“สติธร” มอง “แพทองธาร” รับมือบริหารประเทศไหว

กทม. 17 ส.ค. – นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า มอง “แพทองธาร” รับมือบริหารประเทศไหว มีตัวช่วยมาก แต่ต้องระวังข้อ กม. “ทักษิณ” ครอบงำพรรค-อย่ามีตำแหน่งทางการ ชี้ ดิจิทัลวอลเล็ต ล้มไม่ได้ เดินหน้าเต็มตัวก็ไม่ดี แนะหานโยบายชดเชยให้ ปชช.


นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า มองการเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในการบริหารประเทศ ว่า รับมือไหว เพราะไม่ได้บริหารเพียงคนเดียวแต่มีตัวช่วยจำนวนมาก ทั้งที่ปรึกษาส่วนตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, สส. พรรคเพื่อไทย และคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าได้เปรียบมากกว่านายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะ สส. หลายคนของพรรคมีความผูกพันมาตั้งแต่ในยุคนายทักษิณ และพร้อมจะสนับสนุน

“คุณทักษิณ ด้วยประสบการณ์ ที่ปรึกษาส่วนตัว เมื่อมีปัญหาปรึกษาได้ทันทีด้วยความเป็นลูกสาว นี่คือจุดแข็งแน่นอน ช่วยได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไป การบริหารประเทศ ถ้ามีปัญหาการเมืองก็ช่วยเคลียร์ได้ ด้วยบารมี ส่วนจุดอ่อนคุณทักษิณผ่านวิบากกรรมมาเยอะ มีจุดเปราะบางที่ต้องระมัดระวัง การเข้ามาเป็นที่ปรึกษา ความเสี่ยงในทางกฎหมายว่าไปครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ต้องระมัดระวังมาก ไม่ให้บทบาทของคุณทักษิณ ไปเป็นที่ปรึกษาแบบชี้นำพรรค ถ้าในลักษณะพ่อสอนลูก โอเคทำได้ แต่ถ้าไปผ่านพรรค จะมีคนไปยื่นว่าครอบงำพรรค อันนี้มีปัญหาข้อกฎหมาย และไม่ควรไปมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบ เพราะมีบทเรียนแล้วที่คุณเศรษฐา แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน” นายสติธร กล่าว


นายสติธร กล่าวอีกว่า ความขัดแย้งที่ผูกพันกันมาในช่วง 20 ปี นามสกุลชินวัตร มีคู่ขัดแย้งทางการเมืองเยอะ เมื่อนางสาวแพทองธาร ได้รับโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะถูกขุดคุ้ยเรื่องในอดีต

นายสติธร มองว่า เรื่องเร่งด่วนที่นางสาวแพทองธาร ต้องดำเนินการ คือต้องขับเคลื่อนนโยบายทันที ต้องรีบตั้งคณะรัฐมนตรีให้สำเร็จโดยเร็ว ไม่ควรมีเรื่องระหองระแหงกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือในพรรคเพื่อไทยเอง ควรจะมีภาพลักษณ์ที่สงบและราบรื่น เดินหน้าทำงานอย่างมีเอกภาพ หลังจากแถลงนโยบายควรเดินหน้าทันที เพราะนี่ไม่ใช่รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง แต่ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว หลังนำโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งคนมีความคาดหวังมาก ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องทำในสิ่งที่คนคาดหวังมาแล้วหนึ่งปีให้เห็นผล ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยต้องคิดหนักถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่าจะทำอย่างไร

“ดิจิทัลวอลเล็ต ต้องหาคำอธิบาย วันนี้เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเอง ก็ต้องอาศัยจุดนี้เป็นทางลงให้กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตด้วย อะไรที่สุ่มเสี่ยง มีความกังวลและคัดค้าน ก็ต้องรับฟังและจัดการไป และจะเดินหน้าอย่างไร ก็เป็นโอกาสในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนเดิมทั้งหมด แต่ถ้าจะล้มไปเลย คิดว่าคนที่เชียร์พรรคและรอคอยนโยบายนี้ ก็จะเสียใจอยู่เหมือนกัน ก็ต้องดูแลจิตใจของคนที่สนับสนุนตัวเองด้วย รวมถึงคนที่ไม่ได้สนับสนุนก็คาดหวังไปแล้ว ไปทำลายความคาดหวังเขา ในอนาคตจะไปชวนมาเลือกพรรคตัวเอง ก็จะลำบาก ล้มก็ไม่ได้ จะเดินหน้าเต็มตัวแบบเดิมก็คงไม่ดี ทำอย่างไรให้พอไปได้ และตัวช่วยก็คือต้องหานโยบายใหม่มานำ แล้วสามารถชดเชยเยียวยาส่วนที่ขาดหายไปจากการปรับเปลี่ยนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต” นายสติธร กล่าว.-315-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส