“สนธิญา” บุก กกต.ทวงคืบหน้าคำร้องเอาผิด 2 สว.

กกต.11 ก.ย.- “สนธิญา” บุก กกต.ทวงคืบหน้าคำร้องเอาผิด 2 สว. พร้อมขู่ สว.ล้อเลียนเพื่อนสมาชิก ไม่ขอโทษภายในวันศุกร์ นี้ เตรียมยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรม


นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า วันนี้ตนมา 2 เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับ สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ทั้งหมดประเด็นที่ 1 ตนได้รับแจ้งจากกกต. กรณีการเลือกตั้งระดับอำเภอและระดับจังหวัดที่ตนเคยร้องไว้ 2 เรื่อง

นายสนธิญา กล่าวว่า เรื่องแรกเกี่ยวกับ นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กรณีการเลือกระดับจังหวัด และมีการขึ้นเวทีปราศรัย ที่ห้องประชุมจิมทอมป์สัน เฮ้า ซึ่งวันนี้ทางกกต. ได้เรียกตนมาสอบเป็นครั้งที่ 2 และตนได้อ้างพยาน ที่เป็นผู้สมัครจำนวน 2 ท่าน ส่วนประเด็นที่สองคือเรื่องของ ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงเกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา ที่ตนได้เคยร้องไปแล้วเหมือนกัน วันนี้จึงมาติดตามความคืบหน้าทั้ง 2 ประเด็นในเรื่องของสว.


นายสนธิญา กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) การประชุมสมาชิกวุฒิสภามี สว.ท่านหนึ่ง ลุกขึ้นอภิปรายในรัฐสภา และมีการร้องไห้ และมี สว.อีกท่านหนึ่ง เข้ามาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมไปในทางลักษณะล้อเลียน คือการขอกระดาษทิชชู เหมือนเป็นการล้อเลียนสว.ท่านนั้นที่มีการร้องไห้จริงๆ ตนมองว่าสมาชิกวุฒิสภา เป็นสภาของผู้ทรงเกียรติ ควรมีวุฒิภาวะ

ซึ่งตนได้มีการร้องไปยังสว.ที่มีการล้อเลียน สว.อีกท่านหนึ่งที่ร้องไห้เมื่อวานนี้ ตนได้มีการเรียกร้องให้ขอโทษต่อพี่น้องประชาชนพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ แต่ถ้าไม่ขอโทษในวันศุกร์ (13 ก.ย.) ที่จะถึงนี้ตนจะขออนุญาต ไปยื่นจริยธรรมร้ายแรงของ ป.ป.ช. ในพฤติกรรมที่แสดงออกมา ซึ่งตนขอเปรียบเทียบกรณีนี้ ว่าใกล้เคียงกับกรณีการไปยืนชูสามนิ้วของ สส.ท่านหนึ่งที่สนามหลวง ตนไม่อยากเห็นการใช้รัฐสภา ไม่ว่าจะเป็น สส.หรือ สว.ไปในทางที่ตลก หรือทำให้พี่น้องประชาชน ทั้งประเทศขาดความเชื่อถือ

“ถึงแม้ผมไม่ได้รับเลือกตั้งก็จริง และในสภาผู้แทนราษฎรก็ขอให้อยู่ในพฤติกรรมหรือวุฒิภาวะที่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ จะต้องเป็นตัวอย่างและให้เห็นว่าสภาสัปปายะสถาน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน และเป็นสถานที่ไม่ใช่เป็นเวทีตลก ผมจึงเรียกร้องท่านวุฒิสภา ที่ล้อเลียนเมื่อวานให้ขอโทษพี่น้องประชาชน ถ้าไม่ขอโทษวันศุกร์นี้จะไปยื่นจริยธรรมร้ายแรงของท่าน ให้กับป.ป.ชตรวจสอบพิจารณาวินิจฉัยต่อไป” .-317 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”