กทม.10 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยนัดหัวหน้า - เลขาฯ พรรคร่วม ถกทำเนียบรัฐบาล เย็น 12 ส.ค.นี้ เป็นการหารือปกติประจำเดือน ทั้งการทำงาน ครม.และวาระสภาฯ ยันไร้วาระปรับ ครม. ลั่น รัฐบาลไม่มีแผนรองรับหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง 14 ส.ค.นี้ รอเกิดแล้วค่อยว่ากัน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใน ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยว่า ในช่วงเย็นวันที่ 12 สิงหาคมนี้ จะมีการนัดพรรคร่วมรัฐบาล หารือที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 17.00 น. ว่าเป็นการพบปะกันปกติเดือนละครั้ง เนื่องจากในวันที่ 13 สิงหาคมตนจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจยังประเทศคาซัคสถาน และจะเดินทางกลับในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ จึงนัดหารือในวันดังกล่าว และเป็นการพูดคุยกันตามปกติ สอบถามในเรื่องของการทำงาน มีปัญหาติดขัดอย่างไร จะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของวาระสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงครม. ซึ่งเป็นจังหวะที่เจอกันง่ายสุด เนื่องจากในเวลา 18.00 น. ครม.จะต้องเดินทางไปจุดเทียนชัยถวายพระพรพร้อมกัน
เมื่อถามว่าเป็นการนัดเพื่อส่งรายชื่อการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม หัวเราะ ก่อนระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าร่วมการหารือในครั้ง และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกันเนื่องจากเป็นเพียงเรื่องการประสานงานที่ตนทำหน้าที่อยู่แล้ว เป็นการพูดคุยกันเฉพาะหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคเท่านั้นซึ่งเป็นวาระปกติ ซึ่งจะเป็นการคุยกันก่อนที่จะกินข้าวร่วมกัน ก่อนยืนยันอีกครั้งว่าเป็นการพูดคุยกันปกติที่ทำเนียบรัฐบาล
ส่วนจะมีการหารือในตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ที่ว่างลง ว่าจะเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ หรือจะเลื่อนให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 ลาออก เพื่อมาเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 นายภูมิธรรม ระบุว่า ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เป็นเรื่องของสภาฯปล่อยให้สภาฯหารือ
เมื่อถามย้ำว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำจะตั้งรัฐบาลจำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องได้ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 นายภูมิธรรม ย้ำคำเดิมว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันแต่อย่างใด ซึ่งคงจะมีการหารือกันก่อนถึงวันเลือก ซึ่งขณะนี้เองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกในวันที่ 14 สิงหาคมนี้หรือไม่
ส่วนในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ที่ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัย กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบานเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมีการเตรียมตั้งรับอย่างไรนั้นนายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมอะไร อย่างที่นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้แล้ว ก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เป็นหน้าที่ที่ต้องปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำงานอย่างอิสระ ถูกต้องตามกระบวนการ ที่จะพิจารณา ในฐานะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องรอดูเท่านั้นเอง ถ้าตัดสินใจมาเป็นอย่างไร เราค่อยดูสถานการณ์ตอนนั้นว่า ควรจะปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปลงอย่างไร คิดว่าเราให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยตามข้อกฎหมายและความเป็นจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในส่วนของพรรคต่างๆ(พรรคร่วมไม่ได้กังวลหรือติดใจในเรื่องนี้ ทุกพรรคมุ่งหน้าทำงานอย่างเดียว รอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วค่อยมาว่ากัน
เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่มีแผนรองรับเหมือนพรรคก้าวไกล ที่ถูกยุบแล้ววันรุ่งขึ้นสามารถไปต่อได้ทันทีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า แสดงว่าพรรคก้าวไกลคิดว่าเขาคงโดน เขาน่าจะมีความผิด เขาถึงได้เตรียมการ ขณะที่เราไม่ได้คิดอะไร ถูกผิดอยู่ที่ดุลยพินิจ เป็นปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย และการใช้ดุลยพินิจ ซึ่งเราเคารพกระบวนการยุติธรรมในการทำหน้าที่ไป.-319.-สำนักข่าวไทย