“สามารถ” บอก “ลุงป้อม” อารมณ์ดี หลังเพื่อไทยเขี่ยพ้นพรรคร่วมฯ

รัฐสภา 28 ส.ค.-“สามารถ” บอก “ลุงป้อม” อารมณ์ดี ดูดไปป์ ไม่เครียด หลังเพื่อไทย เขี่ยพ้นพรรคร่วมรัฐบาล ย้อนถามสัญญาลูกผู้ชาย พปชร. โหวต “อุ๊งอิ๊งค์” นั่งนายกฯ แต่อีกพรรคงดออกเสียง ดันให้ร่วมรัฐบาล ท้าลาออกโหวตใหม่ ดูจะได้เสียงเท่าไหร่ เหน็บ ชาวบ้านจะไว้ใจนายกฯ ที่ตระบัดสัตย์ได้อย่างไร

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย มีมติไม่ขอร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า เรื่องนี้เป็นมติของ สส. แต่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องมาแสดงความชัดเจน ให้กับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอีกไม่นานพรรคคงมีมติออกมาอย่างแน่นอน หลังจากมีความชัดเจนในเรื่องนี้


นายสามารถ ยังกล่าวด้วย ว่า ส่วนตัวเข้าใจว่า คำว่าสัญญาลูกผู้ชาย ไม่ต้องมีการเซ็นเอกสาร แต่เป็นการให้คำมั่นต่อกัน ว่าถ้าจะร่วมรัฐบาลแล้วโหวตให้ก่อนแล้ว ค่อยมาดูว่า ใครจะดำรงตำแหน่งไหน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็ทำอย่างเต็มที่ ซึ่งในวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐก็ไปร่วมหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งในวันนั้น ได้มีการ ระบุว่าจะให้นายชัยเกษม นิติศิริ เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา สส. เพื่อไทยมีมติอยากให้ นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนคงเห็นว่าสถานการณ์พรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร และในวันที่ 15 สิงหาคม ทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลก็มาแถลงข่าว ว่าจะเลือกคนของพรรคเพื่อไทย แบบไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าจะเป็นใคร และในวันเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีพรรคไหนส่งแคนดิเดตนายกฯ แข่ง และพรรคพลังประชารัฐก็โหวตให้นางสาวแพทองธาร ครบทั้ง 39 คน ขาดเพียงคนเดียว คือหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะติดภารกิจในการจัดเลี้ยงนักกีฬาโอลิมปิก และพรรคพลังประชารัฐได้ส่งรายชื่อรัฐมนตรีชุดเดิม 4 คน ซึ่งถ้านายกรัฐมนตรีเห็นว่าคนใดไม่มีความเหมาะสม ก็สามารถส่งรายชื่อกลับมาเพื่อเปลี่ยนตัวได้ ซึ่งหัวหน้าพรรคก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการไปต่อรองเก้าอี้ และยึดมั่นในคำพูดลูกผู้ชายที่ได้มีการสัญญาไว้เท่านั้น แต่สุดท้ายพรรคเพื่อไทยก็มีมติออกมาว่า ไม่สบายใจในการร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตนเคยได้ยินคำสัมภาษณ์ของนางสาวแพทองธารว่ายังมีพรรคพลังประชารัฐร่วมรัฐบาล แต่การกระทำของพรรคเพื่อไทยไปเทียบเชิญพรรคโน้นพรรคนี้ ได้มีการปรึกษานางสาวแพทองธารแล้วหรือยัง

ส่วนพรรคเพื่อไทยไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ เพราะพลเอกประวิตร เป็นปฏิบัติกับพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้งไม่มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี และอยู่เบื้องหลัง 40 สว. ในการสอยนายเศรษฐานั้น นายสามารถ กล่าวว่า อาจจะเข้าใจได้ว่าพลเอกประวิตรเป็นปฏิปักษ์ แต่ตนคิดว่าพรรคการเมืองอื่นน่าจะเป็นปฏิปักษ์มากกว่า เพราะไม่เคยโหวตให้เลย ในรอบของนางสาวแพทองธาร งดออกเสียงทั้งพรรค แต่ของพรรคพลังประชารัฐโหวตให้ 39 คน ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรม


ส่วนเรื่อง 40 สว. จะเห็นว่าในรายชื่อ 21 คน ก็โหวตให้นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แปลว่า สว.รับไม่ได้ที่มีการเสนอชื่อ นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะถ้าไม่ทำผิด คงไม่มีใครไปยื่นถอดถอด

ส่วนที่บอกว่า สว. เป็นคนของพลเอกประวิตรนั้น ก็รู้อยู่แล้วว่า สว. ของพลเอกประวิตรมีอยู่เท่าไหร่ ถ้าจะเอาจริงก็คงมากันหมด แต่ 40 สว. ที่ยื่นคำร้อง มีคนไหนเป็นเพื่อนพลเอกประวิตรบ้าง การที่นายเศรษฐาต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมาโทษพลเอกประวิตรนั้นไม่ถูก ทำไมไม่ไปโทษ คนที่เอาชื่อนายพิชิต มายัดใส่มือนายเศรษฐา ต้องโทษคนนั้นมากกว่า

“ผมว่า ไม่เอาคืนหรอกครับ แต่ใช้กระบวนการของกฎหมาย ซึ่งมั่นใจว่า เรื่องของชาวบ้านที่ต้องไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะตระบัดสัตย์หรือไม่ ต่อไปนี้พูดไป จะเชื่อถือได้หรือไม่ ส่วนเรื่องของพรรค สส. หลายคนคงต้องมีมติและดำเนินการกันต่อไป ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ติดตามการเมือง ไม่เคยเห็นตั้งแต่เล็กจนโต ที่ให้โหวตไปก่อนแล้วมาบิดทีหลัง ให้โหวตไปก่อนแล้วมาหักหลังทีหลัง ไม่เคยเห็น” นายสามารถ กล่าว


ส่วนความรู้สึกของพลเอกประวิตรในขณะนี้นั้น นายสามารถ กล่าวว่า อารมณ์ดี ดูดไปป์ เมื่อวานก็ดูข่าวแล้วไม่ได้เครียดอะไร พลเอกประวิตรเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตรองนายกฯ อดีตรักษาการนายกฯ ผ่านอะไรมาเยอะ แต่ถ้านางสาวแพทองธาร คิดว่ามติ สส.ของพรรคสำคัญ เพื่อความสง่างาม ก็ขอให้ลั่นวาจาว่า ลาออก แล้วโหวตใหม่ และดูว่าจะมีคนแข่งหรือไม่ และจะ เหลือคะแนนเท่าไหร่ อย่างนี้พรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นต้องระวังด้วยหรือไม่

ส่วนกระแสที่กลุ่มร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ไปร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อล้มฝั่งพลเอกประวิตรนั้น ตนไม่ทราบ แต่มองว่า บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง พรรคการเมืองก็มีกฎ ตนคิดว่าก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในพรรคที่ต้องดำเนินการต่อ

ส่วนถ้ากลุ่มของร้อยเอกธรรมนัสไปร่วมรัฐบาลเพียงกลุ่มเดียว จะส่งผลอย่างไรกับพรรคพลังประชารัฐ นายสามารถ ถามกลับว่า เคยทำได้หรือ เพราะจากที่นายทักษิณ ชินวัตร พูดว่า ถ้ามาก็มาทั้งตัว ก็หมายถึง มาก็มาทั้งพรรคใช่หรือไม่ ต้องไปตีความกันเอาเอง เพราะพรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ดังนั้นไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรก็ต้องมีมติพรรค พร้อมยืนยันพรรคพลังประชารัฐไม่แตก แต่ทุกคนที่เป็น สส. มีความคิดเห็นต่างกันได้ แต่สุดท้ายก็ต้องมีมติพรรค ส่วนใครจะปฏิบัติตามหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องเคารพซึ่งกันและกัน

นายสามารถ กล่าวว่า ส่วนหากวันหน้ามาเป็นฝ่ายค้าน และมีการโหวตสวนมติฝ่ายค้าน ก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ แต่สุดท้ายก็มีกฎของพรรค ส่วนจะมีโอกาสขับกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส ออกจากพรรคหรือไม่ เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค และเชื่อว่าไม่ใช่แผนปิดสวิตช์ 3 ป. เพราะปิดไม่ได้อยู่แล้ว พลเอกประวิตรก็ยังเป็น สส. และแคนดิเดตนายกฯอยู่ และที่บอกว่าปิดสวิตช์ก็คงไม่จริง และปิดไม่ได้ด้วย เพราะมั่นใจว่า 3 ป. ยังรักกัน ที่บอกว่าจะปิดสวิตช์ 3 ป. ปิดอะไร ตนไม่เชื่อว่าปิดได้ และเชื่อว่า สายสัมพันธ์ของ 3 ป. ยาวนานกว่า 50 ปี ไม่มีใครมาแยกสลายได้

ส่วนถ้าต้องไปร่วมงานกับฝ่ายค้านจริงนั้น ตนมองว่าฝ่ายค้านไม่ได้ต้องการความสามัคคีเหมือนกับฝั่งรัฐบาล ที่จะต้องรวมเสียงหากโหวตแพ้ รัฐบาลก็ล่ม พรรคฝ่ายค้านก็ทำงานตรวจสอบรัฐบาล

ทั้งนี้ ยืนยันว่าพลเอกประวิตร ยังไม่ได้ลาออกจาก สส. แม้จะมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้สองครั้งแล้ว.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน

เวียดนาม 16 พ.ค.-นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ เน้นย้ำไทยให้ความสำคัญประวัติศาสตร์และมิตรภาพกับเวียดนาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1940 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของขบวนการต่อสู้ของเวียดนามภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยตั้งอยู่บนถนนบั๊กเซิน (Bạch Sơn Street) ในพื้นที่ใกล้กับจัตุรัสบาดิ่งห์ โดยออกแบบในสไตล์ศิลปะสังคมนิยม ที่ประกอบด้วยกลุ่มรูปปั้นนักรบปฏิวัติ แสดงถึงความกล้าหาญและความสามัคคีของนักต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนาม หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังสุสานโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945 ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมทรงอนุสรณ์สถาน โดยใช้หินอ่อนและหินแกรนิตคุณภาพสูง ผสมผสานระหว่างศิลปะสังคมนิยม กับเอกลักษณ์เวียดนาม โดยโฮจิมินห์เป็นบุคคลสำคัญของเวียดนาม ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะ “บิดาแห่งชาติ” ที่นำพาประเทศสู่การประกาศเอกราช และเป็นผู้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ สถานที่สำคัญของเวียดนามครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไทยอย่างเวียดนาม จากนั้น เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเข้าร่วมประชุมหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก กับนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ทำเนียบรัฐบาล.-314.-สำนักข่าวไทย

“เปรมชัย” นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัว กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม

กทม. 16 พ.ค.-“เปรมชัย” ผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม ด้านวิศวกร ผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ทยอยเข้ามอบตัวเช่นกัน เวลา 08.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างหลัก อาคาร สตง.แห่งใหม่ ซึ่งพังถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 , 238 นายเปรมชัย นั่งวีลแชร์ มีพยาบาลส่วนตัวประกบ เดินทางมาที่ สน.บางซื่อ พร้อมทนายความและญาติ เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้า รวมถึงกลุ่มวิศวกร อีก 13 […]

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]