ไทยสร้างไทยลงดาบ! สส.งูเห่า รายแรก ขับพ้นพรรค

21 ส.ค.- ไทยสร้างไทย ลงดาบ สส.งูเห่า รายแรก ขับ “สุภาพร” พ้นพรรค ชี้พฤติกรรมขัดอุดมการณ์ของพรรค กระทำการขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรง โหวตสวนมติพรรคและพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายครั้ง ร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นอย่างเปิดเผย


วันนี้ คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรคไทยสร้างไทย ประชุมตามที่ได้รับมอบหมายจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค และ ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม ซึ่งทั้งสองท่านอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีน ให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรมของ สส. ทั้ง 6 คน เป็นรายบุคคล ในประเด็นการฝ่าฝืนอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย และจุดยืนในการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน 

คณะกรรมการวินัยและจริยธรรม ได้เชิญ สส.สุภาพร สลับศรี มาให้ข้อมูลเป็นรายแรก เนื่องจากกระทำความผิดหลายครั้ง แต่ สส.สุภาพร ไม่ให้ความร่วมมือเข้าพบคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม ตามที่ทำหนังสือแจ้งเชิญไปถึง 2 ครั้งแล้ว


ที่ประชุมคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม พิจารณาเห็นว่า พฤติกรรมของ สส.สุภาพร เข้าข่ายกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซ้ำซากหลายครั้ง โดยไม่สำนึกว่าตนเองได้เป็น สส.สมัยแรกในนามพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเน้นการเคารพและปฏิบัติตามอุดมการณ์ของพรรค โดยเฉพาะการต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์กับประชาชน พรรค และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงมารยาทในการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน

ดังตัวอย่างต่อไปนี้

1) จากการตรวจสอบผลการลงคะแนนเสียงในการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรหลายครั้ง พบว่า สส.สุภาพร ได้ลงคะแนนเสียงตรงกันข้ามกับมติพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยตลอด


2) พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในการไปปรากฏตัวร่วมงานกับพรรคอื่นอย่างเปิดเผย (ดังปรากฎตามข่าวจากสื่อมวลชน) เพื่อแสดงความฝักใฝ่พรรคดังกล่าว โดยไม่เคยแจ้งเหตุผลต่อพรรคไทยสร้างไทย การกระทำที่กล่าวมา ได้ก่อให้เกิดความเข้าใจในทางลบของสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย และทำให้บางคนเข้าใจว่าอาจจะได้รับประโยชน์จากพรรคการเมืองอื่นหรือไม่

“โดยพรรคการเมืองบางพรรค ได้พยายามใช้เงินและตำแหน่งมาหลอกล่อ เพื่อดึงตัวสส.ไปสนับสนุน การกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทำลายจริยธรรมทางการเมือง

ในการนี้ พรรคได้ให้โอกาสหลายครั้งเพื่อยุติการกระทำดังกล่าว และอำนวยความยุติธรรมให้อย่างเต็มที่ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือแต่ประการใดจาก สส.สุภาพร

ที่ประชุมคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกระทำของ สส.สุภาพร เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง สมควรที่จะได้รับการลงโทษด้วยการ “ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย”

โดยคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมจะรายงานผลการพิจารณาไปยัง ดร.โภคิน พลกุล และคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับพรรคต่อไป ส่วน สส.ที่เหลือ คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรคจะได้นัดหมายเป็นรายบุคคล เพื่อให้โอกาสทุกคนได้ชี้แจงเหตุผล โดยพรรคจะอำนวยความยุติธรรมให้อย่างเต็มที่

พรรคไทยสร้างไทยมุ่งสร้างและร่วมงานกับนักการเมืองทุกคน ที่ยึดความสุจริต อุดมการณ์ และมารยาท ในระบอบประชาธิปไตย มีความซื่อตรงและรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน เพราะสิ่งนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความมั่นคง ยั่งยืน สร้างการเมืองไทย ให้มีคุณภาพ และมีคุณธรรม เพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชนอย่างแท้จริง . 312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น-ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่