สส.เพื่อไทย ไม่สบายใจหาก พปชร. ร่วมรัฐบาล

กรุงเทพฯ 27 ส.ค.-“สรวงศ์” เผย สส.เพื่อไทยไม่สบายใจหาก พปชร. ร่วมรัฐบาล เหตุหัวหน้าพรรคไม่ร่วมโหวตนายกฯ ชัดอยู่เบื้องหลังถอดถอน “เศรษฐา” มอบ กก.บก. เคาะมติ เตรียมเดินหน้ารวมเสียง สส.ในสภาเพิ่ม มั่นใจมีเสียงไม่ต่ำ 300 ชี้เทียบเชิญไม่จำเป็นต้อง ปชป. ยังมีพรรคเล็ก บอก “ใครสะดวกใจก็มา ไม่สะดวกใจก็แยกกันเดิน”

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม สส. พรรคเพื่อไทย ว่า ในที่ประชุม สส. ได้มีการพูดคุยกันว่า สส. หลายคนมีความไม่สบายใจ ถึงพฤติกรรมของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหัวหน้าพรรคร่วม ตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ให้ความสำคัญ ไม่มาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ประกอบกับหลายสิ่งที่สื่อมวลชนก็ทราบดีว่าการยื่นถอดถอนอะไรต่างๆ ผู้อยู่เบื้องหลังก็เป็นที่ทราบกันดี นี่คือสิ่งที่ สส.พรรคได้สะท้อนออกมา ส่วนการดำเนินกิจการทางนิติบัญญัติได้มีมติให้กรรมการบริหารพรรคไปรวบรวมเสียงสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้รัฐบาล


ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า ต้องเป็นมติของที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ (27 ส.ค.) ก็คงจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าเราจะร่วมกับใครไม่ร่วมกับใคร จริงๆ แล้วไม่ได้มีข้อกฎหมายอะไร แต่เป็นสิ่งที่เวลาเราอยู่ด้วยกันก็จะต้องมีความสุขกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งในพรรคการเมืองก็มีข้อบังคับของแต่ละพรรคอยู่แล้วเราไม่ก้าวล่วง แต่ในนามของเลขาธิการพรรค ก็จะรวบรวมเสียงในสภาให้มากที่สุด

เมื่อถามย้ำว่ามติของ สส. คือไม่เอาพรรคพลังประชารัฐแล้วใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ชี้แจงว่า “มีความไม่สบายใจของ สส. ซึ่งจะเอาประเด็นตรงนี้เข้ามาถกเถียงกันในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอย่างแน่นอน”


ส่วนหลังจากนี้จะเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพรรคประชาธิปัตย์อย่างเดียว และในฐานะที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคก็ต้องหาเสียงในสภาให้ได้มากที่สุด เพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล

เมื่อถามต่อว่าเท่าที่มองแล้วมีพรรคการเมืองไหนบ้าง นอกจากพรรคประชาธิปัตย์ นายสรวงศ์ ระบุว่า ก็ยังมีพรรคเล็กอยู่ มีเสียงสองเสียงก็มีส่วนทำให้รัฐบาลเข้มแข็งมากขึ้น

ส่วนกรณีพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียงที่โหวตให้นายกรัฐมนตรี ก็เป็นไปได้ใช่หรือไม่จะมาร่วมรัฐบาล นายสรวงศ์ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ในเมื่อมีความเห็นตรงกันว่าที่จะให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นผู้นำรัฐบาล ก็ทำงานด้วยกันได้


เมื่อถามว่าอย่างกลุ่มของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สนับสนุนรัฐบาลมาตลอดจะมีการพิจารณาอย่างไร นายสรวงศ์ ระบุว่า สส. แต่ละคนก็มีเอกสิทธิ์ มีเอกภาพในการทำงานอยู่แล้ว เราคงต้องมีการเชื้อเชิญกัน

“ท่านใดสะดวก ท่านใดไม่สะดวกก็เป็นเรื่องของบุคคล โดยจะเป็นการติดต่อทาบทามไป และถ้าสะดวกใจทำงานร่วมกันก็มา ไม่สะดวกใจก็แยกกันเดิน“ นายสรวงศ์ กล่าว

ส่วนหากกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส สะดวกมาร่วมรัฐบาลจะมีการแบ่งโควตารัฐมนตรีอย่างไร นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี

ส่วนจะการมอบตำแหน่งให้กับคนนอกตามกฎหมายแล้วสามารถทำได้หรือไม่ นายสรวงศ์ ยืนยันไม่มีข้อห้ามอะไรทั้งสิ้นในเรื่องนี้ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีท่านเดียวเลย มีเพียงข้อตกลงตามโควต้า

ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรค จะเคาะเรื่องพรรคพลังประชารัฐเมื่อไหร่นั้น นายสรวงศ์ ย้ำว่า “ภายในวันนี้แหละครับ”

ส่วนการเดินหน้าเทียบเชิญพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาล จะเป็นทางการหรือเป็นการภายใน นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องเป็นทางการ อาจจะมีการประสานกันไปก่อน แต่เพื่อให้เกียรติกับท่านที่คุยเอาไว้ ก็ต้องเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีทั้งส่วนที่อยากมาและไม่อยากมา จะทำให้เป็นปัญหาเหมือนกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องดูเป็นรายบุคคลและดูสถานการณ์ จะพยายามประนีประนอมที่สุดและให้ราบรื่นที่สุด

นายสรวงศ์ ยังบอกถึงความเคลื่อนไหวในพรรคเพื่อไทยว่า ไม่มีปัญหาอะไร ตนได้คุยกับนายกรัฐมนตรีแล้ว “ไม่มีอะไรครับ”

เมื่อถามว่ารัฐบาลเดิมมี 314 เสียง หลังจากนี้จะมีมาเพิ่มหรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า ในวันเลือกนายกรัฐมนตรีมี 319 เสียง ถ้ายังอยู่ครบก็ดี เพิ่มมาก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ก่อนมั่นใจว่าไม่ต่ำกว่า 300 เสียงอย่างแน่นอน

เมื่อถามถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีคนใหม่ พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตคนใหม่แล้วหรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า เท่าที่ตนทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติออกมาอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง ซึ่งเห็นว่าจะมีการประชุมต่อในวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.)โดยหากมีมติออกมาแล้ว และเป็นการให้ใบเหลือง ก็จะต้องส่งผู้สมัครคนเดิม ที่จะสามารถลงสมัครได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีความพร้อมที่จะส่งตัวแทนลงสมัคร

ส่วนจะส่งคนเดิมคือนายชาญ พวงเพ็ชร์ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า หากเป็นใบเหลือง จำเป็นต้องส่งบุคคลเดิม.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ล่าหนุ่มโมร็อกโก ฆ่าโหดหมอแซมมี่ เผ่นหนีฮ่องกง

ตำรวจประสานตำรวจสากล เร่งล่าตัวแฟนหนุ่มชาวโมร็อกโก ผู้ต้องสงสัยฆ่าโหดหมอแซมมี่ แพทย์ความงามสาวสอง เจ้าของคลินิกเวชกรรมชื่อดังเชียงใหม่ พบเผ่นหนีไปฮ่องกงแล้ว

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชวนลงทุนซิม-ตู้เติมเงิน

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชักชวนลงทุนซิมและตู้เติมเงิน อ้างสิทธิ กสทช. พบมีผู้เสียหาย 5,000 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท

รถตู้กลับจากแข่งเรือเสียหลักชนต้นไม้ ดับ 4 เจ็บ 9

สลด! รถตู้กลับจากแข่งเรือยาวที่ จ.ปทุมธานี เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ บนถนนสายลำปาง-งาว จ.ลำปาง เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สถาบันประสาทฯ ชี้นวดต้นคอเสี่ยงอันตราย เหตุเป็นศูนย์รวมอวัยวะสำคัญ

สถาบันประสาทวิทยา ชี้นวดต้นคอเสี่ยงอันตราย เพราะเป็นศูนย์รวมอวัยวะสำคัญ มีทั้งหลอดเลือด และกระดูก ไม่ได้มีแต่กล้ามเนื้อ นวดผิดชีวิตเปลี่ยน ตั้งแต่อัมพฤกษ์ อัมพาต จนเสียชีวิต

“แม่น้องผิง” ติดใจการตายของลูกสาว วอนร้านนวดรับผิดชอบ

แม่นักร้องสาว “ผิง ชญาดา” ติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว อยากให้เจ้าของร้านนวดแสดงความรับผิดชอบ เผยมีลูกสาวคนเดียว เป็นเสาหลักของครอบครัว ด้านเพจ “หมอไทยสตอรี่” เตือนนวดบริเวณคอผิดวิธี เสี่ยงเส้นเลือดเสียหาย-กระดูกสันหลังเคลื่อน-เส้นประสาทถูกทำลาย แนะหากมี 4 อาการหลังนวด ควรพบแพทย์ด่วน

ตร.ทองหล่อ บุกทลายปาร์ตี้ไฮโซกลุ่มลับ พบยาเสพติด

ตำรวจทองหล่อบุกทลายปาร์ตี้ไฮโซกลุ่มลับในโรงแรมย่านคลองเตยเหนือ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ตรวจค้นพบยาเค ยาอีจำนวนหนึ่ง จึงคุมตัวนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปตรวจหาสารเสพติด

อุทาหรณ์นวดบิดคอ! นักร้องสาวเสียชีวิตแล้ว

อุทาหรณ์นวดบิดคอ! นักร้องสาวเข้าร้านนวดแบบบิดคอ ก่อนมีอาการตัวชา-ร่างกายอ่อนแรง กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว