รัฐสภา 11 ก.ย. – “พริษฐ์” เผยพรรคประชาชนเล็งเป้าซักฟอกนโยบาย ตรวจการบ้านรัฐบาลเศรษฐา มองไปข้างหน้ารัฐบาลอิ๊งค์ ยันพรรคประชาชนไม่ส่งชิงเก้าอี้รองประธานสภาฯ หวังคนใหม่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ประชาชนมีส่วนร่วม สานต่องาน “หมออ๋อง”
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เปิดเผยว่า พรรคประชาชนไม่ส่งบุคคลเข้าชิงเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่ารองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จะเลือกวันนี้เป็นใคร แต่ก็หวังให้การทำงานในสภามีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องของการพิจารณากฎหมายที่ค้างอยู่ในวาระการประชุม ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนคาดหวังรอคอย นอกจากนี้ต้องโปร่งใส ประชาชนมีส่วนร่วม ในการเสนอกฎหมาย อยากให้รองประธานคนใหม่สานต่องานที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ทำไว้
สำหรับกระบวนการตั้งผู้นำฝ่ายการนายพริษฐ์ เชื่อว่าไม่นานมากนักที่ผ่านมาต้องรอให้ ครม. ลงตัวก่อน จึงจะตั้งผู้นำฝ่ายค้านเพราะต้องดูว่าพรรคไหนอยู่ฝ่ายรัฐบาลบ้างซึ่งขณะนี้ชัดเจนแล้วว่ามีพรรคการเมืองใดประกอบเป็นรัฐบาลบ้าง อะไรที่เห็นต่างต้องแข่งขันเชิงความคิด อะไรที่เห็นตรงก็ต้องร่วมมือกัน
สำหรับการให้ความช่วยเหลือปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ของรัฐบาลในขณะนี้นั้น นายพริษฐ์กล่าวว่าทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด พรรคประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อคืนด้วยความเป็นห่วง เรามีสส. เขตอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ประสานช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ในภาพรวมมี 2-3 อย่างที่รัฐบาลต้องเร่งทำคือ เร่งรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่ทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นปัญหาที่เร่งด่วนที่สุด นอกจากนี้ต้องมองเรื่องการเยียวยา และความพยายามมองพื้นที่อื่นรอบข้างที่จะได้รับผลกระทบ ต้องมีกระบวนการรับมือป้องกันปัญหา ที่อาจจะเกิดโดยเร็ว ซึ่งเรื่องของน้ำท่วมเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย เนื่องด้วยสภาพแปรปรวนทางภูมิอากาศ ภาพรวมต้องเร่งแก้ปัญหา
สำหรับการอภิปรายนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่ 12-13 ก.ย. นี้ นายพริษฐ์ ย้ำว่า มีทุกประเด็นที่ประชาชนสนใจ โดยพรรคประชาชนวางตัวผู้อภิปรายไว้ มอง30 คน 2 วันเต็มจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุด ขอให้มองบริบทการอภิปรายก่อนว่า เราจะรับฟังคำแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ดังนั้นสส.พรรคประชาชนจะต้องแบ่งเป็น 2 ส่วนคือตรวจการบ้านของปีที่ผ่านมา ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน เคยสัญญา กับประชาชนในการแถลงนโยบายเมื่อปีที่แล้ว ได้ดำเนินการไปแค่ไหน นโยบายตรงจุดมากน้อยแค่ไหน ส่วนที่ 2 คือการมองไปข้างหน้าว่านโยบายที่ถูกเขียนในคำแถลงของนโยบายน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีประเด็นอะไรที่ยังตกหล่นหรือไม่ตอบโจทย์สามารถเสนอแนะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล วิลเล็ต โครงการซอฟพาวเวอร์ เรื่องน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน เรื่องการสื่อสารจะมีการพูดถึงทั้งหมด
นายพริษฐ์ยังกล่าวถึงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญที่เหมือนจะถูกเอาออกจากนโยบายเร่งด่วน ว่า เป็นการเปลี่ยนหมวดหมู่จากนโยบายเร่งด่วนเป็นนโยบายระยะกลางและระยะยาว และมีการเปลี่ยนข้อความด้วยเช่นกัน แต่ในภาพรวมเป็นการใช้ข้อความที่กว้าง ว่าเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด ซึ่งตนมองว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเดิน 2 เส้นทางคู่ขนาน เส้นทางที่ 1.การเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็วที่สุด เกิดคำถามว่าตกลงแล้วรัฐบาลวางกรอบเวลาไว้อย่างไร เพื่อให้เกิดการบังคับใช้ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป และหากจะเดินหน้าทำประชามติ 3 ครั้ง คำถามประชาติรอบแรกที่พรรคประชาชนเคยทักท้วงไปอาจจะก่อปัญหาได้ จะมีการทบทวนหรือไม่ และในส่วนขององค์คณะที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือส.ส.ร.ก็ต้องถามรัฐบาลว่าจะมาจากการเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่
ส่วนแนวทางที่ 2 คือการแก้รายมาตรา พี่อาจจะต้องอาศัยเวลา ที่เราสามารถแก้รายมาตรา ในกรณีที่จำเป็นเร่งด่วน ซึ่งในวันที่ 25 กันยายนนี้จะมีการ พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เรื่องการลบล้างผลพวงรัฐประหารอย่างน้อย 3 ร่าง ดังนั้น ท่าทีของรัฐบาลจะสนับสนุนแนวทาง การแก้ร้ายมาตราอย่างไร ส่วนนี้ก็คาดหวังที่อยากจะฟังจากนายกฯคนใหม่และรัฐบาลชุดใหม่เช่นกัน.-319 -สำนักข่าวไทย