ฝ่ายมั่นคงถกรับมือคดีตากใบส่อหมดอายุ

ยะลา 19 ก.ย. –ผบ.กกล.ตร.จชต. เรียกฝ่ายกฎหมายถกรับมือ “คดีตากใบ” ส่อหมดอายุ หลังยังไม่ออกหมายจับผู้ต้องหา ด้าน “พล.ต.ต.นิตินัย” ชี้ส่งผลลบ จนท.รัฐเกียร์ว่าง หวั่นมีประท้วง


พลตำรวจตรี นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวถึง การประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีตากใบ ว่า ยอมรับว่าส่งผลลบต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่ที่มีการไปฟ้องร้องต่อศาล ในขณะเดียวกันเขาก็ได้มีการสอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดี ไปที่คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งที่ผ่านมามีการเยียวยากันครบหมดแล้ว แต่เมื่อคดีใกล้หมดอายุความก็ถูกสะกิดขึ้นมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบ พบว่าไม่เป็นไปตามขั้นตอน ก็มารับสำนวนดำเนินคดีไป ประมาณ 8-9 คน ก่อนจะเป็นที่มาของคำสั่งฟ้อง ซึ่งเป็นไปตามครรลองของข้อกฎหมาย ไม่สามารถก้าวล่วงได้ ตั้งแต่เริ่มที่เขาได้ไปแจ้งความและไปฟ้องร้อง ผลลบจะมีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งต้องยอมรับว่าอาจจะไม่สมบูรณ์

เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์ ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของญาติ หรือประชาชนในพื้นที่หรือไม่ หากไม่สามารถนำผู้ถูกออกหมายจับมาขึ้นศาลได้ ในระยะเวลาที่กระชั้นชิด เนื่องจากคดีความจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้ พลตำรวจตรี นิตินัย กล่าวว่า ตนเองไม่สามารถตอบแทนญาติหรือมวลชนได้ แต่ส่วนตัวมองว่าอาจจะทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดี เพราะเจ้าหน้าที่รัฐตกเป็นผู้ต้องหา จนถึงขั้นถูกออกหมายจับ หากไม่ไปมอบตัวหรือไม่สามารถจับกุมตัวมาส่งศาลได้ ก็สามารถมองได้ว่าเจ้าหน้าที่เกียร์ว่างปล่อยปละละเลย ไม่สนใจ ก็จะเกิดผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่


เมื่อถามว่า หากไม่สามารถนำผู้ถูกหมายจับมาขึ้นศาลได้ก่อนคดีหมดอายุความ จะเกิดการชุมนุมประท้วงในพื้นที่หรือไม่ พลตำรวจตรี นิตินัย กล่าวว่า ก็ไม่แน่ แต่ยืนยันว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของข้อกฎหมาย ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบข้อมูล ฝ่ายที่ไปฟ้องร้อง พยายามขับเคลื่อนให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจ จับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้งหมดส่งศาลเพื่อดำเนินคดี ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลว่ากลุ่มดังกล่าวจะยกระดับการเคลื่อนไหวอย่างไร หากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำผู้ที่ถูกออกหมายจับมาดำเนินคดีได้ จนทำให้คดีหมดอายุความ

เมื่อถามว่า การที่ต้องใช้เวลาถึง 20 ปีในการดำเนินคดีฟ้องร้อง จนเป็นที่มาของการออกหมายจับในครั้งนี้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คดีใกล้จะสิ้นสุด มีนัยอะไรหรือไม่ พลตำรวจตรี นิตินัย กล่าวว่า เรื่องนี้สื่อมวลชนคงจะทราบดีอยู่แล้ว ว่าวัตถุประสงค์เป็นเพราะอะไร ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นข้อบกพร่องที่มาดำเนินการตอนนี้ ในห้วงเวลาที่กระชั้นชิด และเป็นการดิสเครดิตความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นการต่อสู้ในมิติหนึ่งทางด้านสังคมของผู้ที่เห็นต่าง นอกจากด้านการทหาร

เมื่อถามว่า ในปัจจุบัน สำนักงานอัยการสูงสุดได้ส่งหมายจับมาหรือไม่ และกลุ่มคนดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่หรือไม่ พลตำรวจตรี นิตินัย กล่าวว่า เดิมคดีดังกล่าวหลังจากสอบสวนเสร็จ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทั้งหมด และสำนักงานอัยการสูงสุดสั่งสอบเพิ่มเติมมา 6 ประเด็น จนเป็นที่มาของการสั่งฟ้องทั้งหมด และส่งเรื่องมาให้ตำรวจในพื้นที่ในส่วนที่รับผิดชอบ นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ที่สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง เพื่อส่งไปยังอัยการจังหวัดปัตตานี เพื่อฟ้อง ซึ่งยังไม่ได้ออกหมายจับบุคคลเหล่านี้ เพียงแต่สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งฟ้องเท่านั้น


“หากแจ้งมา เป็นหน้าที่ที่จะต้องออกหมายจับก่อนไปจับกุม เพื่อส่งอัยการดำเนินคดี”

เมื่อถามว่า คดีตากใบจะปลุกกระแสขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะในยุคของรัฐบาลเพื่อไทย พลตำรวจตรี นิตินัย กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากผู้เสียหายที่ไปฟ้องมี 48 คน จากที่มีผู้เสียชีวิต 78 คน นอกนั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลได้เยียวยาไปหมดแล้ว และมองว่าน่าจะเกิดความพอใจ แต่ปัจจุบันมีการไปสะกิดขึ้นมาให้เกิดเหตุ ซึ่งยอมรับว่าเรื่องในอดีตเราไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้ แต่ปัจจุบัน การดำเนินการใด ๆ ของเจ้าหน้าที่จะไม่สร้างเงื่อนไข

“ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เรียกฝ่ายกฎหมายมาเตรียมตั้งรับ จะขับเคลื่อนและตั้งธงกันอย่างไร ซึ่งคงจะต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน เพราะคดีตากใบตกผลึกมาถึงขนาดนี้แล้ว” พลตำรวจตรี นิตินัย กล่าว -313 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ค่าฝุ่นกทม.

กทม. เช้านี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 54 พื้นที่

กรุงเทพฯ เช้านี้ พบว่าค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 54 พื้นที่ แนะสวมกากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.