะแต่อย่างใด มีเพียงผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายอำเภอแม่สาย สส.ในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติเท่านั้น.-314-สำนักข่าวไทย