“ภูมิธรรม” ย้ำจัดตั้ง ครม.เป็นอำนาจนายกฯ

ทำเนียบ 27 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ชี้นายกฯ ไม่ต้องตอบ พปชร. ปมทำหนังสือตามถามเก้าอี้ “พัชรวาท” บอกแค่ยกมือหนุนเสียง ไม่ต้องเป็น รมต.ก็ได้ โยน ปชป. เคลียร์ตัวเองให้ชัด


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีความชัดเจนมีการทาบทามพรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์เลย ส่วนที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าได้รับการทาบทามแล้ว ซึ่งสวนทางกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคที่ปฏิเสธเรื่องนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ต้องไปทำให้ชัดเจนก่อนว่าจะคุยหรือไม่คุย 

เมื่อถามว่า ความชัดเจนต้องมาจากพรรคแกนนำรัฐบาลโดยตรงหรือไม่ หรือให้พรรคประชาธิปัตย์ดีลเอง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอนนี้เราดำเนินการไปตามที่ตกลงกันทั้งกระบวนการ ซึ่งตนได้พูดผ่านสื่อไปแล้วว่า พรรคที่สนับสนุนเราให้ตัวแทนไปยื่นรายชื่อผู้ที่จะเสนอเป็นคณะรัฐมนตรี ต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ได้มายื่นรายชื่อที่ตน ขณะนี้เป็นไปตามสภาพของแต่ละคน เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหาที่ต้องใส่ใจรายละเอียด เนื่องจากกรณีของนายพิชิต ชื่นบาน ก็เป็นประเด็น ซึ่งตนก็บอกไปว่าอยากให้เผื่อรายชื่อไว้ เผื่อไม่รู้ใครเป็นอะไรก็เติมเข้าไป 


นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สมมติว่าขณะนี้หากเราเสนอรายชื่อพอดี แล้วพอตรวจไปตรวจมาหายไป 5 คน เราก็ต้องมาเริ่มกระบวนการใหม่ ซึ่งกระบวนการตอนนี้ใช้เวลามาก เมื่อก่อนใช้เวลาแค่ 3 วันก็จบแล้ว ตอนนี้ขอตรวจให้ละเอียดมากขึ้น ฉะนั้นเพื่อให้เกิดความรอบคอบใช้เวลาเร็วสุดประมาณ 1 สัปดาห์ หรืออาจจะสัปดาห์กว่า ก็จะพยายามทำให้จบ เพราะฉะนั้นเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลได้รวดเร็ว ทางพรรคเพื่อไทยส่งรายชื่อไปมากกว่าเดิม และเมื่อส่งรายชื่อไปแล้วเป็นคนไหนก็เป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี 

ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าจะแล้วเสร็จหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อันนี้พูดไม่ได้  ต้องถาม สลค. และกฤษฎีกา เพราะถ้ายังไม่ส่งชื่อมาเราก็ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไม่ได้ 

เมื่อถามย้ำว่าการเสนอรายชื่อมีพรรคใดเสร็จแล้วบ้างและพรรคใดยังไม่แล้วเสร็จ นายภูมิธรรมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทยอยส่งชื่อ ซึ่งกระบวนการยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเพิ่มหรือลดรายชื่อ มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น


เมื่อถามอีกว่าทางพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ส่งหนังสือถึงนายกฯ เพื่อทวงตำแหน่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เห็นในข่าว ตนยังไม่ได้รับหนังสือฉบับนั้น แต่ตนไม่ทราบอาจจะมีการส่งไปทางไหนก็ได้ ถือเป็นเรื่องของพรรค พปชร. ซึ่งมติกรรมการบริหารพรรคก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรค ที่จะมีมติอย่างไรและส่งอย่างไรก็ได้  ถ้าชัดเจนเมื่อไหร่ก็ส่งมาให้เกิดความชัดเจน แต่ถ้ายังไม่ชัดเจนก็เป็นประเด็นที่ค้างคา 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า การจัดตั้งครม. เป็นอำนาจของนายกฯ เพียงผู้เดียว ฉะนั้นนายกฯ จะต้องเลือกทีม ครม. เข้ามาร่วมงาน เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และนายกฯ ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นนายกฯ จึงมีสิทธิ์ที่จะเสนอหรือเลือกใครก็ได้ ที่คิดว่าเหมาะสม 

