“รอมฎอน” ขอจับตาคดีตากใบ สิ้นสุดอายุความ 25 ต.ค.นี้

รัฐสภา 25 ก.ย.-“รอมฎอน” ขอจับตาคดีตากใบ สิ้นสุดอายุความ 25 ต.ค.นี้ ปธ.สภาฯ เปิดทางดำเนินคดีได้เลย หากไม่ตรงวันประชุม หวัง “แพทองธาร” หัวหน้าเพื่อไทย ทำอะไรได้มากกว่านี้ จี้ “นายกฯ-ภูมิธรรม” เร่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขชุดใหม่ เหตุสถานการณ์ตอนนี้ต้องมีความชัดเจนจากรัฐบาล

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึง คดีตากใบ ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ว่า ล่าสุดคดีนี้ไม่ว่าสำนวนไหนกำลังนับถอยหลัง 30 วัน และต้องจับตาดูความคืบหน้ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ว่าจะได้รับความร่วมมือหรือไม่ ซึ่งคดีตากใบแบ่งออกเป็นสองสำนวน โดยมีหนึ่งสำนวน ที่ราษฎรจำนวน 48 คนฟ้องเองต่อศาล ในจังหวัดนราธิวาส พร้อมกับนัดเบิกความและให้การไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยจำเลยทั้ง 7 คน เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่ได้เดินทางไปยังศาล ศาลจึงออกหมายจับ 6 คน โดยจำเลยที่หนึ่งศาลออกหมายเรียก คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากฝั่งจำเลย หรือตำรวจ ว่าได้มีการจับกุมผู้ที่ออกหมายจับได้หรือไม่ และไม่มีการตอบรับจากฝั่ง พลเอกพิศาล แม้ตนเองจะเรียกร้องไปยังหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะนายกรัฐมนตรี ให้มีการโน้มน้าว พลเอกพิศาล เดินทางไปยังศาล ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทางด้านสภานั้นทราบว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการตอบหนังสือจากศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ขอจับ สส. คนดังกล่าว แต่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งหนังสือกลับไปยังศาลจังหวัดนราธิวาส ชี้แจงในมาตรา 125 ที่สามารถดำเนินคดีได้เลย ตราบใดที่การนัดศาลไม่เป็นการขัดขวางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนัดครั้งต่อไปคือวันที่ 25 ตุลาคม โดยอีก 20 วันหลังจากนี้ จึงไม่น่าจะเป็นการขัดขวางการประชุมสภาของ พลเอกพิศาล ที่ตกเป็นจำเลย ด้วยเหตุนี้ จึงอยากให้ทุกคนเฝ้าติดตามและทราบว่าฝ่ายโจทก์ กำลังที่จะทำหนังสือถึงศาลจังหวัดนราธิวาส เพื่อขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ พลเอกพิศาล ซึ่งเป็นจำเลยที่หนึ่งในคดีนี้ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ากรณีนี้ ไม่เคยได้พบเจอภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 และภายใต้เงื่อนไข อายุความของคดี ที่เหลืออยู่เพียงไม่ถึงเดือน ซึ่งเงื่อนเวลาของคดีนี้ ต้องฝากสื่อมวลชนติดตาม ว่ากำลังมีความเคลื่อนไหวจากฝ่ายโจทก์ที่ได้ยื่นฟ้องออกหมายจับไปแล้ว


ส่วนอีกสำนวนคือ อัยการสูงสุดได้มีการแถลงเมื่อวันที่ 12 กันยายน ว่ามีความเห็นสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหา ซึ่งอัยการจะต้องส่งไปให้พนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 8 คน ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายความมั่นคงกำลังเตรียมรับมือกับสถานการณ์ ภายหลังจากคดีตากใบขาดอายุความ และมีกำหนดการประชุมทีม ในวันจันทร์ที่ 30 กันยายน ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าสำนวนนี้เป็นสำนวนที่น่าเป็นห่วง เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอนแม้จะเป็นคนละกลุ่มผู้ต้องหา แต่มีที่เชื่อมต่อกัน 1 ราย ที่เป็นอดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่5 ซึ่งเรื่องนี้ต้องจับตาและฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมฝากทางกอ.รมน. ที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังตำรวจชายแดนภาคใต้ ว่าต้องกำชับให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะหากมีการเตรียมรับมือหลังขาดอายุความ ก็หมายความว่าคดีนี้ไม่สามารถนำจำเลย หรือผู้ต้องหาเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลได้เลยหรือไม่ ดังนั้นต้องกำชับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงาน ตามหน้าที่ที่ควรจะทำ ทั้ง 2 สำนวน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง

“ฝากนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลงานด้านความมั่นคงอย่างนายภูมิธรรม เวชยชัย ให้ติดตามการทำงานของตำรวจอย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะพึ่งมารับหน้าที่ แต่นายภูมิธรรมก็ทำหน้าที่มาสักพักแล้ว นายกรัฐมนตรีแพทองธาโดยตัวท่านเองก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผมคิดว่าท่านทำอะไรได้มากกว่านี้” นายรอมฎอน กล่าว


นายรอมฎอน กล่าวยังว่า กรรมาธิการการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เกี่ยวกับการติดตามคดี มาชี้แจงในที่ประชุมในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ ซึ่งตนไม่ได้เป็นกรรมาธิการชุดนี้ด้วยแต่ในฐานะสส.ก็เตรียมที่จะตั้งกระทู้ในเรื่องนี้ ถึงฝากรัฐบาลเตรียมตอบคำถามเรื่องนี้ด้วย

