ทำเนียบ 9 ส.ค.-ทีมโฆษกรัฐบาล แถลงความคืบหน้าผลงานรัฐบาล ด้านการท่องเที่ยว พบปี 67 คึกคัก ชี้นโยบายฟรีวีซ่า ช่วยดันนักท่องเที่ยวเพิ่มใกล้เคียงก่อนโควิด ตัดเกรดให้ A++ คาดรายได้ปีนี้เพิ่ม 6.5 แสนล้านบาท ขณะที่ ปราบยาเสพติดได้ผล ยืนยันเผาทำลายของกลางไม่มีการลักลอบ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อม น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าผลงานรัฐบาล ในรายการ “ไฮไลต์ไทยคู่ฟ้า”
โดยนายชัย กล่าวว่า การแถลงครั้งนี้เป็นครั้งแรกของทีมโฆษกรัฐบาล เพื่ออัพเดตการทำงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยตั้งใจจะแถลงในทุกวันศุกร์ เพื่อสื่อสารผลการดำเนินงานของรัฐบาล ในช่วงที่ผ่านมาที่ใกล้จะครบ 1 ปี ให้ประชาชนรับทราบ โดยวันนี้จะมี 2 เรื่อง คือ การปราบปรามยาเสพติด และเรื่องของการท่องเที่ยว โดยผลงานการท่องเที่ยว ถือเป็น IGNITE THAILAND 1 ใน 8 ด้านที่สำคัญที่สุด เป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะมีบทบาทกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูไทย หากเทียบการท่องเที่ยวนับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงขณะนี้ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจากหลายประเทศเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย เมื่อเทียบสถิติกับปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นประมาณ 17 ล้านคน สร้างรายได้เพิ่มขึ้นทะลุ 2 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แสดงว่ามาตรการของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ รวมถึงมาตรการอำนวยความสะดวกจากนโยบายฟรีวีซ่า และไม่ต้องกรอกใบตม.6 มีส่วนกระตุ้นให้การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวมากกว่าช่วงก่อนปี 2562 ที่เกิดการระบาดโควิด-19
“ถ้าตัดเกรดให้คะแนน ต้องบอกว่า เอบวกบวก (A++) ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีขึ้น และแนวโน้มการท่องเที่ยวในครึ่งหลังของปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นถึง 24.7 ล้านคน และคาดการณ์รายได้จากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 6.5 แสนล้าน และเชื่อว่าจากมาตรการท่องเที่ยวต่างๆ จะทำให้ปี 2568 เป็นปีทองของการท่องเที่ยวไทย”โฆษกรัฐบาล ระบุ
นายชัย กล่าวว่า สำหรับการแถลงผลดำเนินงานของรัฐบาล จะเป็นความคืบหน้าเรื่องการเกษตร
ด้าน น.ส.เกณิกา แถลงความคืบหน้าการแก้ปัญหายาเสพติด ว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ เรื่องยาเสพติด โดยกำหนดเป็นวาระเร่งด่วน และเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลต้องการปราบปรามให้หมดสิ้น แม้จะมีเสียงสะท้อนว่ายาเสพติดยังมีอยู่เยอะและไม่หมดไป แต่ทุกหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม ทหาร ตำรวจ ฯ อสม.ได้บูรณาการทำงานจริงจัง และกำหนดตัวชี้วัดในพื้นที่ 25 จังหวัด มีกรอบทำงานและประเมินวัดผล 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน-31 สิงหาคม ซึ่งตัวชี้วัดทำงานของแต่ละจังหวัด จะพิจารณาจากผลงาน ทั้งจำนวนคดีที่จับกุมแก้ไขได้สำเร็จ จำนวนผู้เข้าบำบัดและฟื้นฟู เป็นต้น เบื้องต้นมี จ.ร้อยเอ็ด และจ.ตาก เป็นจ.นำร่องสีขาว ที่สามารถบำบัด ฟื้นฟู สร้างอาชีพ และคืนผู้เสพกลับคืนสู่สังคม ขณะเดียวกันรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ มีการติดปีกอุปกรณ์การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงมีค่าตอบแทนเป็นแรงจูงใจ และเป็นกำลังใจในการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ยาเสพติด
น.ส.เกณิกา กล่าวว่า สำหรับ การดำเนินคดีในปีนี้ได้กว่า 1.3 หมื่นคดี มากกว่าปี 2566 และสามารถยึดทรัพย์ตัดต้นตอทั้งรายย่อยรายใหญ่ ในปี 2567 ทั้ง ตู้ห่าว ตุน มินลัก มูลค่ากว่า 96 ล้านบาท ยืนยันว่ารัฐบาลเอาจริง ยึดหมดไม่สนลูกใคร ทั้งนี้หากดำเนินการตามตัวชี้ในช่วง 2 เดือน ทำให้การปราบปราม บำบัด ฟื้นฟูดีขึ้น จะขยายดำเนินการเพิ่ม 52 จังหวัด ส่วนของกลางยาเสพติดที่ยึดได้ รัฐบาลสั่งเผาทำลายยาไปแล้ว 5 ครั้ง หากยึดได้เพิ่มก็จะเผาทำลายให้ถี่ขึ้นเป็นเดือนละครั้ง เพื่อคลายความกังวลของประชาชนว่าจับแล้วยาไปไหน ขอยืนยันว่าไม่ได้ไปไหน เพราะจะมีการเผาทำลายทั้งหมด และมั่นใจว่าไม่มีการลักลอบนำออกไปที่ใดแน่นอน.-316.-สำนักข่าวไทย