“สรวงศ์” เลขาฯ เพื่อไทย บอก “แพทองธาร-ชัยเกษม” พร้อมรับไม้ต่อ

รัฐสภา 14 ส.ค.- “เพื่อไทย” ขอศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียด หลัง “เศรษฐา” พ้นเก้าอี้นายกฯ “สรวงศ์” บอก “แพทองธาร-ชัยเกษม” พร้อมรับไม้ต่อ เตรียมหารือพรรคร่วมฯ ย้ำยึดหลักการโควตาแกนนำก่อน มั่นใจเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตต่อ

บรรยากาศ​การประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังอ่านคำวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บรรดา สส. โดยเฉพาะ สส.พรรคเพื่อไทย เช่น นพ.ชลน่าน​ ศรีแก้ว​ สส.​น่าน​ และนายวิสุทธิ์​ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ​ ได้ติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาลอย่างใกล้ชิด​ โดยนำโทรศัพท์​มือถือขึ้นมาติดตามผ่านช่องทางออนไลน์​ นอกจากนี้ สส.ที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ยังมีการติดตามรับฟังคำวินิจฉัย ทั้งจากในห้องพักส่วนตัว และในห้องกรรมาธิการด้วย


โดยภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บรรดา สส.พรรคเพื่อไทย ที่อยู่ภายในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มาจับกลุ่มพูดคุย ซึ่งสีหน้าของแต่ละคนไม่สู้ดีนัก

นายสรวงศ์​ เทียนทอง​ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ สส.พรรคเพื่อไทยบางส่วน ให้สัมภาษณ์ก้าวต่อไปของนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า จะต้องดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดว่า นายเศรษฐา ยังมีคุณสมบัติที่จะถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตได้หรือไม่ รวมถึงยังมีแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยอีก 2 คน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเป็นขั้นตอนต่อไปของพรรค


ส่วนความเป็นไปได้หากศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้นายเศรษฐา กลับมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่าง น.ส.แพทองธาร และนายชัยเกษม จะเป็นใครนั้น เป็นไปได้ทั้งสองคน และขณะนี้ก็ยังมีพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ คงจะต้องมีการหารือร่วมกันระหว่างพรรคร่วมฯ การที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ยังจะเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ตนขอพูดคุยกับพรรคร่วมก่อน

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยังยืนยันในหลักการพรรคอันดับ 1 ที่จะต้องส่งชื่อแคนดิเดตของพรรคตัวเองก่อนหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า คงต้องยืนยันอย่างนั้น แต่คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หรือแคนดิเดตที่เหลืออยู่อีก 2 คน ก็พร้อมที่จะดำรงตำแหน่ง แต่ตอนนี้ขอประชุมกันในพรรคก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องมีการเรียกประชุมด่วน พร้อมย้ำว่า ก่อนสิ่งอื่นใดจะต้องดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยละเอียดก่อน

นายสรวงศ์ ยังได้ให้กำลังใจนายเศรษฐา ผ่านสื่อมวลชนว่า พวกเราทุกคน พรรคเพื่อไทยตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย ที่มีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็ยืนหยัดที่จะต่อสู้ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งระหว่างการตอบคำถามนี้ นายสรวงศ์ มีการหยุดพูดเป็นระยะ พร้อมมีน้ำเสียงสั่นเครือ รวมถึงสังเกตเห็นได้ชัดว่า นายสรวงศ์ มีน้ำตาคลอเบ้า


เมื่อถามต่อว่า ถือว่าเสียขวัญหรือไม่ เนื่องจากหลายฝ่ายของพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ไม่มีความกังวล และดูเหมือนว่าจะมั่นใจเสียด้วยซ้ำว่า นายเศรษฐาจะรอดคดีนี้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ทุกคนมั่นใจในความบริสุทธิ์ของนายเศรษฐา อย่างที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีการพูดถึงจำนวนตัวเลขที่ได้ยินมา เราไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนั้นเลย แต่คำนึงถึงต้นตอของความบริสุทธิ์ใจของนายเศรษฐา ซึ่งตนมองว่าทุกอย่างผ่านไปแล้ว ต้องทำอนาคตให้ดียิ่งขึ้น และปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีต่อไป

ขณะเดียวกัน นายสรวงศ์ ยังยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย จะยังคงเดินหน้าต่อไป ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล และคิดว่าการทำงานร่วมกันก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่น่าจะมีการเชิญพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาพูดคุยกันถึงทิศทางต่อไป โดยยืนยันว่า ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยละเอียด และ สส.ของพรรคที่อยู่ภายในรัฐสภา มีเพียงการจับกลุ่มพูดคุยกัน และยังคงทำหน้าที่นิติบัญญัติอย่างมั่นคง และจะทำงานต่อไปในสภาให้เข้มแข็งที่สุด ตราบใดพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไปมาก็ยินดีและน้อมรับที่จะดำเนินการต่อไป ส่วนจะนัดพูดคุยกันเมื่อไหร่นั้นยังไม่ทราบ แต่ต้องรอให้ น.ส.แพทองธาร เดินทางกลับจากต่างประเทศก่อน ซึ่งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตนได้ต่อสายถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ต่างประเทศ ก็จะเดินทางกลับมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทั้งนี้ นายสรวงศ์ ยืนยันว่า คงไม่ถึงขั้นเปลี่ยนขั้วสลับข้าง แต่ขอพูดคุยกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯ เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่จริงก็เป็นโควตา แต่พรรคภูมิใจไทยเองก็มีมติที่จะส่งนายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]