fbpx

สว.รอฟังนโยบายรัฐบาล จับตาดิจิทัลวอลเล็ต

รัฐสภา 9 ก.ย.- “นันทนา” บอก สว.เงี่ยหูรอฟังนโยบายรัฐบาล จับตานโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ทำได้ตามกฎหมาย และกลายเป็นพายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง หรือเป็นแค่ลมพัด แนะวางแผนงบ 69 ตั้งแต่เริ่มใช้งบ 68


นางสาวนันทนา นันทวโรภาส แกนนำ สว.พันธุ์ใหม่ กล่าวถึง การแถลงนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภาในวันที่ 12 และ 13 กันยายนนี้ ว่า ดูเหมือนรัฐบาลจะยังผลักดันนโยบาย Digital wallet อาจจะเปลี่ยนรูปแบบ แต่ก็ต้องรอดูเพราะงบประมาณได้ถูกจัดสรรและดำเนินการไปแล้ว และต้องดูว่านโยบายนี้สามารถทำได้ตามกฎหมายหรือไม่ กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และจะเป็นพายุหมุนอย่างที่พูดหรือเป็นแค่ลมพัด

นางสาวนันทนา กล่าวด้วยว่าวันนี้จะเป็นการพูดคุยกันของวิป 3 ฝ่าย เชื่อว่าจะมีการจัดสรรให้ สว.ได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นในการที่เราจะได้ช่วยกัน หากรัฐบาลยังใช้นโยบายแบบนี้ จะสอดคล้องและเหมาะสมอย่างไร ซึ่งจะมีข้อสังเกตเพื่อให้เกิดความระมัดระวัง โดยสว. ได้มีการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายและกำลังเงี่ยหูฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลอยู่


ส่วนการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 นั้น นางสาวนันทนากล่าวว่า ว่า สว.ไม่สามารถปรับ ลด ปลด เพิ่ม ไปได้เลย ได้แต่พิจารณาและตั้งข้อสังเกตไป และจากการดูรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 68 เป็นการจัดที่ไม่มียุทธศาสตร์ โดยเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของงบประมาณทั่วไป เชื่อว่าเป็นการจัดทำงบประมาณของข้าราชการประจำ ทำให้ไม่มีลักษณะของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นงบประจำ 68% และที่เหลือเป็นงบที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งน้อยมาก และงบที่เข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นงบประมาณในส่วนของ Digital wallet Soft Power หากยังจัดงบประมาณแบบนี้ต่อไป ปีหน้าคงหมดหวัง ให้ข้อสังเกตไปว่าในการจัดงบประมาณปีต่อไป ควรจะทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ตั้งแต่เริ่มใช้งบปี 2568 โดยมุ่งในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณซึ่ง จะพิจารณา 3 วาระรวดนั้น นางสาวนันทนากล่าวว่าหากดูช่วงเวลาในการดำเนินการตรงนี้ มีการปฏิเสธร่างพรบ.งบประมาณฯ จะเป็นปัญหาในการที่จะ ทำให้ชะลอและต้องส่งกลับไปยังสส. คิดว่าคงจะให้ผ่านแต่ก็จะให้ข้อสังเกต และเสนอแนะสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งคงไม่ทำให้เกิดการฉุดรั้งให้งบไม่สามารถเดินต่อไปได้.-312 – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

น้ำป่าพะเยา

น้ำป่าไหลหลากท่วมชุมชนหน้า ม.พะเยา เสียหายหนัก

ระทึกช่วงเช้ามืด น้ำป่าหลากท่วมชุมชนหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งเต็มไปด้วยหอพักนักศึกษา น้ำทะลักท่วมรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว ล่าสุดลดระดับลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะรถยนต์และมอเตอร์ไซค์หลายร้อยคัน

ภูเก็ตฝนตกต่อเนื่อง เกิดดินสไลด์จากเขานาคเกิด

สถานการณ์น้ำท่วม จ.สตูล เพิ่มความรุนแรง เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ส่วน จ.ภูเก็ต ฝนตกต่อเนื่องทั้งวัน ส่งผลบริเวณปฎักซอย 8 บ้านกะตะ ต.กะรน ที่เคยเกิดดินสไลด์จากเขานาคเกิด ปรากฏภาพน้ำและดินโคลนไหลลงมาจากบนเขา สร้างความกังวลให้กับชาวบ้าน เพราะยังไม่มีมาตรการป้องกัน

ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยชาวเชียงราย

สถานการณ์น้ำท่วม อ.เมืองเชียงราย ดีขึ้นต่อเนื่อง แม้ดูเหมือนเป็นข่าวดี แต่ปัญหาที่ชาวเชียงรายต้องเผชิญคือดินโคลนที่ยังต้องรอการฟื้นฟู หลายคนยังทำใจไม่ได้ แต่ฮึดสู้จากธารน้ำใจของพี่น้องชาวไทยที่ส่งไปช่วยเหลือและให้กำลังใจสู้วิกฤติครั้งนี้

ชายแดนเสียหายหนัก “แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก” ยังจมโคลน

น้ำท่วมชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย มาเกือบสัปดาห์ลดลงเกือบหมดแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายอย่างหนัก ทั้งฝั่งไทยและเมียนมา เต็มไปด้วยโคลนมหาศาลท่วมอาคารบ้านเรือน ทำให้หลายคนยังกลับเข้าไปอาศัยในบ้านไม่ได้