“รองโฆษก รบ.” มั่นใจแก้หนี้นอกระบบจบในรัฐบาลนี้

ทำเนียบ 25 ก.ค.- “เกณิกา” เผย ผลงานแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาล สามารถไกล่เกลี่ยได้ครบ 100% มูลหนี้ลดลง 1.2 พันล้านบาท ด้านหนี้ กยศ.ยอดหนี้ที่ต้องชำระลดลง 2.8 ล้านราย มั่นใจแก้หนี้นอกระบบจบภายในรัฐบาล


น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้วยนโยบายแก้หนี้ทั้งระบบของรัฐบาลนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการทำให้เกิดหนี้ที่เป็นธรรม สร้างระบบนิเวศทางการเงิน คืนเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และหยุดเงินมหาศาลที่ถูกดูดออกนอกระบบ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณรัฐ สู่เป้าหมายเสถียรภาพทางการเงินของประชาชนรายย่อยนั้น ปัจจุบันมูลค่าหนี้สินครัวเรือนประมาณ 16 ล้านล้านบาท หรือ 91% ต่อ GDP ซึ่งหนี้ในระบบ และหนี้นอกระบบมีความเกี่ยวพันกัน ดังนั้นจึงต้องแก้หนี้นอกระบบและหนี้ในระบบไปพร้อมกัน

น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ปัญหาหนี้นอกระบบ ทางแก้ก็คือทุกฝ่ายทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ยังคงอยู่ร่วมกัน ‘ในระบบ’ และถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อจ่ายดอกเบี้ยจนครบต้นแล้วต้องจบ ลูกหนี้ต้องใช้หนี้ แต่ไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนด เจ้าหนี้ได้รับเงินต้นคืนตามสิทธิที่เจ้าหนี้ควรได้รับ การปล่อยหนี้ก้อนใหม่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลเปิดให้มีการลงทะเบียนเจ้าหนี้-ลูกหนี้ เพื่อแจ้งความประสงค์ให้รัฐคุ้มครองสิทธิ รวมจำนวน 1.5 แสนราย สามารถไกล่เกลี่ยและยุติเรื่องได้ครบ 100% ทำให้มูลหนี้ลดลง 1.2 พันล้านบาท รวมระยะดำเนินการ 109 วัน


ในส่วนของหนี้ในระบบ อย่างกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ (กยศ.)ที่มีจำนวนลูกหนี้ประมาณ 3.6 ล้านคน รัฐได้บังคับใช้กฎหมายใหม่ โดยลดเบี้ยปรับจาก 18% เป็น 0.5% ต่อปี รวมทั้งมีการปรับลำดับการตัดเงินต้น ยุติการฟ้องร้องบังคับคดี ปรับโครงสร้างหนี้ โดย กยศ.ได้คำนวณยอดหนี้ใหม่ 3.65 ล้านบัญชี เสร็จแล้ว มีผู้กู้ 2.98 ล้านรายได้รับประโยชน์ ยอดหนี้ลดลง 56,326 ล้านบาท โดยลูกหนี้ตรวจสอบยอดหนี้ได้ที่หน้าเว็บไซต์ กยศ. ตั้งแต่ 1 ส.ค. 67 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ผู้กู้ยืมมียอดหนี้ที่ต้องชำระลดลง จำนวน 2.8 ล้านราย โดยผู้กู้ยืมที่มียอดชำระหนี้ครบถ้วนและสามารถปิดบัญชีได้ จำนวน 177,936 ราย และมีผู้จะได้รับเงินคืน จำนวน 177,917 ราย เป็นเงิน 2,104 ล้านบาท ทั้งนี้ สามารถหยุดหักเงินเดือนผ่านองค์กรนายจ้าง จำนวน 18,326 ราย

“นายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายต้องการให้ประชาชนหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ และผลรายงานการแก้ปัญหาหนี้ฯ ตัวเลขที่ออกมาต้องถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี รัฐบาลต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาล ซึ่งจะเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึงและจะแก้หนี้นอกระบบให้จบภายในรัฐบาลนี้ให้ได้” น.ส.เกณิกา กล่าว .314.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก