ร้อยเอ็ด 16 ส.ค.- “นิวัติไชย” เผย ป.ป.ช. มีมติสั่งไต่สวน 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ย้ำมาตรฐานจริยธรรมของ ป.ป.ช. มีเรื่องการปกป้องอธิปไตย ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล่วงล้ำ-ไม่เคารพไม่ได้
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยถึงการพิจารณาคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกลที่ลงชื่อแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 และล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นเเล้ว ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติสั่งไต่สวนแล้ว ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีมูลเบื้องต้น ซึ่งในกระบวนการไต่สวนนั้น ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้าง และหลังจากที่เปิดโอกาส ให้มีการชี้แจง จากนั้นจะมีการสรุปสำนวน เสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.พื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป
ส่วนกรอบเวลาในการพิจารณานั้น ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะต้องดูความพร้อมของทั้ง 44 สส. ที่จะมาให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. นอกจาก 44 สส.แล้ว ยังมีบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น บุคคลที่เป็นผู้แทนของรัฐสภาที่มีการเสนอหรือที่รู้เห็น โดยจะต้องสอบเพิ่มเติม เพื่อให้รู้ถึงเจตนารมณ์ และกฎหมาย ป.ป.ช.ก็เปิดโอกาสให้ขยายระยะเวลาให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้เเจงเหตุผลและความจำเป็น เช่น เจ็บป่วยมาไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ หากหายแล้วก็ต้องมาให้ถ้อยคำ เพราะฉะนั้นเวลาที่ประมาณการจริงๆ ตนกำหนดไว้ประมาณคร่าวๆ 6 เดือน สอดคล้องกับในหลักการ ที่ให้ไต่สวนพยานหลักฐานภายใน 6 เดือน
ทั้งนี้ในเบื้องต้นอาจจะไม่ต้องมาทั้ง 44 คนหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่าอาจจะต้องให้ชี้แจงทั้ง 44 คนก่อน แต่การชี้มูลว่าใครจะผิด เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงความเห็น แต่ผู้ที่จะพิจารณาวินิจฉัย คืออำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเป็นผู้พิจารณา
ส่วนที่ขณะนี้มีนักวิชาการวิเคราะห์ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะยกเรื่องดังกล่าวให้ศาลพิจารณานั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า คงไม่ทำเช่นนั้น เพราะกระบวนการยุติธรรม ต้นทางต้องยุติธรรม มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมีคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ส่งเรื่องไปให้ศาลตัดสินเลย โดยที่ไม่ต้องกลั่นกรองดังนั้นการที่มีพนักงานสอบสวน มีอัยการ และมีศาล เพื่อให้แต่ละหน่วยงานทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดนั่นคือ การกลั่นกรอง ป.ป.ช. มีหน้าที่ไปแสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนถูกต้อง เป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา และผู้ร้อง และเมื่อได้รับความเป็นธรรมแล้ว ก็ให้อัยการกรองอีกครั้งว่า สิ่งที่ ป.ป.ช. ทำมาถูกต้องหรือไม่ มีข้อสังเกตอย่างไร หากมีข้อสังเกต ก็ตั้งคณะกรรมการร่วมกันและส่งไปยังศาล ซึ่ง ลำดับขั้นตอนของศาล ก็จะมีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา เพื่อกลั่นกรอง นี่คือกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ขอให้มั่นใจว่า ป.ป.ช.ทำเต็มที่ ไม่ทำชุ่ยๆ และส่งไปโดยใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว
ส่วนที่มีการชี้แจงว่า การแก้กฎหมายเป็นหน้าที่ของ สส.มีอำนาจเสนอได้ แค่เซ็นต์เอกสารและยังไม่ได้ดำเนินการนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า นั่นคือข้อชี้แจง ตนไม่แน่ใจว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีการยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยด้วยหรือไม่ และศาลได้วินิจฉัยหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาเป็นอื่นได้หรือไม่ ต่อคำวินิจฉัยนี้ ซึ่งนี่คือประเด็นตัวอย่าง แต่หาก ไม่มี ป.ป.ช.จะวินิจฉัยว่า สิ่งที่กล่าวอ้างมาโอเคหรือไม่หรือเห็นถึงเจตนาหรือไม่
นายนิวัติไชย กล่าวย้ำว่า ในมาตรฐานจริยธรรมของ ป.ป.ช. มีเรื่องการปกป้องอธิปไตยความมั่นคงเรื่องระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็จะล่วงล้ำไม่ได้ หรือไม่เคารพไม่ได้ .314 – สำนักข่าวไทย