“การเจรจาพูดคุยกันหากหลายเรื่องยังไม่ตกลงก็เปลี่ยนแปลงได้ การที่พรรคใดยกมือสนับสนุน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีตัวแทนเป็น ครม. เช่น พรรคไทยสร้างไทยที่โหวตสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ 6 เสียง หรือ ครั้งที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ยกมือสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน 19 เสียง ก็ไม่เห็นมีตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็น ซึ่งไม่ใช่ประเด็น นายกฯ มีสิทธิ์เลือกหากรัฐมนตรีพอแล้ว ในระดับพรรคการเมืองที่มาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ก็เลือกบุคคลที่สำคัญๆ ซึ่งในอดีต มีทั้งนักกฎหมายและผู้ที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน นายกฯก็สามารถเลือกคนเหล่านี้เข้ามาได้” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าพรรคพปชร.เสนอมา 4 รายชื่อ นายกฯ อาจจะเลือกมาแค่ 2 คน ได้หรือไม่ ที่เหลือเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่ มันไม่มีโควตา โควตาเราไปเรียกกันเอง จากความเคยชิน ซึ่งในทางปฏิบัติไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันแล้วแต่ความเหมาะสม

ส่วนนายกฯ จำเป็นต้องทำหนังสือชี้แจงพรรคพปชร.หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคพปชร. จะพิจารณาและนำเสนอใคร ไม่มีอะไรที่บอกว่านายกฯ ต้องตอบ เพราะมันไม่ใช่ประเด็น ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ยังไม่ได้เข้ามาทำงานตรงนี้ก็ต้องให้กระบวนการดำเนินไป ตนอยู่ตรงนี้ก็พยายามทำให้กระบวนการมันจบครบถ้วน มีบุคคลก็เสนอนายกฯ พิจารณา จะเป็นใครก็อยู่ในดุลพินิจของนายกฯ 

ส่วนหากนายกฯ ไม่ส่งเป็นหนังสือตอบกลับ จะยกหูโทรศัพท์พูดคุยได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ทำได้ทุกอย่าง อยู่ในความเหมาะสมที่ควรจะทำอย่างไรและอยู่ที่ในกระบวนการตอนนั้นว่าจะทำอย่างไรจะแจ้งหรือไม่แจ้ง ทั้งนี้ ในส่วนของตนไม่ได้มีอำนาจ ในการที่จะมาจัดครม. แค่ได้รับมอบหมายให้ประสานงาน เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วก็ยกให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องการจัดตั้งครม. ให้ช่วยไปประสานต่อ ซึ่งตอนนี้ท่านก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร

เมื่อถามถึงตำแหน่งของนายภูมิธรรม มีความชัดเจนอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเลย เพิ่งจะให้เขียนประวัติก็เขียนไป เมื่อเขียนแล้วจะเอาเข้าไปหรือไม่ ก็แล้วแต่ อยู่ที่พรรคเพื่อไทย

เมื่อถามย้ำว่าผู้ที่ถูกเสนอรายชื่อเป็น ครม.เมื่อกรอกประวัติ แต่ก็ยังไม่ทราบใช่หรือไม่ว่าจะได้ตำแหน่งอะไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าได้ตำแหน่งอะไร ได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ยังไม่ทราบ เพราะเป็นดุลยพินิจของนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้มีรัฐมนตรี ลาประชุม ครม.รวม 3 คน คือ  1.น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล  รมว.อุตสาหกรรม 2. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช. สาธารณสุข.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]