“รอมฎอน” ขอจับตาคดีตากใบ สิ้นสุดอายุความ 25 ต.ค.นี้

รัฐสภา 25 ก.ย.-“รอมฎอน” ขอจับตาคดีตากใบ สิ้นสุดอายุความ 25 ต.ค.นี้ ปธ.สภาฯ เปิดทางดำเนินคดีได้เลย หากไม่ตรงวันประชุม หวัง “แพทองธาร” หัวหน้าเพื่อไทย ทำอะไรได้มากกว่านี้ จี้ “นายกฯ-ภูมิธรรม” เร่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขชุดใหม่ เหตุสถานการณ์ตอนนี้ต้องมีความชัดเจนจากรัฐบาล

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึง คดีตากใบ ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ว่า ล่าสุดคดีนี้ไม่ว่าสำนวนไหนกำลังนับถอยหลัง 30 วัน และต้องจับตาดูความคืบหน้ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ว่าจะได้รับความร่วมมือหรือไม่ ซึ่งคดีตากใบแบ่งออกเป็นสองสำนวน โดยมีหนึ่งสำนวน ที่ราษฎรจำนวน 48 คนฟ้องเองต่อศาล ในจังหวัดนราธิวาส พร้อมกับนัดเบิกความและให้การไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยจำเลยทั้ง 7 คน เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่ได้เดินทางไปยังศาล ศาลจึงออกหมายจับ 6 คน โดยจำเลยที่หนึ่งศาลออกหมายเรียก คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากฝั่งจำเลย หรือตำรวจ ว่าได้มีการจับกุมผู้ที่ออกหมายจับได้หรือไม่ และไม่มีการตอบรับจากฝั่ง พลเอกพิศาล แม้ตนเองจะเรียกร้องไปยังหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะนายกรัฐมนตรี ให้มีการโน้มน้าว พลเอกพิศาล เดินทางไปยังศาล ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทางด้านสภานั้นทราบว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการตอบหนังสือจากศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ขอจับ สส. คนดังกล่าว แต่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งหนังสือกลับไปยังศาลจังหวัดนราธิวาส ชี้แจงในมาตรา 125 ที่สามารถดำเนินคดีได้เลย ตราบใดที่การนัดศาลไม่เป็นการขัดขวางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนัดครั้งต่อไปคือวันที่ 25 ตุลาคม โดยอีก 20 วันหลังจากนี้ จึงไม่น่าจะเป็นการขัดขวางการประชุมสภาของ พลเอกพิศาล ที่ตกเป็นจำเลย ด้วยเหตุนี้ จึงอยากให้ทุกคนเฝ้าติดตามและทราบว่าฝ่ายโจทก์ กำลังที่จะทำหนังสือถึงศาลจังหวัดนราธิวาส เพื่อขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ พลเอกพิศาล ซึ่งเป็นจำเลยที่หนึ่งในคดีนี้ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ากรณีนี้ ไม่เคยได้พบเจอภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 และภายใต้เงื่อนไข อายุความของคดี ที่เหลืออยู่เพียงไม่ถึงเดือน ซึ่งเงื่อนเวลาของคดีนี้ ต้องฝากสื่อมวลชนติดตาม ว่ากำลังมีความเคลื่อนไหวจากฝ่ายโจทก์ที่ได้ยื่นฟ้องออกหมายจับไปแล้ว


ส่วนอีกสำนวนคือ อัยการสูงสุดได้มีการแถลงเมื่อวันที่ 12 กันยายน ว่ามีความเห็นสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหา ซึ่งอัยการจะต้องส่งไปให้พนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 8 คน ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายความมั่นคงกำลังเตรียมรับมือกับสถานการณ์ ภายหลังจากคดีตากใบขาดอายุความ และมีกำหนดการประชุมทีม ในวันจันทร์ที่ 30 กันยายน ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าสำนวนนี้เป็นสำนวนที่น่าเป็นห่วง เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอนแม้จะเป็นคนละกลุ่มผู้ต้องหา แต่มีที่เชื่อมต่อกัน 1 ราย ที่เป็นอดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่5 ซึ่งเรื่องนี้ต้องจับตาและฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมฝากทางกอ.รมน. ที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังตำรวจชายแดนภาคใต้ ว่าต้องกำชับให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะหากมีการเตรียมรับมือหลังขาดอายุความ ก็หมายความว่าคดีนี้ไม่สามารถนำจำเลย หรือผู้ต้องหาเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลได้เลยหรือไม่ ดังนั้นต้องกำชับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงาน ตามหน้าที่ที่ควรจะทำ ทั้ง 2 สำนวน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง

“ฝากนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลงานด้านความมั่นคงอย่างนายภูมิธรรม เวชยชัย ให้ติดตามการทำงานของตำรวจอย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะพึ่งมารับหน้าที่ แต่นายภูมิธรรมก็ทำหน้าที่มาสักพักแล้ว นายกรัฐมนตรีแพทองธาโดยตัวท่านเองก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผมคิดว่าท่านทำอะไรได้มากกว่านี้” นายรอมฎอน กล่าว


นายรอมฎอน กล่าวยังว่า กรรมาธิการการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เกี่ยวกับการติดตามคดี มาชี้แจงในที่ประชุมในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ ซึ่งตนไม่ได้เป็นกรรมาธิการชุดนี้ด้วยแต่ในฐานะสส.ก็เตรียมที่จะตั้งกระทู้ในเรื่องนี้ ถึงฝากรัฐบาลเตรียมตอบคำถามเรื่องนี้ด้วย

นายรอมฎอน ยังกล่าวว่า ยังมีอีกหนึ่งคดีคือนักกิจกรรมมาลายู 9 คน ที่ดำเนินมา 2 ปี และในวันพรุ่งนี้อัยการมีการฟ้องดำเนินคดีในชั้นศาล จากคดีที่นักกิจกรรมมาลายูรวมตัวกันชุมนุมที่หาดวาสุกรี คดีนี้เป็นคดียุทธศาสตร์ เป็นคดีสัญลักษณ์ ที่เป็นการชี้ขาดว่า ประเทศนี้จะเปิดโอกาส ให้ประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ติดอาวุธ ใช้การเคลื่อนไหวแบบสันติวิธีมีปากมีเสียง มีพื้นที่ทางการเมืองมากน้อยขนาดไหน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องฝากนายกรัฐมนตรีให้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเป็นการส่งสัญญาณไม่บวกก็ลบแน่ๆ ต่อกระบวนการสันติภาพ

นายรอมฎอน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งรับผิดชอบงานด้านนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการแต่งตั้งคณะพูดคุย สันติสุขชุดใหม่หรือไม่ เพราะตอนนี้ยังเคว้งอยู่ ซึ่งตนเองเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปล้นปืนและเผาอาคารเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องการความชัดเจนของรัฐบาลไทยอย่างมาก ว่าทิศทางการแก้แก้ไขปัญหาทางการเมือง ของรัฐบาลจะเดินไปอย่างไร จึงขอเรียกร้องและเร่งให้นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ให้มีการแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุข และพูดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยต้องสื่อสารให้เร็ว เพราะไม่เช่นนั้นตัวความรุนแรงจะกลับเข้ามา ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเดียวส่วนตัวเกรงว่าจะทำให้สถานการณ์บานปลาย.-315.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”