ดอนเมือง 8 ส.ค.-นายกฯ เชื่อ ก้าวไกล เคารพคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ปลุกระดมจนวุ่นวายหลังโดนยุบพรรค บอกคุยฝ่ายความมั่นคงแล้ว มองเป็นการแสดงจุดยืนเดินหน้าการเมือง ชี้ไทยเป็นประเทศที่มีเอกราช หลังโฆษก กต.สหรัฐ ออกแถลงค้าน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ที่เหมือนเป็นการปลุกระดม ว่า ตนคิดว่าอย่าใช้คำว่าปลุกระดม และคิดว่าไม่ใช่ความตั้งใจของพรรคก้าวไกลที่จะให้เกิดความวุ่นวายหรือปลุกระดม แต่เป็นการแสดงจุดยืน และตนเข้าใจว่าเป็นการประกาศที่จะเดินหน้าการเมืองต่อไป ก็ขอให้กำลังใจในการที่จะต้องทำงานต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของทางการเมืองไป และตนได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงแล้ว ก็ไม่ได้มีข่าวอะไร ที่ทำให้เราจะต้องระมัดระวังในการปลุกระดม หากจะใช้คำนี้ไม่มีหรอก และตนก็มั่นใจว่าทางพรรคก้าวไกลเคารพการตัดสินของศาล และมีแนวทางการเดินต่ออย่างถูกต้องตามวิถีการเมืองที่ต้องเดินต่อไป ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มารายงานเรื่องการชุมนุมหลังศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นไปด้วยความสงบทุกๆ ฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยต่อการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรื่องการออกมาคัดค้านอะไร มันไม่มีความหมายอะไรหรอก เรามีวิถีการที่จะพัฒนาเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตยของเราให้เป็นไปตามขั้นตอน ที่มันถูกต้อง สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยก็แก้กฎหมายกันไป ตามวิถีของรัฐสภาอยู่แล้ว
“ผมมั่นใจว่าคนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราคงไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่าย เรื่องอธิปไตยของเราหรอก ทั้งนี้อย่าใช้คำว่าก้าวก่ายดีกว่า ผมว่าเขาอาจจะมาเสนอแนะ เราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง ฉะนั้นเราก็ต้องบริหารกันไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจำเป็นจะต้อง ชี้แจงให้เขาเข้าใจในบริบทของประเทศไทย หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดี๋ยววันนี้ในช่วงบ่ายกระทรวงการต่างประเทศก็จะมีการแถลงข่าว ซึ่งตนได้ดูแล้วก็เป็นถ้อยคำที่โอเค ไม่ก่อให้เกิดการระหองระแหง ขอใช้คำนี้ดีกว่า เขาก็เป็นประเทศที่ใหญ่ ก็มีความเป็นห่วง และเป็นความปรารถนาดี ส่วนเราก็มีวิธีการเดินของเรา
เมื่อถามว่า ภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงการเมืองช่วงเดือนสิงหาคม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แน่นอน แต่ก็จบไปแล้วเมื่อวานอันหนึ่ง แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอน ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ของตนเอง วันที่ 14 สิงหาคม อย่างที่ตนเรียนไปแล้วว่าได้ส่งเรื่องไปที่ศาลเรียบร้อย ก็ไม่อยากจะมาพูดอะไร ด้วยความเคารพเชื่อว่าทางศาลรัฐธรรมนูญก็เตรียมการพิจารณาอยู่ วันที่ 14 สิงหาคม ก็คงจะทราบเรื่อง ส่วนวันนี้ตนก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ และในวันที่ 14 สิงหาคม ก็ยังทำงานปกติ
เมื่อถามว่า ยิ่งใกล้วันที่ 14 สิงหาคม ไม่ได้ทำให้การทำงานต้องลังเลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ตนกังกล แต่ก็ไม่ได้ลดหรือเลื่อนตารางการทำงาน ยังคงทำงานอยู่ตลอด
ส่วนที่ภาคเอกชนไม่ได้เป็นห่วงคดีพรรคก้าวไกล เท่ากับคดีของนายกฯ เพราะเป็นห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่จะมีผลต่อภาคเอกชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่เป็นการชี้นำ ให้คณะทำงานต้องเป็นห่วง แต่ละองค์กร แต่ละคนมีหน้าที่ ตนขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่
เมื่อถามว่า หากดูจากตารางงานนายกฯ ยาวเลยวันที่ 14 สิงหาคม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการอะไรทั้งสิ้น การทำงานต้องมีการแพลนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร ตรงนี้ต้องขอให้เข้าใจด้วย
เมื่อถามต่อว่า จะฝากอะไรไปถึงประชาชนให้มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกท่านมีการสื่อสารกันดีอยู่แล้ว และรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว การตัดสินของศาลเราเคารพการตัดสินใจของศาลอยู่ ซึ่งตนพูดมาโดยตลอดตรงนี้
ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาที่ว่างลง จะให้พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ได้คุยกับพรรคเพื่อไทยหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องตรงนี้ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องไปคุยกัน.-316.-สำนักข่าวไทย