“มาริษ” ย้ำสานต่อการทูตเชิงรุก พาไทยกลับจอเรดาร์โลก

รัฐสภา 12 ก.ย.- รมว.กต.แจงยิบนโยบายต่างประเทศ ย้ำสานต่อการทูตเชิงรุก พาประเทศไทยกลับจอเรดาร์โลก นำประชาชนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ยึดค่านิยมสิทธิมนุษยชน-ประชาธิปไตย


นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงนโยบายด้านการต่างประเทศของรัฐบาล ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ยืนยันว่า นโยบายต่างประเทศของรัฐบาล เน้นการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และนโยบายต่างประเทศ จะต้องนำมาซึ่งผลประโยชน์แก่ประเทศชาติ ทำให้ประชาชนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี ต้องเป็นการต่างประเทศที่ประชาชนต้องจับต้องได้ พร้อมยืนยันว่า ยุทธศาสตร์การต่างประเทศของรัฐบาล จะใช้นโยบายการต่างประเทศ ไปช่วยขับเคลื่อนนโยบายมิติในการเสริมสร้าง สนับสนุน ส่งเสริม และบูรณาการ มิติในประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์และความผาสุกแก่ประชาชน

นายมาริษ ยังย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศจะสานต่อ นโยบาย “การทูตเชิงรุก” เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ และเพิ่มบทบาทของไทย ให้ไทยมีความเด่นชัดในจอเรดาห์ของโลก โดยต่อยอดจากจุดแข็งของไทย คือ การที่ไทยไม่มีศัตรู มีมิตรมาก และไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่สำคัญใด ๆ รวมทั้งการมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี ในการสร้างเสถียรภาพ ความมั่นคง อำนาจต่อรอง และโอกาสให้กับประเทศไทย


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังชี้แจงแนวทางนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาล ในบริบทโลกที่มีความท้าทายสูงจากการแข่งขันของมหาอำนาจว่า รัฐบาล จะสร้างสมดุลในการดำเนินความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ ในบริบทการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของมหาอำนาจ โดยกระชับความสัมพันธ์กับทุกประเทศ และขั้วอำนาจ รวมถึงผ่านการเข้าร่วม และผลักดันการจัดทำกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น OECD, BRICS, PCA เพื่อรักษาจุดเด่นในการ “ไม่เลือกข้าง” และ “เข้ากับทุกขั้วอำนาจได้อย่างสมดุล”

โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเยือน และพบปะผู้นำ และผู้บริหารระดับสูงของประเทศเพื่อนบ้าน มหาอำนาจ และประเทศยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งข้อความว่า ไทยพร้อมจะร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งการที่ประเทศในขั้วอำนาจต่าง ๆ ตอบรับการมีปฏิสัมพันธ์กับไทยอย่างดียิ่ง และต่อเนื่อง สะท้อนการตอบรับในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในภูมิภาคยุโรป ซึ่งเว้นช่วงมาระยะหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงการยอมรับ และภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของไทยในเวทีโลก

นายมาริษ กล่าวว่า การไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ และดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรกับทุกประเทศโดยไม่เลือกข้างนั้น เป็นประโยชน์สำหรับไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะการดึงดูดการลงทุนในบริบทการแข่งขัน และแบ่งขั้วระหว่างมหาอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรูปแบบ Friendshoring และ Reshoring พร้อมยกตัวอย่างสำคัญ ในกรณีการให้ความช่วยเหลือตัวประกันคนไทย และคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮามาส เพราะการที่ประเทศไทยไม่เลือกข้าง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย ทำให้ไทยสามารถพูดคุยได้กับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็ให้ความร่วมมือด้วยดี รวมทั้งยังให้ความสำคัญมากกับการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา มาเลเซีย และเวียดนาม เพราะรัฐบาลตระหนักว่า ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืน จะเกิดขึ้นได้เมื่อมิตรประเทศ ก้าวไปด้วยกัน โดยเฉพาะในมิติความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งไทยจะแสดงบทบาทนำอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาค อนุภูมิภาค และระหว่างภูมิภาค เพื่อสร้างเสถียรภาพ และความมั่นคง และสร้างอำนาจต่อรองร่วม และความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจร่วมกันในบริบทโลกที่แตกแยกออกเป็นหลายขั้ว และเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกรอบความร่วมมือในภูมิภาค โดยเฉพาะความเป็นแกนกลางของอาเซียน และกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค อาทิ ACD, ACMECS และ BIMSTEC ในการแก้ไขปัญหา และการรับมือกับความท้าทายร่วมกัน ทั้งอาชญากรรมข้ามชาติ (Online scam, ยาเสพติด, ค้ามนุษย์), ปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน รวมถึงในสภาวะอุทกภัย ไทยก็ได้ใช้ประโยชน์จากกรอบแม่โขง-ล้านช้าง หรือ MLC ในการเจรจากับประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ จีน และ สปป. ลาว ในการขอความร่วมมือให้บริหารจัดการการปล่อยน้ำจากเขื่อน


นายมาริษ กล่าวว่า ในเวทีระหว่างประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ ในประเด็นที่โลกให้ความสำคัญ รวมถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนและค่านิยมประชาธิปไตย โดยย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับประเด็นทั้ง 2 ซึ่งทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับสหภาพยุโรป และประเทศในภูมิภาคยุโรป มีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น เห็นได้จากการที่รัฐสภา ได้ให้ความเห็นชอบกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วน และความร่วมมือรอบด้านระหว่างไทย-สหภาพยุโรป หรือ PCA และการเจรจา FTA ไทย-อียู และ FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือ EFTA เป็นต้น .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

เชิญชวนร่วมงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025”

“กำภู-รัชนีย์” พาทัวร์งาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025” ณ ลานจอดรถ บมจ.อสมท พบปะผู้ประกาศ ดีเจ และอินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงศิลปินที่จะมาร่วมสนุกในงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟู ปาร์ตี้ 2025”

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า