พรรคร่วมแถลงหนุน “แพทองธาร” นั่งนายกฯ คนที่ 31

กทม. 15 ส.ค.-“เพื่อไทย” แถลงส่งชื่อ “แพทองธาร” นั่งนายกฯ คนที่ 31 ด้านพรรคร่วมประสานเสียงพร้อมโหวตให้พรุ่งนี้ไม่แตกแถว มั่นใจในความรู้ความสามารถ ​ให้คำมั่นทำงานส่งรัฐนาวาลำนี้ถึงฝั่งให้ได้ ด้าน “แพทองธาร” ขอบคุณทุกพรรคหนุน มั่นใจช่วยกันนำพาประเทศหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกันเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี​ โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยได้รับเกียรติจากพรรคร่วมรัฐบาลแสดงจุดยืนร่วมกันจากวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่าน หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ถือเป็นการสิ้นสุด การปฏิบัติหน้าที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย


วันนี้พวกเราในนามพรรคเพื่อไทย และ พรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนเดียวกัน หลังจากที่พรรคเพื่อไทยมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค มีมติเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย และจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือเชิญประชุมวาระการประชุมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี ในสภาผู้แทนราษฎร จะมีการเสนอชื่อ โดยพรรคเพื่อไทย และมีพรรคร่วมรัฐรัฐบาลทุกพรรคให้ความเห็นชอบ ให้ “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี

จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกล่าวสนับสนุน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นสปิริตพรรคร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด นายเศรษฐา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดความชะงักในการบริหารราชการแผ่นดิน เราจึงพร้อมใจกันให้พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อทราบว่าโดยพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ยิ่งมีความมั่นใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง เชื่อมั่นและมั่นใจว่าภายใต้แกนนำว่าที่นายกฯ พวกเราทุกคนพร้อมให้การสนับสนุนร่วมมือเต็มที่ พร้อมปฏิบัติตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกฯ ตั้งแต่วันแรกที่ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ


ด้านนายสันติ กล่าวว่า เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ขาดตอนและล่าช้า ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐ เราเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย พร้อมสนับสนุนตัวแทนของพรรคเพื่อไทยคือนางสาวแพทองธาร ตามที่พรรคเพื่อไทยมีมติ และพรรคพลังประชารัฐ มีความมั่นใจในความรู้ความสามารถ จึงพร้อมที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้

ส่วนนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า เกือบ 1 ปีเต็ม รทสช. ร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พวกเราทำงานด้วยความตั้งใจ ทำงานเต็มที่ แม้กระทั่งวันสุดท้ายก่อนวันศาลรัฐธรรมนูญ จะอ่านคำวินิจฉัย นายเศรษฐา ยังนั่งร่วมประชุม ครม. เมื่อเกิดเหตุวันที่ 14 ส.ค.67 นายเศรษฐาต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมร่วมงานกับ น.ส.แพทองธาร ขอให้ประสบความสำเร็จในการเป็นแกนนนำรัฐบาล

นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่การลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน วันที่ 22 สิงหาคม 2566 มาถึงวันนี้แนวทางการทำงานและคำมั่นที่พรรคชาติไทยพัฒนาได้ให้ไว้กับพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่เปลี่ยนแปลง เราคำไหนคำไหน เราทำงานมาถึงวันนี้แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ต้องขอบคุณนายกเศรษฐากว่า 350 กว่าวันที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


วันนี้เป็นครั้งหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และพรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันในเจตนารมย์เดิมในการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ดังนั้น พรุ่งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาทั้ง 10 เสียงก็จะลงคะแนนสนับสนุนนางสาวแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 และให้คำมั่นว่าการทำงานของพวกเราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะให้รัฐนาวาลำนี้ไปถึงฝั่งให้ได้

ส่วนพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรสเราได้เข้าร่วมรัฐบาลตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา นายเศรษฐา มีภาวะผู้นำและมุ่งมั่นกับการทำงาน ซึ่งเราเข้าใจว่าปัญหาของประเทศชาติมีความซับซ้อนและมีความคิดต่างกันนายกเศรษฐาใช้ภาวะผู้นำขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งพรรคร่วมฯ ทุกคนพร้อมให้กำลังใจและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่บ้านเมืองต้องมีผู้มารับไม้ต่อซึ่งเราเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย ที่ได้เสนอหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ซึ่งเราจะขับเคลื่อนการแก้ปัญหาภายใต้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ยืนยันว่าพรรคประชาชาติทั้ง 9 เสียง ยินดีสนับสนุน

ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า จากสถานการณ์จำเป็นต้องมีนายกฯ คนใหม่ พรรคยินดีสนับสนุนหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ เชื่อมั่นว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เป็นนายกฯ อายุน้อย เป็นเทรนด์ในสังคมโลก และจะทำให้โลกกลับมาโฟกัสมองประเทศไทย จากการของคนรุ่นใหม่ แม้จะเป็นนักการเมืองใหม่ แต่อยู่กับครอบครัวนักการเมืองมาตลอด และมั่นใจแพทองธาร เป็นนายกฯ ที่นำพาประเทศ แก้ไขปัญหาของประเทศให้ลุล่วงไปได้

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่า ตนดีใจที่บ้านเมืองมีกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ใครทำผิดก็ต้องยุบ ใครขาดคุณสมบัติก็ต้องถอดถอนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องมาจากไหน

และขณะนี้เราไม่มีนายกรัฐมนตรีจะต้องมีการคัดเลือกใหม่ ซึ่งต้องยอมรับกติกานั้น และในโอกาสที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร เป็นกลไกที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้เป็นไปโดยชอบธรรมตามกฏหมายทุกประการ พรรคเสรีรวมไทยไทย แม้เราจะมีแค่เสียงเดียว แต่ยินดีที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ภารกิจนายกรัฐมนตรีคนใหม่ดำเนินไปได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี และขอให้ประสบความสำเร็จ

ส่วนนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ก่อนอื่นขอขอบพระคุณกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ได้เสนอชื่อของตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และกราบขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนสำหรับการสนับสนุน ตนจะทำทุกอย่างเต็มความสามารถและรอผลโหวตพรุ่งนี้ให้เป็นทางการก่อน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราทุกคนชื่นชมการทำงานของนายกฯเศรษฐาและเสียดายที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้นายกฯเศรษฐาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ตนเคารพรักและนับถือมาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีท่านเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน และเสียดายโอกาสนี้ แต่เมื่อประเทศต้องไปต่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะตั้งรัฐบาล วันนี้เรามีความพร้อมที่จะผลักดันประเทศต่อ ตนเองมั่นใจในพรรคเพื่อไทย มั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่จะช่วยกันนำพาประเทศของเราหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ และมารวมตัวกันวันนี้เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าเรามีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่น มีความพร้อมเพรียงในการผลักดันให้ไปต่อ วันนี้ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมกัน ตกลงกันทำเพื่อประเทศชาติต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

เจอตัวแล้ว! ทหารรัวปืน พาญาติช่วยเจรจามอบตัว

สุรินทร์ 15 ส.ค.- เจอตัวแล้ว! ทหารรัวปืนกลางดึก หลบอยู่ในบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ประสานญาติช่วยเจรจามอบตัว เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายปกครองและตำรวจ นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามตัวพลทหารก่อเหตุรัวยิงปืนกลางดึก ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ผกก.สภ.กาบเชิง ลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมตำรวจและทหาร ก่อนเดินทางไปติดตามอาการผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล เบื้องต้นคนเจ็บให้การว่า นั่งดื่มสุรา 5-6 คน ก่อนจะแยกย้ายกันเหลือนั่งอยู่ 2 คน จากนั้นไม่นานพลทหารนายดังกล่าวก็ออกมายืนกราดยิงห่างประมาณ 50 เมตร วัยรุ่น 2 คนจึงรีบหมอบหลบได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ด้านนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ ขณะนี้พบตัวทหารผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างประสานไปยังครอบครัวให้เดินทางเข้าพื้นที่ช่วยเจรจามอบตัว -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]