สภาถกญัตติด่วน! ปมตุลาการศาล รธน.

รัฐสภา 22 ส.ค.- สภาถกญัตติด่วน! ปมตุลาการศาล รธน. บรรยาย “ยุบพรรคก้าวไกล” ฝ่ายค้าน-รัฐบาลประสานเสียง “เท้ง ณัฐพงษ์” อ่านจรรยาบรรณศาลกลางสภา ถามขัดจริยธรรมหรือไม่ มั่นใจถกเถียงได้ไม่ผิด ขอสบายใจได้ไม่ก้าวล่วง เย้ย เราคือ สส.ผู้ทรงสิทธิ์จากประชาชนโดยตรง ด้าน “อดิศร” มาเป็นกลอนกฎหมาย ซัดเป็นการทำลาย “ตราชู” ลั่น ผมไม่ตลกกับท่าน ในเมื่อปาราชิกแล้วต้องสึก อย่าเป็นกาดำในกระบวนการยุติธรรม


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นขอเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาพิจารณาเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้ดำรงตำแหน่งขององค์กรตุลาการในเวทีสาธารณะ และการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ เพื่อให้ส่งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาดำเนินการต่อไป

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวย้ำก่อนเสนอหลักการว่า เนื่องจากวันนี้เป็นการประชุมที่อาจจะมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก เพราะฉะนั้นเราจะไม่คุ้มครองตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดสดการประชุม ดังนั้นจึงอยากให้พึงระวัง รวมถึงหากจะกล่าวถึงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ก็ให้พึงระวังเรื่องการละเมิดอำนาจศาล


จากนั้น นายณัฐพงษ์ อภิปรายหลักการในการเสนอญัตติว่า สืบเนื่องจากข่าวเมื่อวานนี้ ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่ง ขึ้นไปบรรยายเวทีสาธารณะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการแสดงความคิดเห็นถึงพรรคประชาชนโดยตรงว่าพวกเราต้องขอบคุณท่านที่ยุบพรรคก้าวไกล จนนำมาสู่การที่พรรคประชาชนได้รับเงินบริจาคสูงถึง 20 ล้านบาท

ตนคิดว่าการแสดงความคิดความเห็นแบบนี้ต่อที่สาธารณะของบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องมีการคิดไตร่ตรองอย่างดี เพื่อเป็นการทัศนคติส่วนตัวหรือเป็นการแสดงทัศนะคติที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ของท่าน ในฐานะองค์กรอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ถ้าแสดงความคิดความเห็นส่วนตัวทั่วไป ตนคิดว่าไม่ขัดข้องครับ แต่เนื่องจากเป็นการแสดงความคิดความเห็น ในฐานะที่ท่านเป็นองค์คณะตุลาการที่พิพากษาประหารชีวิตนักการเมือง โทษสูงสุดถึงการยุบพรรค แล้วท่านออกมาแสดงความคิดเห็นตอบประเด็นดังกล่าวแบบนี้ เชิงประชดประชันหรือถากถาง ตนคิดว่าแบบนี้เป็นความชอบธรรมของสภาผู้แทนราษฎรของประชาชนที่รับฟังอยู่ เราเป็นผู้แทนของประชาชนที่ทรงอำนาจสูงสุดควรจะต้องตั้งคำถามได้ต่อองค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญ

นายณัฐพงษ์ ได้อ่านมาตรฐานทางจริยธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ หมวดที่ 2 ว่าด้วยจริยธรรมอันเป็นค่านิยม ว่า ข้อที่ 13 บัญญัติไว้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องปฎิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรมเป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติ และข้อ 17 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องไม่ทำการใดๆ ให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์และการดำรงตำแหน่ง


“จากการแสดงทัศนคติบนเวทีสาธารณะแบบนี้ ท่านคิดว่าเป็นการแสดงทัศนคติที่เป็นกลางหรือไม่ครับ เป็นการแสดงทัศนคติที่สาธารณะชนตั้งคำถามได้หรือไม่ครับ ว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ยุบพรรคก้าวไกลไปนั้นท่านใช้อคติส่วนตัวในการวินิจฉัยหรือไม่ ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้เราตั้งคำถามได้ ในสภาฯ แห่งนี้เป็นสิ่งที่เป็นเวทีที่เราพูดแสดงความคิดเห็นแบบนี้ร่วมกันได้” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่าตามจรรยาบรรณวิชาชีพคนที่เป็นตุลาการ ผู้พิพากษาไม่พึ่งแสดงปาฐกถาบรรยายสอนหรือเข้าร่วมการสัมมนาอภิปรายแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสาธารณะชน ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา ตนคิดว่าคงไม่มีผู้พิพากษาคนไหนยอมรับได้ในกรณีนี้

“นี่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงออกชัดเจน กลัวทำให้เกิดความเสื่อมเสียของจรรยาบรรณวิชาชีพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ …อยากจะเรียกร้องเพื่อนสมาชิกเห็นชอบกับญัตตินี้ เพื่อส่งข้อสังเกตไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพราะพวกเรายืนยันว่าในเรื่องของมาตรฐานจรรยาบรรณ ซึ่งเป็นเรื่องนามธรรม ควรจะต้องให้คนภายในองค์กรนั้นตรวจสอบกันเอง ดังนั้นเรื่องนี้สบายใจได้ ไม่ใช่เรื่องฝ่ายนิติบัญญัติจะไปใช้อำนาจล่วงเกินฝ่ายอื่น” นายณัฐพงษ์ กล่าว

“พวกเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ผู้ทรงสิทธิ์ ได้รับอำนาจจากประชาชน สิ่งที่เราทำได้ร่วมกันแน่นอนคือการเสนอร่างแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง เรามีอำนาจเต็มที่ดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อทำให้สภาผู้แทนราษฎรของเราส่งความศักดิ์และสิทธิ์ในการเป็นผู้แทนของปวงชน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องเดียวกัน เสนอหลักการว่า ตนได้ดูข่าวตุลาการท่านหนึ่ง ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ ไม่ทราบว่าท่านพูดแบบตั้งใจมาพูดหรือตกกระไดพลอยโจร ในการแสดงความคิดเห็นในลักษณะตนเองเป็นใหญ่อวดเบ่งและเหยียดหยามเสียดสีบุคคลซึ่งเคยเป็นคู่กรณีในศาลรัฐธรรมนูญ

“ผมให้ความเคารพนะครับคำว่าศาล เพราะผมเรียนนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เราสอนว่านิติศาสตร์ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ให้ความยุติธรรมโดยไม่มีอคติ ไม่มีมายาคติ จนพระบิดาแห่งกฎหมายไทยได้เขียนกลอนสั้นๆ ไว้ว่า เอ็งกินเหล้าเมายาไม่ว่าหรอก แต่อย่าออกนอกทางไปให้เสียผล จงอย่ากินสินบาทคาดสินบน เรามันชนชั้นปัญญาตุลาการ กรณีที่เกิดภาคใต้ไม่ใช่สินบนนะครับ แต่เป็นการกระทำโดยอาศัยตนเองได้ตัดสินคดีมา ยังติดค้างในใจหรือเปล่า” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร ย้ำว่า วันนี้เราพูดถึง Balance of Power นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ เขาถ่วงดุลกัน เรากำลังทำหน้าที่ถ่วงดุลกับฝ่ายตุลาการ เรามีคดีความ ท่านตัดสินยุบพรรค ประหารชีวิตนายกรัฐมนตรี 5:4 คนหนึ่งเอียงไปทางไหน คนนั้นชนะ วันนี้จะต้องหาทางร่วมกันในการแก้รัฐธรรมนูญ และวิธีพิจารณาความตามอำนาจหน้าที่ของท่านต่อไป

“เราให้ท่านไปเป็นพระ โดยการกลั่นกรองของวุฒิสภา ผมไม่ได้ว่านะครับ กลั่นกรองมาแล้ว ให้ท่านเป็นพระอยู่บนหิ้ง เพราะต้องอยู่ในธรรมวินัย ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพระ เยี่ยงสมณะ เมื่อท่านทำผิดพระวินัย ท่านปราชิก ไปบิณฑบาตไม่มีใครใส่บาตแล้ว ตนว่าคนเดียวนะครับ ไม่ได้ว่าทั้งองค์กร มีคนบอกว่าคุณอย่านะ ท่านครับ ไม่ต้องกลัว เรานิติบัญญัติ ตุลาการต้องดีใจ พวกเราถ่วงดุลท่าน เราไม่มีอคตินะครับ เราเห็นท่านไปพูดแล้วไม่เหมาะสม ไม่ทราบว่าก่อนตัดสินคดีใดๆ ของท่านท่านมีอคติหรือไม่ เป็นกลางหรือเปล่า” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร กล่าวต่อว่า มีคนบอกตนว่า Justice must not only be done, but must also be seen to be done แปลความว่าความยุติธรรมต้องไม่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ต้องมีความเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง ต้องไม่มีอคติ ต้องเป็นกลาง

