พรรคร่วมแถลงหนุน “แพทองธาร” นั่งนายกฯ คนที่ 31

กทม. 15 ส.ค.-“เพื่อไทย” แถลงส่งชื่อ “แพทองธาร” นั่งนายกฯ คนที่ 31 ด้านพรรคร่วมประสานเสียงพร้อมโหวตให้พรุ่งนี้ไม่แตกแถว มั่นใจในความรู้ความสามารถ ​ให้คำมั่นทำงานส่งรัฐนาวาลำนี้ถึงฝั่งให้ได้ ด้าน “แพทองธาร” ขอบคุณทุกพรรคหนุน มั่นใจช่วยกันนำพาประเทศหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกันเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี​ โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยได้รับเกียรติจากพรรคร่วมรัฐบาลแสดงจุดยืนร่วมกันจากวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่าน หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ถือเป็นการสิ้นสุด การปฏิบัติหน้าที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย


วันนี้พวกเราในนามพรรคเพื่อไทย และ พรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนเดียวกัน หลังจากที่พรรคเพื่อไทยมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค มีมติเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย และจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือเชิญประชุมวาระการประชุมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี ในสภาผู้แทนราษฎร จะมีการเสนอชื่อ โดยพรรคเพื่อไทย และมีพรรคร่วมรัฐรัฐบาลทุกพรรคให้ความเห็นชอบ ให้ “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี

จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกล่าวสนับสนุน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นสปิริตพรรคร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด นายเศรษฐา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดความชะงักในการบริหารราชการแผ่นดิน เราจึงพร้อมใจกันให้พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อทราบว่าโดยพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ยิ่งมีความมั่นใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง เชื่อมั่นและมั่นใจว่าภายใต้แกนนำว่าที่นายกฯ พวกเราทุกคนพร้อมให้การสนับสนุนร่วมมือเต็มที่ พร้อมปฏิบัติตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกฯ ตั้งแต่วันแรกที่ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ


ด้านนายสันติ กล่าวว่า เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ขาดตอนและล่าช้า ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐ เราเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย พร้อมสนับสนุนตัวแทนของพรรคเพื่อไทยคือนางสาวแพทองธาร ตามที่พรรคเพื่อไทยมีมติ และพรรคพลังประชารัฐ มีความมั่นใจในความรู้ความสามารถ จึงพร้อมที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้

ส่วนนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า เกือบ 1 ปีเต็ม รทสช. ร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พวกเราทำงานด้วยความตั้งใจ ทำงานเต็มที่ แม้กระทั่งวันสุดท้ายก่อนวันศาลรัฐธรรมนูญ จะอ่านคำวินิจฉัย นายเศรษฐา ยังนั่งร่วมประชุม ครม. เมื่อเกิดเหตุวันที่ 14 ส.ค.67 นายเศรษฐาต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมร่วมงานกับ น.ส.แพทองธาร ขอให้ประสบความสำเร็จในการเป็นแกนนนำรัฐบาล

นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่การลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน วันที่ 22 สิงหาคม 2566 มาถึงวันนี้แนวทางการทำงานและคำมั่นที่พรรคชาติไทยพัฒนาได้ให้ไว้กับพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่เปลี่ยนแปลง เราคำไหนคำไหน เราทำงานมาถึงวันนี้แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ต้องขอบคุณนายกเศรษฐากว่า 350 กว่าวันที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


วันนี้เป็นครั้งหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และพรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันในเจตนารมย์เดิมในการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ดังนั้น พรุ่งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาทั้ง 10 เสียงก็จะลงคะแนนสนับสนุนนางสาวแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 และให้คำมั่นว่าการทำงานของพวกเราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะให้รัฐนาวาลำนี้ไปถึงฝั่งให้ได้

ส่วนพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรสเราได้เข้าร่วมรัฐบาลตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา นายเศรษฐา มีภาวะผู้นำและมุ่งมั่นกับการทำงาน ซึ่งเราเข้าใจว่าปัญหาของประเทศชาติมีความซับซ้อนและมีความคิดต่างกันนายกเศรษฐาใช้ภาวะผู้นำขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งพรรคร่วมฯ ทุกคนพร้อมให้กำลังใจและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่บ้านเมืองต้องมีผู้มารับไม้ต่อซึ่งเราเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย ที่ได้เสนอหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ซึ่งเราจะขับเคลื่อนการแก้ปัญหาภายใต้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ยืนยันว่าพรรคประชาชาติทั้ง 9 เสียง ยินดีสนับสนุน

ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า จากสถานการณ์จำเป็นต้องมีนายกฯ คนใหม่ พรรคยินดีสนับสนุนหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ เชื่อมั่นว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เป็นนายกฯ อายุน้อย เป็นเทรนด์ในสังคมโลก และจะทำให้โลกกลับมาโฟกัสมองประเทศไทย จากการของคนรุ่นใหม่ แม้จะเป็นนักการเมืองใหม่ แต่อยู่กับครอบครัวนักการเมืองมาตลอด และมั่นใจแพทองธาร เป็นนายกฯ ที่นำพาประเทศ แก้ไขปัญหาของประเทศให้ลุล่วงไปได้

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่า ตนดีใจที่บ้านเมืองมีกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ใครทำผิดก็ต้องยุบ ใครขาดคุณสมบัติก็ต้องถอดถอนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องมาจากไหน

และขณะนี้เราไม่มีนายกรัฐมนตรีจะต้องมีการคัดเลือกใหม่ ซึ่งต้องยอมรับกติกานั้น และในโอกาสที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร เป็นกลไกที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้เป็นไปโดยชอบธรรมตามกฏหมายทุกประการ พรรคเสรีรวมไทยไทย แม้เราจะมีแค่เสียงเดียว แต่ยินดีที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ภารกิจนายกรัฐมนตรีคนใหม่ดำเนินไปได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี และขอให้ประสบความสำเร็จ

ส่วนนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ก่อนอื่นขอขอบพระคุณกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ได้เสนอชื่อของตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และกราบขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนสำหรับการสนับสนุน ตนจะทำทุกอย่างเต็มความสามารถและรอผลโหวตพรุ่งนี้ให้เป็นทางการก่อน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราทุกคนชื่นชมการทำงานของนายกฯเศรษฐาและเสียดายที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้นายกฯเศรษฐาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ตนเคารพรักและนับถือมาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีท่านเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน และเสียดายโอกาสนี้ แต่เมื่อประเทศต้องไปต่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะตั้งรัฐบาล วันนี้เรามีความพร้อมที่จะผลักดันประเทศต่อ ตนเองมั่นใจในพรรคเพื่อไทย มั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่จะช่วยกันนำพาประเทศของเราหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ และมารวมตัวกันวันนี้เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าเรามีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่น มีความพร้อมเพรียงในการผลักดันให้ไปต่อ วันนี้ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมกัน ตกลงกันทำเพื่อประเทศชาติต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย

ทูตไทยจ่อแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค.นี้

นิวยอร์ก 25 ก.ค.-ทูตไทยเตรียมแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค. ส่งหนังสือแจงนานาชาติ ก่อนเตรียมแจงในที่ประชุม ยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิดและเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ของไทยก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา วานนี้ (24 ก.ค.)โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทุ่นระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย ทั้งนี้ UNSC จะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินแบบที่เรียกว่า private meeting ซึ่งเป็นการประชุมปิดที่ใช้เวลาราว […]

องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่ จนท.-ประชาชนได้รับผลกระทบชายแดน

อุบลราชธานี 25 ก.ค.-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เดินไปยังพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และจุดที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี และขณะนี้องคมนตรีได้เชิญสิ่งของพระราชทานในจุดที่ 1 จ.อุบลราชธานี แก่เจ้าหน้าที่จำนวน 200 ชุด มอบแก่ประชาชน 75 ชุด จากนั้นจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในศูนย์อพยพและจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบรรยากาศเช้านี้ที่ช่องบ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เป็นจุดปะทะ ชาวบ้านได้อพยพมาอยู่ในหลุมหลบภัย เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง ผู้นำชุมชนจึงได้ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย จากนั้นยังมีรายงานจากรองโฆษกกองทัพบกว่า สถานการณ์ในวันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถึง 08.00 น. […]