รัฐสภา 13 ก.ย.-“จุลพันธ์” แจง ก.คลัง มีหน้าที่แค่นำกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไปปรับตามระเบียบ ไม่มีอำนาจกำหนดคนทำ-พื้นที่ ชี้ “กาสิโน” เป็นเพียงเศษเสี้ยวของการลงทุนให้ครบองค์ประกอบ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้ากฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ว่า ขณะนี้ที่ กระทรวงการคลัง คือการนำกฎหมายที่สภาฯ ยกร่างไปดูในรายละเอียดแล้วปรับให้เข้ากับระเบียบวิธีการร่างกฎหมาย เพื่อให้สามารถออกมาบังคับใช้ได้จริง เนื่องจากในหลายๆ ส่วนยังขัดกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง หรืออะไรที่เป็นประเด็นปัญหา
นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า พร้อมเดินหน้า เนื่องจากผ่านการทำประชาพิจารณ์มาแล้ว ซึ่งก็มีคนเห็นด้วยค่อนข้างมาก อาจจะมีการประชุมอีกแค่ 1-2 ครั้ง ในขั้นตอนของฝ่ายราชการ เพื่อทำตามข้อสังเกต แล้วส่งต่อตามขั้นตอน คาดว่าอย่างเร็วน่าจะเป็นต้นปี 68 แล้วจึงเป็นขั้นตอนการพิจารณากฎหมายของสภา ซึ่งไม่ว่าใครจะมีความคิดเห็นอย่างไร เราก็รับฟังและเป็นอำนาจของสมาชิกวุฒิสภาในการพิจารณากฎหมายว่า มีข้อดี ข้อด้อยอย่างไร จะต้องการผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร รายละเอียดมีความเหมาะสมหรือไม่ ย้ำว่า เราต้องเชื่อมั่นกับระบบรัฐสภา
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงหลักคิดของรัฐบาลว่า ต้องการสร้างเม็ดเงินใหม่ ดึงการลงทุนเข้ามาในประเทศ แต่กระทรวงการคลังไม่มีภารกิจหน้าที่ที่จะตัดสินใจว่า ควรมีความเหมาะสมที่จะจำนวนเท่าไหร่ ทำในจังหวัดใด หรือใครเป็นคนทำ ยืนยันว่ามีความโปร่งใสทุกประการ แต่สุดท้ายรัฐบาลก็ต้องกำหนดว่า จะเป็นพื้นที่ใด ขนาดการลงทุนเป็นอย่างไร ต้องการให้การพัฒนาไปในทิศทางใด เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เป็นประโยชน์ เราจะเร่งรัดการทำงานให้เร็วที่สุด และไม่ละเลยซึ่งความรอบคอบ รวมถึงผลกระทบ
นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า มีคนที่ห่วงเรื่องผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องกาสิโน แต่โดยเฉลี่ยจะมีไม่ถึง 5% เพราะไม่ใช่โมเดลของสถานการพนัน กาสิโนเป็นเพียงเศษเสี้ยวของการลงทุนให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้าน มองว่านโยบายนี้เป็นนโยบายเรือธงของสามนาย คือ นายใหญ่-นายทุน-นายหน้า นายจุลพันธ์ ระบุว่า ไม่อยากให้เอาวาทกรรมพวกนี้มาพูด ไม่ค่อยเกิดประโยชน์ของการตอบโต้ ตนไม่อยากไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ นายของพวกเราทุกคนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล คือประชาชน
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าแนวคิดการพัฒนาประเทศอาจจะมีความแตกต่างกัน เรามองการเติบโตทางเศรษฐกิจเคสที่ใหญ่ขึ้นพอที่จะกระจายไปยังพี่น้องประชาชนให้คนลืมตาอ้าปากได้ แต่เขาอาจจะมองในมุมการสร้างสวัสดิการเป็นเรื่องต้นๆ ซึ่งเรามองว่าการทำสวัสดิการแบบถ้วนหน้าในตอนนี้ อาจจะขาดความพร้อมเรื่องเม็ดเงิน ขนาดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตยังยากเลย
นายจุลพันธ์ ระบุว่า เราไม่ได้บอกว่าใครดีหรือไม่ดี แต่เมื่อกลไกของการจัดตั้งรัฐบาล นี่คือระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ซึ่งพวกตนก็เป็นตัวแทนของประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งมาเหมือนกัน สุดท้ายเมื่อมีการโหวตในสภา ผู้ที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ เราก็ต้องเอานโยบายของเรามาประยุกต์ใช้ และวันนี้ก็มีแนวทางเป็นเช่นนี้
นายจุลพันธ์ เชื่อว่า ในระยะยาวการขยายกรอบขนาดเศรษฐกิจ คือการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความเหมาะสม สุดท้ายก็จะเกิดประโยชน์กับทุกคน และมีช่องว่างสำหรับการทำนโยบายอื่นๆ พร้อมยกตัวอย่าง นโยบายการศึกษาระบบภาษีรูปแบบใหม่ หรือ negative income tax ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา ว่าในระยะยาวคือความใฝ่ฝันของพวกเราทุกคน ที่จะสร้างกลไกสวัสดิการให้พี่น้องประชาชนอย่างเหมาะสม.-317.-สำนักข่าวไทย