“จุลพันธ์” ยันรัฐบาลจำเป็นต้องกู้ ปัดใช้ดิจิทัลวอลเล็ตหวังผลเลือกตั้ง

รัฐสภา 6 ส.ค.-“จุลพันธ์” รมช.คลัง แจงงบดิจิทัลวอลเล็ต ต่อวุฒิสภา ยันรัฐบาลจำเป็นต้องกู้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัดใช้ดิจิทัลวอลเล็ตหวังผลเลือกตั้ง เตรียมเปิดลงทะเบียนคนไร้สมาร์ทโฟน 16 ก.ย.นี้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงข้อสังเกตและข้อสงสัยของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เพิ่มเติม กรอบวงเงิน 122,000 ล้านบาท ต่อที่ประชุมวุฒิสภา ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแล้ว โดยย้ำว่า รัฐบาลได้ยืนยันว่า งบประมาณดังกล่าว เป็นไปตามกรอบกฎหมาย และวินัยการเงินการคลัง พร้อมยอมรับว่า รัฐบาลจำเป็นจะต้องมีการกู้หนี้เพิ่มเติม เพื่อเติมเงินใส่ในระบบเศรษฐกิจ


นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่ากระบวนการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คือการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เป็นการเติมเงินเข้าไปเพื่อให้เกิดการหมุนเวียน ซึ่งมีการลงเป็นเงินดิจิทัล โดยไม่ใช่คลิปโตตามที่เป็นข่าว เงิน 10,000 บาท คล้ายๆ กับคูปอง ซึ่งนำไปแลกเปลี่ยนสินค้าได้เท่ากับเงิน 10,000 บาทเท่านั้น ทำให้เกิดการหมุนเวียนเปลี่ยนมือทำให้เกิดผลต่อเนื่องในระยะกลางและระยะยาว อีกทั้งกลไกนี้เป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว ให้คนไทยเตรียมรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต และยังเป็นการเก็บข้อมูลให้กับภาครัฐบริหารจัดการต่อไปในอนาคต ซึ่งจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่ามีการใช้เงินผิดประเภทหรือไม่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด

ส่วนที่หลายคนเป็นห่วงว่ามีการกระจุกตัวในร้านค้าขนาดใหญ่ นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า ร้านหาบเร่แผงลอยก็สามารถขึ้นทะเบียนได้ ซึ่งผู้ค้าที่ไม่ได้ลงทะเบียนในระบบภาษี ก็สามารถเป็นร้านค้าได้ แต่ไม่สามารถเป็นผู้ขึ้นเงินสดได้เท่านั้น ยังสามารถเอาเงินดิจิทัลหมุนต่อไปในระบบได้ เช่น ไปซื้อสินค้าทุน และปัจจัยการผลิต


“วันนี้คนลงทะเบียน 25 ล้านคน ซึ่งไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จของรัฐ หรือความสำเร็จของตัวโครงการ ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการอยู่ที่กลไกในการลงไปแล้ว จะสามารถเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน เกิดการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเศรษฐกิจดิจิทัลหรือไม่ ซึ่งต้องไปวัดกันหลังเดินหน้าโครงการเป็นที่เรียบร้อย
แต่คนที่แสดงเจตจำนงค์แล้ว 25 ล้านคนนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับสิทธิ์ทุกคน แต่ต้องไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลของภาครัฐ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเป็นผู้ที่อยู่ในกรอบของสิทธิตามที่ได้กำหนดไว้ในโครงการ” นายจุลพันธ์ กล่าว

ส่วนของกลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนที่หลายคนเป็นห่วงนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า วันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม จะเปิดให้เป็นการลงทะเบียนของกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งประกอบด้วยเป็นกลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือแบบอนาล็อกแบบเก่า คือมีแต่ปุ่มกดอย่างเดียว และเป็นกลุ่มที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือเลย ดังนั้นจะต้องเดินเข้าหาตัวแทนของรัฐและหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้ลงทะเบียนผ่านระบบ โดยกลไกในการใช้ คือใช้บัตรประชาชนเข้าไปซื้อ แต่จะมีข้อจำกัดมากกว่า คือไม่สามารถเปิดโทรศัพท์มือถือและสแกนจ่ายได้เลย แต่ต้องใช้บัตรประชาชนไปแสดง ร้านค้าจะต้องเปิดแอปพลิเคชั่นทางรัฐและดิจิทัลวอลลเล็ต เพื่อดูว่าบัตรประชาชนถูกต้องหรือไม่ และมีการบันทึกภาพถ่ายทุกครั้งที่มีการแลกเปลี่ยน เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต ซึ่งกลุ่มนี้ ยืนยันไม่ได้ละทิ้ง แต่จะลงทะเบียนหลังกลุ่มที่ใช้สมาร์ทโฟน

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ไม่สามารถเดินทางได้เช่นกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งกลไกการใช้จะมีการแตกต่างไปอีก ซึ่งจะมีการแถลงเป็นระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน


ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นการกำหนดให้ใช้ค่อนข้างยาก ทำไมไม่ให้เป็นเงินสด นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในครั้งนี้เป็นกลไกใหม่ในการเติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ หากจ่ายเป็นเงินสดมีโอกาสที่จะมีการเก็บเงินในกระเป๋าและไม่ใช้ หรือใช้จ่ายแค่บางส่วน เพราะฉะนั้นเม็ดเงินที่ลงไป จะมีผลต่อการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจต่ำลง จึงต้องเปลี่ยนมาใช้เงินดิจิทัล ยืนยันได้ว่าเงิน 5 แสนล้านบาทที่ลงไป จะไม่หายไปไหน แต่หากร้านค้า ต้องการจะขึ้นเป็นเงินสด ก็สามารถทำได้ในการหมุนรอบที่ 2 และเงินสดก็จะยังคงหมุนเวียนในระบบ มีผลระยะยาว และกลไกนี้ ไม่ใช่เพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการวางรากฐานดิจิทัลระยะยาว พร้อมย้ำว่า แอพลิเคชันทางรัฐ มีความปลอดภัยแน่นอน

นายจุลพันธ์ ยังชี้แจงว่า สินค้าต้องห้าม เช่น ไม่ให้นำไปเติมน้ำมันหรือจ่ายค่าเล่าเรียนนั้น เกณฑ์ที่คิดและกำหนดมาคือ เราต้องการให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้า ที่เกิดการผลิต และการจ้างงานภายในประเทศ นี่คือโจทย์สำคัญ หากปล่อยให้มีสินค้าที่เป็นสินค้านำเข้า เช่น โทรศัพท์มือถือ เงินจะไหลไปต่างประเทศ ไม่เกิดการหมุนเวียนหรือเกิดการผลิตรายการจ้างงานในประเทศ ส่วนที่ไม่สามารถนำมาใช้จ่ายค่าน้ำมัน ค่าเล่าเรียน ค่าไฟฟ้านั้น เพราะภาครัฐมีกลไกในการช่วยเหลืออุดหนุนในเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอด อีกทั้งหากเงินนั้นจ่ายแล้วเข้ารัฐ ก็ไม่ได้เกิดการหมุนเวียนต่อ

นายจุลพันธ์ ชี้แจงกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภาตั้งข้อสังเกตโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลหวังผลการเมือง โดยยืนยันว่า โครงการนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ผ่านมาแล้ว และเป็นสัญญาประชาคมที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา จึงจะต้องเดินหน้า ไม่มีความเป็นพรรคการเมือง เพราะทุกพรรคอยู่ร่วมกันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่ใช่นโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง และยังมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดนโยบายตามข้อห่วงใยของสังคม ที่รัฐบาลพร้อมรับฟัง.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย