“ณัฐชา” จี้เยียวยาชาวบ้านได้รับผลกระทบ “ปลาหมอคางดำ”

รัฐสภา 29 ส.ค.-“ณัฐชา” ชี้มาตรการ 7 ข้อของรัฐบาล ไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ จี้ “รักษาการนายกฯ” อย่ามัวแต่วุ่นวายกับการกรอกประวัติรัฐมนตรี ช่วยมากรอกข้อมูลให้ชาวบ้านที่ต้องได้รับการช่วยเหลือด้วย

นายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหารวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย กล่าวถึงการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในช่วงเวลาที่ผ่านมา ว่าแม้ขณะนึ้จะมีกระแสที่ลดลงไป แต่สถานการณ์ยังไม่ได้เบาบางลง ประกอบกับการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐ ไม่ตรงและไม่ตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชน ซึ่งทำให้ปัญหาไม่ลดน้อยลงเลย


นายณัฐชา กล่าวต่อว่า วันนี้คณะอนุฯ จึงได้เชิญอธิบดีกรมประมงมาให้ข้อมูล แต่อธิบดีฯ ไม่ได้มาเข้าร่วม ส่งเพียงเอกสารที่มีการเผยแพร่ตามสื่ออยู่แล้ว คือ 7 มาตรการ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรี ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งการลงไป คือมาตรการต่างๆ ที่ใช้งบประมาณ 450 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณที่รับซื้อเพียงส่วนเดียว แต่จำนวนอีก 400 ล้านบาท เป็นงบประมาณของการฟื้นฟู การทำความเข้าใจ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ที่ไม่ตอบโจทย์ และไม่ตรงความต้องการ

นายณัฐชา ยกตัวอย่าง มาตรการการรับซื้อซึ่งอยู่ในมาตรการที่หนึ่ง มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทนั้น มีการรับซื้อ 5,000,000 กิโลกรัมเท่านั้น ขณะที่บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPF มีมาตรการรับซื้อจำนวน 2,000,000 กิโลกรัม รวมกันแล้วเกือบ 7,000,000 กิโลกรัม แต่สถานการณ์ในพื้นที่ทั้ง 19 จังหวัด ยังคงไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร และ 7,000,000 กิโลกรัมนี้ อาจจะมีคนที่ขายได้เพียงบางกลุ่มบางพวกเท่านั้น


นายณัฐชา ระบุว่า ขณะนี้มีประกาศของกรมประมงที่เพิ่มเติมมา ใน 19 จังหวัดมีเกษตรกรเดือดร้อนกว่า 50,000 รายที่ลงทะเบียนแล้ว แต่มาตรการที่หน่วยงานภาครัฐทำทั้งหมดล้วนสวนทางกับความต้องการ และผิดที่ผิดทางเป็นอย่างมาก

นายณัฐชา ยังยกตัวอย่าง การประกาศรับซื้อ ที่มีงบประมาณ 50 ล้านบาท แต่เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ก็กลับประกาศว่า งบประมาณถูกใช้เกือบหมดแล้ว แต่ความจริงการซื้อขายของชาวบ้านแทบจะยังไม่ได้จับออกพื้นที่เลย ส่วนมาตรการจับปลาหมอข้างดำออกจากแหล่งน้ำ ธรรมชาติ และซื้อปลาผู้ล่าไปปล่อยอย่างต่อเนื่อง ก็คือการซื้อปลาอื่นไปปล่อยอีก 50 ล้านบาท และการนำไปใช้ประโยชน์อื่น เช่น ปุ๋ยหรือปลาป่น ก็มีเอกชนดำเนินการอยู่แล้ว จึงอยากจะถามว่า ได้มีการนับรวมส่วนนี้เข้าไปด้วยหรือไม่

สำหรับการวิจัย ก็มีการของบประมาณไปกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกรมประมง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะทำไปเพื่ออะไร หรือจะวิจัยไปเพื่ออะไร จะเป็นเรื่องปลาหมัน ก็ไม่น่าใช่


ส่วนงบประมาณการฟื้นฟู 100 กว่าล้านบาทนั้น คือการให้นำปลาท้องถิ่นจำนวน 5,000,000 ตัวไปปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นในเดือน ม.ค. ปี 68 ตนคิดว่าทั้งไทม์ไลน์ที่ไม่ชัดเจน และงบประมาณที่ไม่ชอบมาพากล สวนทางกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในปัจจุบัน จึงอาจสงสัยได้ว่าจะมีกระบวนการหาประโยชน์จากการแพร่ระบาดของของปลาหมอคางดำ ซึ่งทำให้เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แล้วในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า ก็จะเห็น สส.มาตามเรื่องนี้กันอีกรอบหนึ่ง

นายณัฐชา ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ทำนี้ไม่สอดคล้องกับปัญหา โดยยกตัวอย่าง โครงการที่กรมประมงทำงานร่วมกับ CPF ในการปล่อยปลาเวลา 09.00 น. แต่มีการจับปลาในเวลา 09.45 น. ซึ่งระยะห่างระหว่างสองจุดนั้นไม่ได้ไกลกัน และมีการทำอย่างนี้ทุกวัน ปล่อยแล้วจับ ไม่มีใครกล้าประกาศว่า ปลาที่จับได้เป็นปลาที่ปล่อยไปหรือไม่ เพราะเป็นความรับผิดชอบขององค์กรท่านเอง ซึ่งตนก็คิดว่า เขาอาจจะไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือไม่ชำนาญการเฉพาะกิจ จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้

นายณัฐชา ย้ำว่า ระยะเวลาผ่านไปขนาดนี้ และการที่คณะอนุฯ ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาไปแล้ว แต่รัฐบาลกลับปล่อยมาได้ขนาดนี้ ทำให้ต้องคิดว่า นี่คือความตั้งใจให้สถานการณ์ซับซ้อน งบประมาณเป็นหมัน เพื่อให้ต่อเนื่องไปในปี 68 ใช้ความทุกข์ความเดือดร้อนของประชาชน และปัญหาสิ่งแวดล้อมนี้ เป็นที่มาของการใช้งบประมาณ และได้รับผลประโยชน์จากการใช้งบประมาณเองหรือไม่

ส่วนการที่บอกว่า จะประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ก็ยังไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือ ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร วันนี้ก็ยังเงียบสงบ วันนี้มีแต่การประกาศว่า ได้งบแล้ว แต่มติ ครม.บรรทัดสุดท้าย ระบุว่า เป็นการใช้งบประมาณของกรมประมง ซึ่งหมายความว่า 450 ล้านบาทนี้ไม่ใช่งบกลาง ตนขอถามว่าจะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ เพราะงบกรมประมงเองมีน้อย แต่กลับไปใช้งบนี้ ไม่ใช้งบกลาง

“อย่ามัวแต่วุ่นวายกับการกรอกประวัติรัฐมนตรี ช่วยมากรอกข้อมูลให้ชาวบ้านที่ต้องได้รับการช่วยเหลือด้วย” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา เปิดเผยความคืบหน้าในการฟ้องร้องว่า ขณะนี้มีการดำเนินการเตรียมคำฟ้องทั้งเอกชน และหน่วยงานภาครัฐ ทั้งสองหน่วยงาน ซึ่งทางสภาทนายความเอง ก็ได้มีบอกต่อที่ประชุมว่า มีผู้ร่วมลงชื่อแล้วทั้งหมด 300 คน และยังจะมีเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะมีการฟ้องในวันที่ 5 ก.ย.นี้ แต่ในรายละเอียด ขอให้ดำเนินการเรียบร้อยก่อน แล้วจึงแจ้งอีกครั้ง

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม จะส่งผลกระทบกับการแพร่ระบาดหรือไม่นั้น นายณัฐชา มองว่า สถานการณ์ขณะนี้ เรียกว่าวิกฤติขั้นรุนแรงกว่าหลายเท่าที่ผ่านมา ดังนั้น น้ำท่วมอาจทำให้การเดินทางของปลาหมอคางดำชุดนี้ไปได้ไกลมากขึ้น ตนคิดว่าหลังสถานการณ์น้ำท่วมจะเห็น พื้นที่ที่ไม่ติดแนวชายฝั่งได้รับผลกระทบด้วย.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้เสียหายรวมตัวถามความคืบหน้าซื้อขายทอง จากร้านดังแล้วไม่ได้ทอง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – ผู้เสียหายกว่า 30 ราย บุกทวงถามความคืบหน้าคดีซื้อขายทอง จากร้านชื่อดังแล้วไม่ได้ทอง ยอดความเสียหายพุ่งกว่า 700 ล้านบาท พ้อเดือดร้อนอย่างหนัก ผู้เสียหายจากการซื้อขายทองคำรายย่อยจากทั่วประเทศกว่า 30 ราย จากการซื้อขายกับร้านทองชื่อดัง ย่านเยาวราช พร้อมนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เข้าติดตามความคืบหน้าคดีฉ้อโกงซื้อขายทองคำ ที่ศูนย์แจ้งความกองบัญชาการสอบสวนกลาง นายปานเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้รวมมูลค่าความเสียหายจาการซื้อขายทองคำกับร้านทองชื่อดัง พุ่งไปกว่า 700 ล้านบาทแล้ว โดยกลุ่มผู้เสียหายมีหลายรูปแบบ ทั้งกลุ่มที่ซื้อทอง กลุ่มที่ฝากเงิน และกลุ่มที่ซื้อทองและฝากเงิน นอกจากนี้จะยื่นคำร้องขอให้สอบสวนเพิ่มเติมสอบกับ 8 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและบริษัทในเครือ พิจารณาดำเนินคดีความอาญากับผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ผู้เสียหาย ซื้อทองไม่ได้ทอง ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร กับบริษัทดังกล่าว และต้องการให้ออกหมายจับผู้กี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากกลัวจะมีการหลบหนี ส่วนการอ้างโฆษณาว่า ร้านรับซื้อทองคำให้ราคาสูงกว่าร้านอื่น การซื้อขายแต่ไม่ได้ทอง มองว่ามีเจตนาชัดเจนอยู่แล้ว การอ้างขาดสภาพคล่อง แต่ยังเปิดแอปพลิเคชั่นให้ประชาชนมาซื้อขายทองคำต่อได้อย่างไร ส่วนที่ผ่านมาทางร้านมีความพยายามเคลียร์กับผู้เสียหายรายย่อย มีการจ่ายเงินคืนไปแล้วบางรายไม่ถึงล้านบาท และตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว มองว่าเป็นแทคติกที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงจากคดีอาญาเป็นคดีแพ่งแทน […]

ทรูประกาศชดเชยลูกค้าจากเหตุขัดข้อง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – ทรูประกาศชดเชยสำหรับลูกค้า กรณีเหตุขัดข้องของระบบเครือข่ายในวันนี้ ทรูแจ้งว่าขออภัยเป็นอย่างยิ่งในเหตุขัดข้องของระบบเครือข่ายที่เกิดขึ้น ขณะนี้บริการต่างๆ ทั้งวอยซ์และดาต้ากำลังกลับมาให้บริการเต็มประสิทธิภาพได้ในทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ บริษัทขอชดเชยให้ผู้ใช้งานระบบรายเดือนและเติมเงินที่ได้รับผลกระทบจากสาเหตุเครือข่ายขัดข้อง ทั้งนี้ ผู้ใช้งานในระบบเครือข่ายทรูที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับ SMS แจ้งถึงรายละเอียดการชดเชยต่อไป โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา คณะผู้บริหารของบริษัทได้เข้าพบ กสทช.เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งแนวทางในการป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต. -511- สำนักข่าวไทย

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

จับแล้ว! มือฆ่ารัดคอพยาบาลสาวเกาะสมุย

สุราษฎร์ธานี 22 พ.ค.- จับแล้ว! มือฆ่ารัดคอพยาบาลสาวเกาะสมุย ตร.เค้นสอบ สารภาพก่อเหตุจริงก่อนขโมยรถผู้ตายหนี ความคืบหน้าคดีคนร้ายฆ่าเปลือยพยาบาลสาววัย 36 ปี ในหอพัก 2 ชั้น พื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และขโมยรถยนต์ผู้เสียชีวิตไปด้วย ซึ่งผู้ต้องสงสัยคือแฟนของผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่ห้องติดกับผู้เสียชีวิต โดยศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้ออกหมายจับนายสุวัฒน์ อายุ 30 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร ล่าสุด มีรายงานว่าชุดสืบสวน สภ.บ่อผุด สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว เบื้องต้นรับว่า เป็นบุคคลตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่ขับรถยนต์ของพยาบาลสาวไปจอดในห้างฯ และก่อเหตุฆ่าพยาบาลสาวก่อนขโมยรถยนต์ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนถึงเหตุจูงใจ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาลพิพากษาคดีแตงโม จบไหม… หรือไปต่อ ?

23 พ.ค. – วันนี้มีความเคลื่อนไหวของคดีที่หลายๆ คนติดตามกัน คือคดีการเสียชีวิตของแตงโม ที่ศาลจังหวัดนนทบุรียกฟ้อง หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปอีก จะจบลงแค่นี้หรือไม่ ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

ศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก “เดวิด” 1 เดือน คดีทำร้ายหมอ

ภูเก็ต 23 พ.ค. – ศาลอุทธรณ์ภาค 8 กลับคำพิพากษา จำคุก “เดวิด” ทำร้ายร่างกายหมอ 1 เดือน ไม่รอลงอาญา ชี้เป็นการกระทำร้ายแรง ส่วนจำเลย พบเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว กรณี พญ.ธารดาว หรือ หมอปาย ยื่นฟ้อง นายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของปางช้างในจังหวัดภูเก็ต ในคดีทำร้ายร่างกาย โดยใช้เท้าเตะเข้าที่บริเวณด้านหลังของหมอปาย ขณะนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนที่บริเวณหน้าบันไดวิลลาหรู ชายหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2567 ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ค.68) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ในฐานะทนายความคดีดังกล่าว เปิดเผยว่าวันนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษากลับ ให้นายเดวิด มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรง จำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา อย่างไรก็ตามคดีนี้ […]

กสทช.สั่ง “ทรู” ทบทวนมาตรการเยียวยา เหตุสัญญาณขัดข้อง

กรุงเทพฯ 23 พ.ค. – สำนักงาน กสทช. สั่ง “ทรู” ทบทวนมาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการ จากเหตุสัญญาณขัดข้อง ห้ามคิดค่าบริการช่วงเวลาที่ลูกค้าใช้งานไม่ได้-ให้เพิ่มดาต้ามากกว่า 10 GB-โทรฟรีมากกว่า 100 นาที ไม่จำกัด ภายใน 24 ชม. แยกเยียวยาลูกค้ารายเดือน-เติมเงิน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้เชิญบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) เข้าร่วมประชุมด่วนในวันนี้ โดยสำนักงาน กสทช. ได้สั่งการให้บริษัท ทรูฯ ทบทวนมาตรการเยียวยาชดเชยผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ตขัดข้อง ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากบริษัท ทรูฯ […]

ทีมค้นหาจุดธูปขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เปิดทางหาร่างแรงงานพลัดตกหลุม

23 พ.ค. – ทีมกู้ภัยพบสัญญาณดี คล้ายร่างคนงานที่ตกหลุมเจาะเสาเข็มรถไฟฟ้าสายสีส้ม อยู่ที่ความลึก 11.5 เมตร แต่เกิดดินลั่นก่อน ทำให้ไม่สามารถงมต่อได้ จึงขึ้นมาปรับแผนกันใหม่ พร้อมจุดธูปขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปิดทาง เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทีมค้นหาร่างแรงงานที่พลัดตกหลุมลึก 19 เมตร โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม จุดธูป ขอขมาตามความเชื่อ เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เปิดทางให้เจอร่างของนายศราวุฒิ คนงานซึ่งถูกดินสไลด์ทับจนพลัดตกลงไปภายในหลุมเจาะเสาเข็มลึก 19 เมตร ของโครงการก่อสร้างสถานีหลานหลวง (OR06) ซึ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  เยื้องซอยหลานหลวง 8 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. โดยวันนี้เข้าสู่วันที่ 5 ของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยล่าสุด ทีมค้นหา USAR และกู้ภัยได้ทำการตรวจสอบบางจุด พบว่าสัญญาณคล้ายร่างกายมนุษย์ ที่ระดับความลึก 11.5 เมตร โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างทำการพิสูจน์ทราบ โดยหากตรวจสอบว่า วัตถุหรือสิ่งที่พบคือร่างของมนุษย์จริงเจ้าหน้าที่จะวางแผนทำการเคลื่อนย้าย มีรายงานว่าทีมกู้ภัยที่ห้อยสลิงลงไป ได้หย่อนตัวลงไปในโคลน ความลึกระดับคอแล้ว จากนั้นได้ใช้มือคลำลงไปลักษณะเหมือนโดนเสื้อ หรือ ผ้า คล้ายกับร่างมนุษย์ แต่จังหวะนั้นแผ่นชีทพลายลั่น […]