“ศิริกัญญา” ให้กำลังใจ “แพทองธาร” หวังมาแจงกระทู้ฝ่ายค้าน

รัฐสภา 19 ส.ค.-“ศิริกัญญา” สส.ประชาชน ให้กำลังใจ “แพทองธาร” หวังให้เกียรติสภาฯ มาแจงกระทู้ฝ่ายค้าน รอจับตารัฐบาลเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการจัดทำนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ว่า ทางฝ่ายค้านเฝ้ารอที่จะมีการแถลงนโยบายเพื่อได้นำมาศึกษาและวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองของรัฐบาลนี้ในการแถลงนโยบาย ซึ่งเราต้องติดตามกันต่อ ทั้งการทวงสัญญาที่ได้ หาเสียงไว้ในเรื่องต่างๆ และการตรวจการบ้านผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมา รวมถึงเสนอแนะแนวทางออกเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่านโยบายที่ได้หาเสียงไว้คือดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตอนนี้มีกระแสออกมาค่อนข้างมากว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปต่างๆนาๆ แต่ก็ต้องรอฟังการแถลงนโยบาย รวมถึงรายละเอียดจากทางคณะรัฐมนตรีอีกครั้งภายหลังจากมีการถวายสัตย์ปฏิญาณฯ โดยให้รัฐบาลใหม่ไปเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้เพื่อนำมานำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร


ทั้งนี้หากท้ายที่สุดมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ เช่น จากการแจกเงินดิจิทัล เป็นการให้เงินสด จะส่งผลอะไรบ้าง นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เชื่อว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น ก็เพื่อให้โครงการมีความละเอียดรอบคอบมากขึ้นเป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังมากขึ้นโดยที่รูปแบบจะเป็นอย่างไรก็ต้องจับตาดูอีกครั้ง ถ้ามีการจ่ายเป็นเงินสดก็อาจทำให้ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของประชาชนมากขึ้น อาจจะทำให้ลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากประชาชนลงไป แต่ก็ต้องดูที่มาของเงินด้วยว่า ถ้าเป็นเงินสดจะแจกเท่าไหร่ เพราะเกี่ยวพันกับหลายเรื่อง ซึ่งทางรัฐบาลยังไม่มีการแถลงความชัดเจน เพราะยังไม่ได้มีคณะรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการแถลงนโยบาย และยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ก็คงต้องให้เวลากับรัฐบาลได้เตรียมตัว

ทั้งนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนโฉมหน้ารัฐบาลจะส่งผลต่อการทำงานของฝ่ายค้านในการตรวจสอบอย่างไร นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า การทำงานของฝ่ายค้านไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การตรวจสอบอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม แต่สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คงต้องยอมรับว่านายกรัฐมนตรี เพิ่งมาสดๆร้อนๆ ก็อาจจะยังมีเรื่องให้ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่สำหรับตัวคณะรัฐมนตรีซึ่งอาจจะเป็นคนในรัฐรัฐบาลที่ผ่านมาเราก็สามารถอภิปรายได้เต็มที่ ดังนั้นต้องรอเก็บข้อมูลก่อนที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในลำดับต่อไป


ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ อาจทำให้การทำงานของฝ่ายค้านครั้งนี้ถูกโดดเดี่ยวหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า คงไม่เป็นแบบนั้นและเรายังคงคาดหวังว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยังคงเหนียวแน่นกับเราเหมือนเดิม แต่อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องรอดูทิศทางกันต่อไป ถึงแม้ว่าจะขาดไปหนึ่งพรรค แต่ที่เหลือก็น่าจะก็ยังคงอยู่ เราก็ยังจะสามารถทำงานได้อย่างเข้มแข็ง แม้จะมีภาพรวมฝ่ายค้านกี่พรรคก็ตาม

เมื่อถามว่าเมื่อมีการเปลี่ยนนายกฯ จะทำให้ รัฐมนตรีในกระทรวงการคลัง จะเปลี่ยนโฉมหน้าด้วย ตามที่มีกระแสข่าวว่านายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะมานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า คงจะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีตามนโยบาย ที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการให้เหมาะสมกับภาระงาน ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายใหม่ที่จะแถลงต่อรัฐสภา ว่าจะใช้กระทรวงการคลังเป็นหลักในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่างๆหรือไม่ หรือจะใช้รัฐมนตรีกระทรวงอื่น

นางสาวศิริกัญญา ยังยอมรับว่าการเปลี่ยนตัวบุคคล อาจจะส่งผลต่อการดำเนินการโครงการดิจิตอลวอลเล็ต แต่ไม่ถึงขั้นไม่สะดุดหากมีการเปลี่ยนตัว เนื่องจากมีการดำเนินการไประยะหนึ่งแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนตัวในทีมอาจจะทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่จะไม่กระทบต่อภาพรวม หากจะมีการเปลี่ยนแปลงใด ก็เป็นในส่วนคณะบริหารหรือครม.มากกว่า ที่จะทำให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตสะดุดลงหรือมีการเปลี่ยนแปลง


นางสาวศิริกัญญา ยังฝากถึง น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ว่า นายกฯ คนใหม่เข้ามารับตำแหน่งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทั้งในทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ที่หนักหน่วงที่ต้องเดินหน้านำคณะรัฐมนตรีและประเทศไปสู่การพัฒนาที่ก้าวหน้า โดยฝ่ายค้านขอเป็นกำลังใจ และเราต้องทำตามบทบาทของกันและกันอย่างดีที่สุด อีกทั้งให้ความร่วมมือกันได้ในส่วนที่เห็นตรงกัน ทั้งการออกกฎหมาย หรือการแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุล ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะให้เกียรติสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมาสภาบ่อยๆ เพื่อมาตอบกระทู้สดของฝ่ายค้าน ทั้งนี้ ไม่อยากจะตัดสิน นางสาวแพทองธารจากการแสดงวิสัยทัศน์นายกรัฐมนตรี เพราะหลังจากนี้ยังมีหลายโอกาส ที่นายกฯ จะแสดงวิสัยทัศน์ หลังจากเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน หรือ การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ขอดูไปยาวๆ ไม่อยากตัดสินแค่สปีชเดียว.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย