ฝากขันนอตปกป้องพลทหาร หลังคลิปว่อนซ้อมเดือด

รัฐสภา 5 ก.ย.- “วิโรจน์” ฝาก “ภูมิธรรม” ขันนอตปกป้องความปลอดภัยพลทหาร หลังคลิปว่อนซ้อมเดือด ลั่นป่าเถื่อนแบบนี้ต้องบังคับใช้ พ.ร.บ.ซ้อมทรมาน รับบทหมอดู เดาได้เลย เดี๋ยวผลสอบก็ออกมายอมรับ แต่คนผิดรับโทษสถานเบา


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงคลิปวิดีโอทหารถูกซ้อมที่เผยแพร่ในโลกโซเชียล ว่า ตนยอมรับว่ามีความกังวลอยู่ พอกองทัพบก (ทบ.)บอกว่าจะสอบ ส่วนใหญ่ก็จะตอบอย่างรวดเร็วในวันที่มีคลิปเผยแพร่ออกมา แต่ผลการสอบก็มักจะล่าช้า และที่สำคัญที่สุดคือบทลงโทษก็มักจะต่ำกว่าที่ควรจะเป็น อย่างในกรณีนี้ตนได้ดูคลิปแล้วมีการใช้ไม้ฟาด มีการเตะกระทืบ เข้าใจว่าพลทหารหรือทหารในภาพยังระบุชั้นยศไม่ได้ แต่ก็นอนตัวงอยู่ที่พื้น เข้าใจว่าคงจะมีการประจานให้กับทหารคนอื่นได้ดูด้วย

“ไม่ว่าเขาจะทำความผิดอะไร ผมคิดว่าโทษทางวินัยมันมีก็ลงโทษตามวินัยนั้น ไม่ใช่การกระทำป่าเถื่อน ผมคิดว่าเดี๋ยวผลสอบของออกมาคงบอกว่ามีการกระทำที่ผิดวินัย และอาจจะมีการลงโทษทางวินัย ถ้ามีการดำเนินคดีอาญาก็คงเป็นเหมือนกับการทำร้ายร่างกาย ซึ่งไม่ได้เป็นการลงโทษแบบรุนแรง ผมยืนยันอย่างนี้ครับว่าถ้ายังปกป้องกันแบบนี้ ลงโทษในสถานเบาแบบนี้ พฤติกรรมแบบนี้พฤติกรรมป่าเถื่อนที่เราเห็นก็จะดำรงอยู่ ผมคิดว่าพฤติกรรมแบบนี้ผู้ควบคุมการฝึก หรือครูฝึก หรือผู้ช่วยครูฝึก รวมถึงนายทหารชั้นยศที่ไม่สูงนักเขาคงไม่กล้าทำ ถ้าระดับบังคับบัญชาเขาสอดส่องและกำกับดูแลอย่างดี” นายวิโรจน์ กล่าว


นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า กรณีนี้ตนคิดว่าควรบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายด้วยจัดการกับผู้ที่กระทำ คือครูฝึกหรือผู้ช่วยครูฝึก รวมถึงผู้บังคับบัญชา ตามมาตรา 42 ส่วนจะนำเข้า กมธ.การทหารหรือไม่ ขอรอดูผลสอบก่อน ว่าเกิดขึ้นที่ไหน เข้าใจว่าเกิดขึ้นนานแล้ว ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามพฤติกรรมแบบนี้เป็นพฤติกรรมป่าเถื่อน พฤติกรรมการกระทืบถือไม้เข้าข่ายการซ้อมทรมาน

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาไม่มีคนกล้าออกมาเปิดเผย เมื่อโพสต์คลิปวิดีโอถึงช้าไปแล้วไม่สามารถเอาผิดถึงตัวคนทำได้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนหลายเรื่อง เรื่องแรก มันคงต้องมีพฤติกรรมป่าเถื่อนแบบนี้หลายครั้งจนกระทั่งคงทนไม่ไหว เข้าใจว่าพื้นที่นี้คงเป็นพื้นที่ซ้อมทรมานกันเป็นประจำหลายคน คล้ายลักษณะเป็นทุ่งกระทืบ จนดึงกล้องเมื่อไหร่ก็เจอ เรื่องที่สอง มันมีความหวาดกลัว ทำให้การเปิดเผยได้ต้องปลดประจำการมาแล้ว และเรื่องที่สาม การเปิดเผยในยุคนี้ได้เพราะสังคมให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้มากขึ้น

นายวิโรจน์ ยังฝากไปถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกลาโหม ที่มาดำรงตำแหน่งหน้าที่ใหม่ว่า อีกมุมหนึ่งก็เป็นเจตนาที่จะท้าทายท่าทีของนายภูมิธรรมด้วย ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับสวัสดิภาพ สวัสดิการความปลอดภัยในค่ายทหาร เพราะหากมีความตั้งใจที่จะลดการเกณท์ทหารลงและเพิ่มการสมัครใจการสมัครเข้ามาเป็นทหารแบบสมัครใจมากขึ้น ภาพแบบนี้พลทหารถูกกระทืบถูกทรมานในค่ายแบบนี้คงลดลง


“จึงถือเป็นความท้าทายอย่างมาก อยากฝากถึงท่านภูมิถามด้วยว่าช่วยขันนอตหน่อยเถอะ ช่วยดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องความปลอดภัยของทหารที่เขาอยู่ในค่ายทหาร เพราะไม่อย่างนั้น คุณจะจูงใจให้คนมาสมัครใจเป็นอาหารไม่ได้เลย” นายวิโรจน์ กล่าว.-312 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้