รัฐสภา 6 ส.ค.-“สว.เปรมศักดิ์” ฉะบ้านใหญ่บล็อกโหวต หวังควบคุมองค์กรอิสระ ชี้เป็นพฤติกรรมน่ารังเกียจ ขอคนออกใบสั่งเพลาก่อนประชาชนรู้ทัน ลั่นไม่เอางบดิจิทัล 1.22 แสนล้านบาท หวั่นเกิดหนี้สิน พร้อมถามส่วนต่างแปลงเงินเข้ากระเป๋าใคร
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการ วอล์กเอาต์จากที่ประชุมวุฒิสภา (สว.) วานนี้ (5 ส.ค.) ว่า เนื่องจาก สว. บ้านใหญ่มีการลากไปทั้งสองวาระ ทั้งเรื่องการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบประวัติของผู้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดและประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีคำสั่งจากบ้านใหญ่หรือไม่ และตนเองสงสัยมานานว่าทำไมถึงกระเหี้ยนกระหือรือมากในการควบคุมองค์กรอิสระไว้ในกำมือมีเหตุผลอะไรแอบแฝงหรือไม่ ซึ่งตนได้ยินข่าวว่ามีคดีอยู่จำนวนมาก ที่ต้องการการเอื้อเฟื้อจากองค์กรอิสระ ดังนั้น พฤติกรรมทางการเมืองเมื่อวานนี้เกิดขึ้นอย่างน่ารังเกียจ และตนไม่อยากให้เกิดขึ้นเช่นนี้ตลอดไป เพราะจะบั่นทอนความเชื่อถือของวุฒิสภาในภาพรวม ซึ่งเราส่วนหนึ่งของ สว.จะไม่ยอมให้ใครมาใช้ สว. เพื่อกระทำชำเราแบบนี้อีกต่อไป โดยเหตุการณ์วานนี้สะท้อนว่าไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ และการลงคะแนนแม้แต่เรื่องเล็กน้อย อย่างการกำหนดวันประชุมก็ยังลงคะแนนกันอย่างท่วมท้นแบบบล็อกโหวต และสุดท้ายก็มาบล็อกโหวตเรื่องการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบองค์กรอิสระ ซึ่งตนถือว่า เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจในระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ออกใบสั่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าได้เพลาลงหน่อย ก่อนที่ประชาชนจะรู้ทัน และท่านอาจจะประสบปัญหาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่าการประชุม สว.วันนี้มีวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตนไม่อยากจะคาดว่าจะมีการบล็อกโหวตอีก เพิ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นนโยบายเรือธงของพรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งน่าจะเป็นคนละส่วนกับที่ควบคุม สว. จึงอยากให้สว.กลุ่มสังกัดบ้านใหญ่เป็นอิสระ โดยคิดถึงหนี้สินของลูกหลานในอนาคตจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตนคิดว่าเป็นการทำงานที่ค่อนข้างเอาเปรียบประชาชน ถ้าคิดจะแจกเงินก็น่าจะเอาเงินส่วนตัวมา แต่นี่เป็นการเอาเงินของหลวงมาและยังมีวิธีการที่ยอกย้อน โดยมีค่าแปลงเงินสดมาเป็นเงินดิจิทัลและแปลงกลับมาเป็นเงินสดอีก จึงตั้งข้อสังเกตว่าเงินส่วนต่างนี้จะเข้ากระเป๋าของใคร ที่สำคัญยังมีเรื่องของแอปพลิเคชั่นเป๋าตังที่ดีอยู่แล้ว แต่กลับมาใช้แอปพลิเคชั่นทางรัฐ ซึ่งตนมองว่าจะเป็น “ทางลัด” นำเงินมาสู่กระเป๋าของผู้กุมนโยบาย ดังนั้น ตนจึงไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมฉบับนี้.-315.-สำนักข่าวไทย