รัฐสภา 14 ส.ค.- “เพื่อไทย” ขอศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียด หลัง “เศรษฐา” พ้นเก้าอี้นายกฯ “สรวงศ์” บอก “แพทองธาร-ชัยเกษม” พร้อมรับไม้ต่อ เตรียมหารือพรรคร่วมฯ ย้ำยึดหลักการโควตาแกนนำก่อน มั่นใจเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตต่อ
บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังอ่านคำวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บรรดา สส. โดยเฉพาะ สส.พรรคเพื่อไทย เช่น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ได้ติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาลอย่างใกล้ชิด โดยนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดตามผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ สส.ที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ยังมีการติดตามรับฟังคำวินิจฉัย ทั้งจากในห้องพักส่วนตัว และในห้องกรรมาธิการด้วย
โดยภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บรรดา สส.พรรคเพื่อไทย ที่อยู่ภายในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มาจับกลุ่มพูดคุย ซึ่งสีหน้าของแต่ละคนไม่สู้ดีนัก
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ สส.พรรคเพื่อไทยบางส่วน ให้สัมภาษณ์ก้าวต่อไปของนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า จะต้องดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดว่า นายเศรษฐา ยังมีคุณสมบัติที่จะถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตได้หรือไม่ รวมถึงยังมีแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยอีก 2 คน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเป็นขั้นตอนต่อไปของพรรค
ส่วนความเป็นไปได้หากศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้นายเศรษฐา กลับมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่าง น.ส.แพทองธาร และนายชัยเกษม จะเป็นใครนั้น เป็นไปได้ทั้งสองคน และขณะนี้ก็ยังมีพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ คงจะต้องมีการหารือร่วมกันระหว่างพรรคร่วมฯ การที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ยังจะเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ตนขอพูดคุยกับพรรคร่วมก่อน
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยังยืนยันในหลักการพรรคอันดับ 1 ที่จะต้องส่งชื่อแคนดิเดตของพรรคตัวเองก่อนหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า คงต้องยืนยันอย่างนั้น แต่คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หรือแคนดิเดตที่เหลืออยู่อีก 2 คน ก็พร้อมที่จะดำรงตำแหน่ง แต่ตอนนี้ขอประชุมกันในพรรคก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องมีการเรียกประชุมด่วน พร้อมย้ำว่า ก่อนสิ่งอื่นใดจะต้องดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยละเอียดก่อน
นายสรวงศ์ ยังได้ให้กำลังใจนายเศรษฐา ผ่านสื่อมวลชนว่า พวกเราทุกคน พรรคเพื่อไทยตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย ที่มีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็ยืนหยัดที่จะต่อสู้ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งระหว่างการตอบคำถามนี้ นายสรวงศ์ มีการหยุดพูดเป็นระยะ พร้อมมีน้ำเสียงสั่นเครือ รวมถึงสังเกตเห็นได้ชัดว่า นายสรวงศ์ มีน้ำตาคลอเบ้า
เมื่อถามต่อว่า ถือว่าเสียขวัญหรือไม่ เนื่องจากหลายฝ่ายของพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ไม่มีความกังวล และดูเหมือนว่าจะมั่นใจเสียด้วยซ้ำว่า นายเศรษฐาจะรอดคดีนี้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ทุกคนมั่นใจในความบริสุทธิ์ของนายเศรษฐา อย่างที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีการพูดถึงจำนวนตัวเลขที่ได้ยินมา เราไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนั้นเลย แต่คำนึงถึงต้นตอของความบริสุทธิ์ใจของนายเศรษฐา ซึ่งตนมองว่าทุกอย่างผ่านไปแล้ว ต้องทำอนาคตให้ดียิ่งขึ้น และปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีต่อไป
ขณะเดียวกัน นายสรวงศ์ ยังยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย จะยังคงเดินหน้าต่อไป ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล และคิดว่าการทำงานร่วมกันก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่น่าจะมีการเชิญพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาพูดคุยกันถึงทิศทางต่อไป โดยยืนยันว่า ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยละเอียด และ สส.ของพรรคที่อยู่ภายในรัฐสภา มีเพียงการจับกลุ่มพูดคุยกัน และยังคงทำหน้าที่นิติบัญญัติอย่างมั่นคง และจะทำงานต่อไปในสภาให้เข้มแข็งที่สุด ตราบใดพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไปมาก็ยินดีและน้อมรับที่จะดำเนินการต่อไป ส่วนจะนัดพูดคุยกันเมื่อไหร่นั้นยังไม่ทราบ แต่ต้องรอให้ น.ส.แพทองธาร เดินทางกลับจากต่างประเทศก่อน ซึ่งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตนได้ต่อสายถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ต่างประเทศ ก็จะเดินทางกลับมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งนี้ นายสรวงศ์ ยืนยันว่า คงไม่ถึงขั้นเปลี่ยนขั้วสลับข้าง แต่ขอพูดคุยกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯ เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่จริงก็เป็นโควตา แต่พรรคภูมิใจไทยเองก็มีมติที่จะส่งนายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.-312.-สำนักข่าวไทย