“อดิศร” ยินดี ครม.ใหม่ ตรวจสอบคุณสมบัติละเอียดยิบ

รัฐสภา 4 ก.ย.- “อดิศร” แสดงความยินดี ครม.ใหม่ บอกตรวจสอบละเอียดถี่ยิบสุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา ขอนักร้องให้ “แพทองธาร” ได้ทำงานบ้าง บอก แล้วแต่จะมองเป็นรัฐบาลครอบครัว ย้ำความเป็นพ่อลูกตัดกันไม่ขาดอยู่แล้ว รับยังหมองใจ “เอกนัฏ” นั่ง รมว. แต่เป็นเพราะ รธน.บังคับให้จับมือ


นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ว่า เป็นการตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีความละเอียดรอบคอบเรื่องคุณสมบัติเป็นพิเศษ โดยการกลั่นกรองของคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดใหญ่ ถือว่าคณะรัฐมนตรีทุกท่านทุกพรรคได้ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ยิบมากเป็นพิเศษตั้งแต่ตั้งประเทศไทยเป็นต้นมา ขอแสดงความยินดี กับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีได้จัดทำนโยบายและแถลงนโยบายของรัฐรัฐสภาเราจะได้ทำงานตามที่ตั้งใจไว้ทุกพรรค

ส่วนที่มีการมองว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีชุดฝึกงาน นายอดิศร กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะประชาธิปไตยมีหลายความเห็น คณะรัฐมนตรี ทั้งหมดก็เป็นชุดที่จะทำงานสานต่อจากรัฐมนตรีคนเก่า จะมีเพิ่มมาบ้างก็เป็นพรรคการเมืองที่ร่วมใหม่ ก็ต้องขอต้อนรับพรรคประชาธิปัตย์


ทั้งนี้ มีความกังวลเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ ที่อาจมีคนไปร้องเรียน นายอดิศร กล่าวว่านักร้องก็เป็นเรื่องธรรมดา นี่ยังไม่ทำอะไรก็โดนไปเกือบ 9 คดีแล้ว แต่ขออย่าให้มากกว่านี้เลย และต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลที่มาโดยชอบตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญผ่านการกลั่นกรองทุกอย่างให้ได้ทำงานเพื่อผลักดันประเทศไปสู่ความเจริญ

ส่วนที่มีการมองว่ารัฐมนตรีบางคนไม่ใช่ตัวจริง โดยให้น้องชาย ลูกสาว เข้ามาแทน จะทำงานได้ดีหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องจริยธรรมและคุณสมบัติที่เข้มเป็นพิเศษตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา ก็ทำให้เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ แต่ คนที่มาแทนคนเดิม ก็มีวุฒิการศึกษาและวัยวุฒิ ที่เหมาะสมและมีประสบการณ์ ที่จะทำงานได้ ตนก็มีความเชื่อมั่น อย่างกรณีลูกสาวของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ก็จบปริญญาโทด้านกฎหมายจากลอนดอน กับนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และอยู่ใกล้ชิดกับพ่อ เช่นเดียวกับตนที่เป็นลูกของ สส. ก็สั่งสมประสบการณ์มา ตนว่าก็ทำงานได้ และไม่ได้มองว่าเป็นลักษณะการครอบงำ ซึ่งเรื่องนั้นเป็นจินตนาการที่ว่ากันไป

ส่วนจะมองว่าเป็นคณะรัฐมนตรีครอบครัวหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่จะมอง เพราะความเป็นลูกและความเป็นพ่อก็ตัดขาดกันไม่ได้จริงๆ


”ถึงอย่างไรคุณแพทองธารก็เป็นลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ชินวัตร อยู่ดี ทำอย่างไรมันตัดสายไม่ได้ ผมนี่เป็นลูก สส. ก็อยากเป็น สส.เหมือนพ่อ พยายามเป็น สส. และรัฐมนตรี พ่อไม่ได้เป็น เราต้องให้โอกาสและเปิดโอกาสเพราะมันไม่ใช่จะเซ็นให้กันเหมือนโฉนดที่ดิน อยู่ที่ผลงานในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ต้องพิสูจน์ตนเอง คิดว่าการทำงานขอคุณแพรทองทอง ซึ่งตนใกล้ชิดตอนหาเสียง แม้จะมีอายุน้อย แต่ไวต่อการรับรู้ปัญหา เปิดโอกาส เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ที่จะรับคำแนะนำต่างๆ ของคนทุกรุ่น ซึ่งในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ มีรุ่นของนายชูศักดิ์ ศิรินิล ซึ่งอายุ 70 กว่า ซึ่งแม่นกฎหมาย เป็นการประสานกันระหว่างวัย ถือเป็นรัฐบาลของคนทุกรุ่นและตนเชื่อมั่น“นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร เชื่อว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้จะมีอายุอย่างมาก 3 ปี แน่นอน ซึ่งตนเชื่อตามที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า อยู่ครบแน่นอน แต่อาจจะมีการร้องเรียนตามประสาคลื่นทะเล ที่มีลมแรงบ้าง ในระบอบประชาธิปไตย

ส่วนนายสุทิน คลังแสง ที่หลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี มีความรู้สึกน้อยใจหรือไม่ นั้น นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ๆ ตนเพิ่งไปฉลองรางวัลสันติภาพโลกให้นายสุทิน ที่ประเทศสวีเดนได้มอบรางวัลให้ วันนี้นายสุทิน ก็อยู่ในที่ประชุมสภา และพร้อมที่จะทำงาน เหมือนได้กลับมาที่บ้าน เพราะสภาก็คือบ้านของนายสุทิน และไม่ได้รู้สึกน้อยใจ

“ต่อไปเรื่องเพื่อทราบ เรื่องกฎหมายต่างๆ คุณสุทินก็คงเป็นสุทิน เป็นทองคำของฝ่ายนิติบัญญัติอย่างแน่นอน ไม่ได้เสียใจอะไร ทำงานมาเป็นปีแล้ว”

ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย มานั่งรัฐมนตรีกลาโหม และเคยเป็นสหายเก่าที่เข้าป่ามานั้น นายอดิศร บอกว่า ตนก็เคยเป็นสหายเก่า ประธานวุฒิสภาก็สหายเก่า บางครั้งพ่อกับลูกเห็นไม่ตรงกัน อย่างพันโทพโยม จุลานนท์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แต่มีลูกคือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก นายกรัฐมนตรี และองคมนตรีในปัจจุบัน ตอนนี้เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องปลุกผีคอมมิวนิสต์มา เพราะมันไม่มี ตนกับนายภูมิธรรมนอนเตียงติดกัน ถ้ารู้ว่าจะได้ดี ตนคงเดินตามนายภูมิธรรมมาแล้ว

เมื่อถามถึงการทำงานระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ นายอดิศร ระบุว่า ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ผลัดใบแล้ว ถ้าเป็นนายอภิสิทธิ์กลับมา ตนก็เห็นว่าคงจะเป็นศัตรูกัน แต่ตอนนี้หัวหน้าพรรคก็เป็นคนที่ผลัดใบ

เมื่อถามว่ายอมรับได้หรือไม่ ที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ มานั่งเป็นว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายอดิศร กล่าวว่า ความจริงก็ยังมีเรื่องที่หมองใจกันอยู่ แต่รัฐธรรมนูญบังคับให้เราต้องจับมือกัน นายเอกนัฏ ก็เป็นลูกของเพื่อนตน ตอนที่คบกันก็นิสัยดี ส่วนเรื่องการเมือง ก็เป็นไปตามกฎหมาย รัฐบาลผสมรอบนี้ ก็คิดว่าอยู่ได้อีก 3 ปี ถ้าทำงานต่อไปได้ เขาก็เลือกกลับมาใหม่.-315 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]