“ท่านยังอารมณ์ค้างติดตลก ผมไม่ตลกกับท่าน ท่านกำลังทำลายความยุติธรรมจะโดยเจตนาหรือไม่ วันนี้ผมจึงจำเป็น ท่านกำลังทำลายตราชู ความยุติธรรมไม่ว่าด้วยเจตนาหรือไม่ ซึ่งตามญัตติขอให้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ผมเห็นว่าไม่จำเป็นต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเมื่อพระปาราชิกก็ต้องสึก ขออย่าเป็นกาดำ เพราะเป็นสิ่งไม่ดีในกระบวนการยุติธรรมคนเพียงคนเดียวทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความเชื่อมั่น” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร กล่าวต่อว่า ตนอยากให้ตุลาการนิติบัญญัติและบริหารทำหน้าที่ของตัวเอง อย่ายกตนข่มท่าน ยืนยันว่าไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับตุลาการทั้งหมดมีเรื่องแค่เฉพาะบุคคล นิ้วในร้ายก็ตัดทิ้ง ตัดอวัยวะรักษาชีวิต วันนี้สภาทรงเกียรติไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติด้วยกัน เป็นผู้เสียหายร่วมกัน จะต้องปกปักรักษา

“ท่านเป็นตุลาการชี้นิ้วว่าคนอื่นขาดจริยธรรม แต่อีก 3 นิ้วที่ชี้เข้าหาตัวเองท่านจะไม่อธิบายได้อย่างไร ไม่อยากให้ความยุติธรรมต่ำมากกว่านี้ท่านอยู่สูงแล้ว ให้อยู่สูงต่อไปวินิจฉัยความขัดแย้งของพวกเราแต่ถ้าท่านอยากลงมาต่ำให้ลงมามาเกลือกกลั้วกับพวกเรา ผ่านการเลือกตั้งมีประชาชนตรวจสอบ” นายอดิศร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ญัตติด่วนนี้ มีเพียงนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ชีวิตตนในทางการเมืองเหลืออีกไม่เยอะ พูดกันตรงๆว่าเรื่องของพวกเรามีธงไว้แล้ว ตนคือหนึ่งใน 44 คน ที่ได้เซ็นชื่อเสนอร่างกฎหมาย มาตรา112 วันนี้ทั้งสังคมคิดไปว่าพวกผมอยู่ได้อีกไม่นาน กระบวนการของป.ป.ช. ตั้งแต่รับคำร้อง ไต่สวน ยาวไปถึงเสนอความคิดเห็น จะใช้เวลาเท่าไหร่สำหรับ 44 คน ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าเร็ว ตนอยากรู้ว่าถ้ามีคนไปร้องป.ป.ช.ในเรื่องแบบนี้ ป.ป.ช. จะใช้เวลาเท่าใด จะเร็วเป็นกามนิตหนุ่ม เหมือน 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกลหรือไม่ หรือจะช้าเหมือนกรณีอื่นๆ

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่าพวกเราในสภาทำอะไรได้บ้าง พวกเราคือฝ่ายนิติบัญญัติ ใช้อำนาจตามที่ประชาชนไว้ใจเรามา เราคือสถาบันสุดท้ายที่กำลังปกป้องอำนาจสูงสุดของประชาชน จริยธรรมสูงสุดของพวกเราคือความรับผิดชอบต่อประชาชน และประชาชนจะตัดสินใจเองว่าพวกเราควรจะอยู่ที่นี่ต่อหรือไม่ ถึงเวลาหรือยังที่พวกเราต้องมีฉันทามติร่วมกัน ที่จะปล่อยให้จริยธรรมร้ายแรงของนักการเมืองที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ออกจากระบบ ที่เป็นมรดกของคสช.

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จริยธรรมของนักการเมืองเป็นคนละเรื่องกับกรณีที่ใช้บังคับกับศาล ยืนยันแม้สภาฯแห่งนี้หากตัดสินใจว่าจะเอาจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากรัฐธรรมนูญหรือออกจากพ.ร.ป. ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะอยู่เหนือการตรวจสอบ ยังผูกพันกับกฎหมายต่อต้านทุจริต หากมีนักการเมืองทุจริตเรายังมีความรับผิดชอบทางกฎหมาย หากแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ ใช้อำนาจบาปใหญ่ก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายต่อไป แต่ขออย่าใช้จริยธรรมร้ายแรงเลื่อนลอยเหมือนที่ผ่านมา อย่าให้อาวุธนี้ที่คสช.มอบให้จัดการนักการเมือง เราต้องช่วยกันหยุดยั้งอาวุธนี้ เพื่อำนาจสูงสุดที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

ภายหลังนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายปิดญัตติเสร็จสิ้น นายวันมูหะมัดนอร์ ได้กล่าวว่าจากการอภิปรายเห็นตรงกันว่าจะส่งเรื่องและข้อสังเกตไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดำเนินการต่อไป และสั่งปิดการประชุมในเวลา 18.25 น. .-312 319 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

วิศวกรรมสถานฯ ห่วงดินอ่อนเสี่ยงขยายวง หลังถนนหน้า รพ.วชิรพยาบาล ทรุดตัว

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – วิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเหตุถนนทรุด หน้า รพ.วชิรพยาบาล เบื้องต้นพบยังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัว มีโอกาสสไลด์เพิ่ม หากมีฝนตกลงมา นายธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุผิวจราจรทรุดตัวบริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ายังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัวและมีโอกาสสไลด์เพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหากมีฝนตกลงมา จะเพิ่มความเสี่ยงให้พื้นที่ไม่คงตัวมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเร่งหาทางปิดแหล่งน้ำที่รั่วซึม ทั้งจากท่อประปาและท่อระบายน้ำ ซึ่งยังมีน้ำไหลออกมาเป็นระยะ หากสามารถหยุดได้จะช่วยสร้างเสถียรภาพชั่วคราวให้กับดิน และลดโอกาสการขยายวงของการทรุดตัว พร้อมกันนี้มีการนำเครื่องมือสำรวจ เช่น 3D Scan มาช่วยวัดความกว้าง ความยาว และความลึกของหลุม เพื่อประเมินความปลอดภัยและแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน สำหรับอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล (สน.ใหม่) พบว่าเสาเข็มบางต้นหักหรือแตกร้าว ทำให้ต้องตรวจสอบรอยร้าวของโครงสร้างอาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอันตรายต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ นายธเนศ เน้นย้ำว่า มาตรการสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือการปิดกั้นพื้นที่เสี่ยงและไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าใกล้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้วิศวกรรมสถานฯ ได้เสนอแนวทางเบื้องต้น คือการควบคุมน้ำไม่ให้รั่วซึม การกั้นเขตพื้นที่เสี่ยง และการติดตามโครงสร้างอาคารโดยรอบอย่างต่อเนื่อง ก่อนประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าพื้นที่จะกลับมาเสถียรและปลอดภัยเมื่อใด ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนทรุด […]

นายกฯ รุดตรวจถนนยุบ สั่งเร่งหาสาเหตุ คุมสถานการณ์ได้แล้ว

สามเสน 24 ก.ย.- นายกฯ รุดตรวจเหตุถนนสามเสนยุบตัว ขึ้นตึกวชิรพยาบาล ดูมุมสูง ชี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว บอกไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ทรัพย์สินเสียหาย ห่วง สน.สามเสน เสาเข็มขาด 2-3 ต้น ประสานโรงพยาบาลในเครือ รองรับผู้ป่วย มอบโยธารวบรวมผู้เชี่ยวชาญหาสาเหตุที่แท้จริง ด้าน รฟม. น้อมรับชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง ขณะผู้ว่าฯ กทม. สั่งเตรียมเครื่องสูบน้ำ หวั่นฝนถล่มซ้ำ กันประชาชนเข้าใกล้รัศมี 100 เมตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.35 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนสามเสน บริเวณด้านหน้า โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รอรับและรายงานสถานการณ์ และการลงพื้นที่ครั้งนี้มี น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยชนก […]

สั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง พื้นที่เกิดเหตุถนนทรุด

กรุงเทพ 24 ก.ย.- รฟม. สั่งการให้หยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงในพื้นที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ตามที่เกิดเหตุพื้นถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ใกล้เคียงกับจุดก่อสร้างทางขึ้น-ลงที่ 4 สถานีวชิรพยาบาล (PP19) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 นั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งให้นางมัลลิกา จิระพันธุ์วานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ร่วมกับนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้น ผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ และทีมงาน ได้สั่งการให้หยุดการก่อสร้างบริเวณพื้นที่เกิดเหตุในทันที เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างบางส่วน และอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย รฟม. ได้ประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงจัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้สัญจร ทั้งนี้ […]

วชิรพยาบาลปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน เหตุถนนทรุดไม่กระทบอาคาร

24 ก.ย.- คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ยันตัวอาคารโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบ ขอปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน รับกังวลการมาทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวถึงกรณีการทรุดตัวลงของพื้นผิวถนนหน้าโรงพยาบาลวิชรพยาบาลว่า ตัวของโรงพยาบาลไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะด้านหน้ามีกำแพงกั้นดินที่ลึกถึง 60 เมตร และตัวอาคารทีปังกรฯ มีกำแพงอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทและการจราจรก็มีปัญหาจึงได้หยุดให้บริการตึกผู้ป่วยนอกเป็นเวลา 2 วัน และตึกดังกล่าวไม่ได้มีการอพยพผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยทั้งหมดในตึกนั้นเป็นผู้ป่วยนอกจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอพยพ ทั้งนี้ หากมีเหตุจำเป็นและเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการอยู่ ตอนนี้เราเป็นห่วงในเรื่องของการจราจรส่วนอาคารนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ในส่วนของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ยังสามารถใช้ประตูอื่นบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลได้ ส่วนที่เรากังวลคือการเดินทางมาทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล. -สำนักข่าวไทย