อาคารชินวัตร 3 (23 ส.ค.) – นายกฯ พบสมาคมธนาคารไทย รับฟัง 5 ข้อเสนอแนะ ด้าน “พิชัย” หวังธนาคารร่วมมือแก้หนี้ครัวเรือน ลดภาระประชาชน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการหารือกับสมาคมธนาคารไทย ที่ประสานเข้าพบเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและข้อเสนอแนะกับรัฐบาล ว่า จากการสอบถามพูดคุยพบว่า การลงทุนมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ข้อดีคือการเป็นรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย นโยบายต่างๆ จะต่อเนื่อง การพบกับภาคเอกชนจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะขอหารือเป็นระยะ
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วาระหลักของรัฐบาลในขณะนี้ คือการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่มีอยู่กว่า 16 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ในระบบประมาณ 13 ล้านล้านบาท และยังมีหนี้นอกระบบ และหนี้สหกรณ์ พร้อมเสนอให้ธนาคารกรุงไทย เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาหนี้ หากทำได้ จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้ คนที่คิดวิธีการได้ดีที่สุด คือเจ้าหนี้ ส่วนกระทรวงการคลัง จะยืนอยู่ข้างหลังเพื่อให้ทำงานสอดรับกัน
ส่วนนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เราอยากเห็นธนาคารของไทย เข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายรัฐบาลให้มากขึ้น พร้อมอัพเดตขั้นตอนการดำเนินนโยบาย Finacial hub ซึ่งอยู่ในขั้นตอนร่างกฎหมาย คาดว่า 3-4 เดือนจะมีความชัดเจน ส่วนการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency : NaCGA) ตัวร่างกฎหมายคืบหน้า 95% แล้ว
ขณะที่นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้สรุปปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ 5 ด้าน ได้แก่ 1.ปัญหาหนี้ครัวเรือน 91.4% ต่อจีดีพี และ 27% ของครัวเรือนเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ โดยที่รุนแรงคือหนี้รถ หนี้บ้าน 2.แผลเป็นด้านรายได้ 3.เศรษฐกิจนอกระบบสูง 4.ไม่พร้อมในการก้าวสู่เศรษฐกิจใหม่
5.Safety net ไม่ครอบคลุม รายไดไม่พอรายจ่าย ไม่มีเงินออม
พร้อมกันนี้ยังเสนอ 5 แนวทาง ในการแก้ไขปัญหาต่อรัฐบาล ได้แก่ 1.ผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบ จะสร้างตัวคูณทางเศรษฐกิจได้สูง สร้างรายได่ใฟ้ทันรายจ่าย 2.เติมเครื่องมือเพื่อช่วยให้ SMEs เพื่อให้ปรับตัวได้และเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อ 3.แก้หนี้ครัวเรือนและให้สินเชื่ออย่างยั่งยืน 4.เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการและก้าวทันกระแสโลก 5.เร่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ด้วยการเร่งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค สร้างความต่อเนื่องของโครงการ EEC
นายผยง กล่าวว่า รัฐบาลมองในมิติที่ยืดหยุ่นขึ้น connect the dots ที่มีจุดเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับเราที่แก้หนี้ครัวเรือนให้ครบจบ ซึ่ฝรัฐบาลมองหนี้บ้าน และรถที่เป็นปัญหาของชนชั้นกลาง ดังนี้จะขอไปทำการบ้านต่อ .-316 -สำนักข่าวไทย