สส.เพื่อไทย ไม่สบายใจหาก พปชร. ร่วมรัฐบาล

กรุงเทพฯ 27 ส.ค.-“สรวงศ์” เผย สส.เพื่อไทยไม่สบายใจหาก พปชร. ร่วมรัฐบาล เหตุหัวหน้าพรรคไม่ร่วมโหวตนายกฯ ชัดอยู่เบื้องหลังถอดถอน “เศรษฐา” มอบ กก.บก. เคาะมติ เตรียมเดินหน้ารวมเสียง สส.ในสภาเพิ่ม มั่นใจมีเสียงไม่ต่ำ 300 ชี้เทียบเชิญไม่จำเป็นต้อง ปชป. ยังมีพรรคเล็ก บอก “ใครสะดวกใจก็มา ไม่สะดวกใจก็แยกกันเดิน”

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม สส. พรรคเพื่อไทย ว่า ในที่ประชุม สส. ได้มีการพูดคุยกันว่า สส. หลายคนมีความไม่สบายใจ ถึงพฤติกรรมของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหัวหน้าพรรคร่วม ตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ให้ความสำคัญ ไม่มาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ประกอบกับหลายสิ่งที่สื่อมวลชนก็ทราบดีว่าการยื่นถอดถอนอะไรต่างๆ ผู้อยู่เบื้องหลังก็เป็นที่ทราบกันดี นี่คือสิ่งที่ สส.พรรคได้สะท้อนออกมา ส่วนการดำเนินกิจการทางนิติบัญญัติได้มีมติให้กรรมการบริหารพรรคไปรวบรวมเสียงสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้รัฐบาล


ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า ต้องเป็นมติของที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ (27 ส.ค.) ก็คงจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าเราจะร่วมกับใครไม่ร่วมกับใคร จริงๆ แล้วไม่ได้มีข้อกฎหมายอะไร แต่เป็นสิ่งที่เวลาเราอยู่ด้วยกันก็จะต้องมีความสุขกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งในพรรคการเมืองก็มีข้อบังคับของแต่ละพรรคอยู่แล้วเราไม่ก้าวล่วง แต่ในนามของเลขาธิการพรรค ก็จะรวบรวมเสียงในสภาให้มากที่สุด

เมื่อถามย้ำว่ามติของ สส. คือไม่เอาพรรคพลังประชารัฐแล้วใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ชี้แจงว่า “มีความไม่สบายใจของ สส. ซึ่งจะเอาประเด็นตรงนี้เข้ามาถกเถียงกันในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอย่างแน่นอน”


ส่วนหลังจากนี้จะเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพรรคประชาธิปัตย์อย่างเดียว และในฐานะที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคก็ต้องหาเสียงในสภาให้ได้มากที่สุด เพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล

เมื่อถามต่อว่าเท่าที่มองแล้วมีพรรคการเมืองไหนบ้าง นอกจากพรรคประชาธิปัตย์ นายสรวงศ์ ระบุว่า ก็ยังมีพรรคเล็กอยู่ มีเสียงสองเสียงก็มีส่วนทำให้รัฐบาลเข้มแข็งมากขึ้น

ส่วนกรณีพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียงที่โหวตให้นายกรัฐมนตรี ก็เป็นไปได้ใช่หรือไม่จะมาร่วมรัฐบาล นายสรวงศ์ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ในเมื่อมีความเห็นตรงกันว่าที่จะให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นผู้นำรัฐบาล ก็ทำงานด้วยกันได้


เมื่อถามว่าอย่างกลุ่มของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สนับสนุนรัฐบาลมาตลอดจะมีการพิจารณาอย่างไร นายสรวงศ์ ระบุว่า สส. แต่ละคนก็มีเอกสิทธิ์ มีเอกภาพในการทำงานอยู่แล้ว เราคงต้องมีการเชื้อเชิญกัน

“ท่านใดสะดวก ท่านใดไม่สะดวกก็เป็นเรื่องของบุคคล โดยจะเป็นการติดต่อทาบทามไป และถ้าสะดวกใจทำงานร่วมกันก็มา ไม่สะดวกใจก็แยกกันเดิน“ นายสรวงศ์ กล่าว

ส่วนหากกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส สะดวกมาร่วมรัฐบาลจะมีการแบ่งโควตารัฐมนตรีอย่างไร นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี

ส่วนจะการมอบตำแหน่งให้กับคนนอกตามกฎหมายแล้วสามารถทำได้หรือไม่ นายสรวงศ์ ยืนยันไม่มีข้อห้ามอะไรทั้งสิ้นในเรื่องนี้ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีท่านเดียวเลย มีเพียงข้อตกลงตามโควต้า

ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรค จะเคาะเรื่องพรรคพลังประชารัฐเมื่อไหร่นั้น นายสรวงศ์ ย้ำว่า “ภายในวันนี้แหละครับ”

ส่วนการเดินหน้าเทียบเชิญพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาล จะเป็นทางการหรือเป็นการภายใน นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องเป็นทางการ อาจจะมีการประสานกันไปก่อน แต่เพื่อให้เกียรติกับท่านที่คุยเอาไว้ ก็ต้องเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีทั้งส่วนที่อยากมาและไม่อยากมา จะทำให้เป็นปัญหาเหมือนกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องดูเป็นรายบุคคลและดูสถานการณ์ จะพยายามประนีประนอมที่สุดและให้ราบรื่นที่สุด

นายสรวงศ์ ยังบอกถึงความเคลื่อนไหวในพรรคเพื่อไทยว่า ไม่มีปัญหาอะไร ตนได้คุยกับนายกรัฐมนตรีแล้ว “ไม่มีอะไรครับ”

เมื่อถามว่ารัฐบาลเดิมมี 314 เสียง หลังจากนี้จะมีมาเพิ่มหรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า ในวันเลือกนายกรัฐมนตรีมี 319 เสียง ถ้ายังอยู่ครบก็ดี เพิ่มมาก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ก่อนมั่นใจว่าไม่ต่ำกว่า 300 เสียงอย่างแน่นอน

เมื่อถามถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีคนใหม่ พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตคนใหม่แล้วหรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า เท่าที่ตนทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติออกมาอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง ซึ่งเห็นว่าจะมีการประชุมต่อในวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.)โดยหากมีมติออกมาแล้ว และเป็นการให้ใบเหลือง ก็จะต้องส่งผู้สมัครคนเดิม ที่จะสามารถลงสมัครได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีความพร้อมที่จะส่งตัวแทนลงสมัคร

ส่วนจะส่งคนเดิมคือนายชาญ พวงเพ็ชร์ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า หากเป็นใบเหลือง จำเป็นต้องส่งบุคคลเดิม.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]