นายรอมฎอน ยังกล่าวว่า ยังมีอีกหนึ่งคดีคือนักกิจกรรมมาลายู 9 คน ที่ดำเนินมา 2 ปี และในวันพรุ่งนี้อัยการมีการฟ้องดำเนินคดีในชั้นศาล จากคดีที่นักกิจกรรมมาลายูรวมตัวกันชุมนุมที่หาดวาสุกรี คดีนี้เป็นคดียุทธศาสตร์ เป็นคดีสัญลักษณ์ ที่เป็นการชี้ขาดว่า ประเทศนี้จะเปิดโอกาส ให้ประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ติดอาวุธ ใช้การเคลื่อนไหวแบบสันติวิธีมีปากมีเสียง มีพื้นที่ทางการเมืองมากน้อยขนาดไหน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องฝากนายกรัฐมนตรีให้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเป็นการส่งสัญญาณไม่บวกก็ลบแน่ๆ ต่อกระบวนการสันติภาพ

นายรอมฎอน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งรับผิดชอบงานด้านนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการแต่งตั้งคณะพูดคุย สันติสุขชุดใหม่หรือไม่ เพราะตอนนี้ยังเคว้งอยู่ ซึ่งตนเองเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปล้นปืนและเผาอาคารเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องการความชัดเจนของรัฐบาลไทยอย่างมาก ว่าทิศทางการแก้แก้ไขปัญหาทางการเมือง ของรัฐบาลจะเดินไปอย่างไร จึงขอเรียกร้องและเร่งให้นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ให้มีการแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุข และพูดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยต้องสื่อสารให้เร็ว เพราะไม่เช่นนั้นตัวความรุนแรงจะกลับเข้ามา ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเดียวส่วนตัวเกรงว่าจะทำให้สถานการณ์บานปลาย.-315.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

“ลูกหมี” นำ สส.ชุมพร-อบจ.ชุมพร-ทีมพลังชุมพร ซบพรรคภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทย 17 ก.ย.-“ลูกหมี” นำ สส.ชุมพร-อบจ.ชุมพร-ทีมพลังชุมพร ซบพรรคภูมิใจไทย มั่นใจพรรคนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่หวังประโยชน์ส่วนตัว แจงไม่ขัดแย้งกับ รทสช. ชี้เป็นเรื่องภายในพรรค ด้าน “พิพัฒน์” ตั้งเป้ากวาดที่นั่งภาคใต้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าแลนด์บริดจ์ นายชุมพล จุลใส นำ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ และนายสุพล จุลใส 2 สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดตัวเตรียมร่วมงานที่พรรคภูมิใจไทย รวมถึง นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร ที่นำทีมพลังชุมพร 27 คน สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับและสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยให้กับ นายก อบจ. นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งได้ต้อนรับ คณะจากจังหวัดชุมพร ที่มาให้กำลังใจนายอนุทินโดย ได้รับการยืนยันว่า จะร่วมกันพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ให้แข็งแกร่งเติบโต และมีความเจริญขึ้น โดยการนำของนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ขอบคุณที่ให้โอกาสภาคภูมิใจไทยได้ไปร่วมทำงานกับพี่น้องจังหวัดชุมพร ทุกคนมีเจตจำนงที่จะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งในสมัยต่อไป นายชุมพล กล่าวว่า ตนขอพูดในนามส่วนตัวว่ามีความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยสามารถนำพาประเทศไปได้และทำทุกอย่างให้ประเทศมีความมั่นคงให้ประเทศเดินไปข้างหน้า […]

วางระเบิด-ยิงซ้ำ ทหารพรานบาดเจ็บ 4 นาย

นราธิวาส 17 ก.ย.-คนร้ายลอบวางระเบิด-ยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ทหารพรานบาดเจ็บ 4 นาย ขณะลาดตระเวนเส้นทางในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 07.53 น. วันที่ 17 กันยายน 2568 เกิดเหตุลอบวางระเบิดและมีการยิงซ้ำ บริเวณบ้านบือราแง ม.3 ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ขณะที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานหน่วย ฉก.ทพ.48 กำลังออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยเส้นทาง เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ได้แก่ 1.จ่าสิบเอก ปิยะ อินทะโกษี ได้รับบาดเจ็บแน่นหน้าอกจากแรงระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณป้อมปืน2.อส.ทพ.สุริยาวุธ ช่างเกวียนดี ได้รับบาดเจ็บภายในรถ ไม่สามารถขยับออกมาได้ ต้องใช้รถกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ แต่ยังมีสติ3.อส.ทพ.ตะวัน สว่างเมฆารัตน์ พลขับ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีสติ4.อส.ทพ.ธีระพงษ์ พรมพัด ซึ่งนั่งอยู่ภายในรถ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีสติ ทั้ง 4 นายถูกนำส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี เพื่อทำการรักษาและตรวจอาการเพิ่มเติม ภายหลังเหตุการณ์ ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและความเข้มงวดในการปฏิบัติการวิทยุสื่อสาร (ว.4) โดยเฉพาะฐานที่ตั้ง […]

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]