“อังคณา” ลงชิงรอง ปธ.วุฒิสภา ชี้ สว. ต้องอิสระจากการเมือง

รัฐสภา 23 มิ.ย.- “อังคณา” ระบุ เสนอตัวในฐานะคนธรรมดา ชิง รอง ปธ.วุฒิสภา ชี้ สว. ต้องอิสระจากการเมือง การรวมกลุ่มกันอาจปิดทาง สว.คนอื่น ขอร่วมจับตาเก้าอี้ ปธ.กมธ. คณะต่างๆ


นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา ว่า วันนี้คงได้รู้ และจากที่ดูรายชื่อที่ได้เสนอกันมา ก็จะมีกลุ่มที่เรียกว่า สว. สายสีน้ำเงิน ซึ่งก็เป็นข้าราชการบำนาญทั้งหมด ไม่ได้มีคนธรรมดาเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งตนคงมาในฐานะคนธรรมดา ที่เราเสนอตัวเข้าไป ว่ายินดีและเต็มใจที่จะทำหน้าที่นี้ แต่สุดท้ายคนที่เลือกก็คือวุฒิสมาชิกด้วยกัน ว่าเราจะได้ความไว้วางใจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งไม่ว่าจะได้รับเลือกหรือไม่ได้รับเลือก ก็คงทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ

ส่วนมองว่าผลการเลือกครั้งนี้จะเป็นการล็อกกันไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นางอังคณากล่าวว่า เรื่องตัวเลขน่าสนใจ ซึ่งจะได้เห็นว่าจะมีตัวเลขจำนวนเท่าไหร่ในการเลือกคนๆ หนึ่ง และส่วนตัวในฐานะที่เป็นกลุ่มอิสระ จะได้เห็นว่า เรามีคนที่สนับสนุนเราจริงๆ เท่าไหร่ ซึ่งวันนี้คงได้ทราบ


ส่วนจะเป็นการสะท้อนอำนาจต่างๆ อย่างไรนั้น นางอังคณา กล่าวว่า จริงๆ ก็ประมาณแบบนั้น แต่สิ่งที่อยากจะบอกว่าทุกคนที่เข้ามา ตามกฎหมายท่านก็เป็นอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิสระจากทางการเมือง อาจจะเคยทำงานเป็นเครือข่ายด้วยกันมาก่อน แต่การรวมตัวกันโดยที่ไม่มีความยืดหยุ่น ผ่อนปรน และไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามา ก็อาจจะแสดงให้เห็นถึงการปิดโอกาสในการมีส่วนร่วมของวุฒิสมาชิกท่านอื่น ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การเลือกประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะรวมถึงการเลือกประธานกรรมาธิการในคณะต่างๆ ด้วย ซึ่งก็มีความสำคัญ เพราะมีบทบาทในการเข้าไปตรวจสอบความเดือดร้อนของประชาชน อยากให้ทุกคนช่วยกันจับตามองด้วย

ขณะที่เสียง สว. พันธุ์ใหม่ค่อนข้างน้อย คาดหวังจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างไร นางอังคณา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวลตัวเลข ว่าน้อยหรือมาก แต่คาดหวังว่าเราอาจจะมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น แต่เสียงที่เป็นเสียงส่วนใหญ่จริงๆ คือเสียงของประชาชนนอกสภา ซึ่งต้องส่งเสียง และในฐานะของวุฒิสภาต้องรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่กฎหมายระบุว่า เป็นวุฒิสมาชิกเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย และทำหน้าที่เพื่อปกป้องประโยชน์ของประเทศและประชาชน

นางอังคณา กล่าวว่า ได้พูดคุยทักทายกับ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว. เกี่ยวกับสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเคยทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยกันและไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยกัน หลังจากนี้น่าจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน แม้ว่า พล.อ.เกรียงไกร อาจจะได้ขึ้นไปในตำแหน่งของประมุขของสภานิติบัญญัติ แต่คงมีแนวทางในการประสานความร่วมมือเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานต่อไป.-315 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก