สว.สีสายน้ำเงิน เคาะชื่อ “บุญส่ง” ชิงรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2

กทม. 22 ก.ค. – สว.สีสายน้ำเงิน เคาะชื่อ “บุญส่ง” ชิงรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เหตุกันครหากินรวบวุฒิสภา-ยืมมือช่วย “มงคล-บิ๊กเกรียง” ทำงาน แต่ยังลุยต่อฮุบเรียบ ปธ.กมธ.ที่ตรงกับกระทรวง ภท.ดูแล-เกรดเอ


ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่ม สว.สายสีน้ำเงิน ที่เป็นกลุ่ม สว.เสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา มีจำนวนประมาณ 150 คน จาก สว. ทั้งหมด 200 คน ว่าในการเตรียมเลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา 23 ก.ค. นี้ เป็นที่แน่นอนแล้วว่า สว.สายสีน้ำเงิน จะเสนอชื่อนายมงคล สุระสัจจะ สว. ชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว.ชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และนายบุญส่ง น้อยโสภณ ชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 หลังจากการประชุมลับกันที่โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเรียกเฉพาะ สว. เข้าร่วมประชุมเท่านั้น ไม่ให้ผู้ติดตามหรือผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย โดยทางแกนนำตัดสินใจนาทีสุดท้ายแบ่งโควตารองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ให้นายบุญส่ง น้อยโสภณ สว.กลุ่มอิสระ จากเดิมที่จะยึดตำแหน่งประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา อีก 2 เก้าอี้ ไว้กับ สว.สายสีน้ำเงิน ทั้งหมด ในฐานะเสียงข้างมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุผลสำคัญในการแบ่งโควตารองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ให้ สว.กลุ่มอิสระ เพื่อลดแรงกดดันไม่ให้ สว.สายสีน้ำเงิน ถูกมองว่ากินรวบวุฒิสภา อีกทั้งนายบุญส่ง เป็นอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอดีตผู้พิพากษา มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และเคยทำงานเป็นที่ปรึกษานายศุภชัย สมเจริญ อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ในวุฒิสภาชุดที่แล้ว จึงมีความรู้เรื่องระบบวุฒิสภาอย่างดี ควรให้มาช่วยงานด้านกฎหมายและระบบวุฒิสภา ให้กับนายมงคล ที่จะถูกเสนอชื่อชิงประธานวุฒิสภา และ พล.อ.เกรียงไกร ที่จะถูกเสนอชื่อชิงรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ที่ยังไม่ชำนาญ และแม่นยำด้านกฎหมาย


ส่วนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำวุฒิสภา ที่มี 26 คณะในปัจจุบัน จะต้องลดจำนวน กมธ. ลง เพราะ สว.ชุดนี้มี 200 คน จากเดิมมี 250 คน เบื้องต้น สว.สายสีน้ำเงิน ได้จองโควตาประธาน กมธ. ให้ตรงกับที่พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลกระทรวงอยู่ อาทิ ประธาน กมธ.การศึกษา ประธาน กมธ.แรงงาน ประธาน กมธ.การปกครองท้องถิ่น ประธาน กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงจับจองโควตาประธาน กมธ.เกรดเอ ที่มีความสำคัญไว้ดูแลเอง อาทิ ประธาน กมธ.การตรวจสอบการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประธาน กมธ.การทหารและความมั่นคงของรัฐ ประธาน กมธ.การคมนาคม ประธาน กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ประธาน กมธ.เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม ประธาน กมธ.การเกษตร ประธาน กมธ.พลังงาน โดยในส่วนประธาน กมธ.ชุดต่างๆ นั้น ทาง สว.สายสีน้ำเงิน จะมีการแบ่งโควตาให้ สว.สายอื่นๆ ที่จะมีการเจรจากันต่อไป.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รับชันสูตรศพ “ผกก.โจ้” ยาก เหตุศพไม่อยู่สภาพเดิม

ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับชันสูตรศพ ผกก.โจ้ ยาก เพราะศพไม่อยู่ในสภาพเดิม ยันดูวงจรปิดไม่พบพิรุธ ยังยิ้มแย้มทักทายผู้ต้องขัง ยกมือไหว้ผู้คุม แต่พบเลือดหยดข้างศพ และแขนซ้ายมีรอยกัดของสัตว์ขนาดเล็ก

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหารช่วยเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหาร พร้อมกำลังพลจิตอาสากองทัพบก เข้าช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และอพยพผู้ป่วย จากเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ข่าวแนะนำ

สภาฯ หมื่นล้าน ‘ท่อน้ำฝ้าเพดาน’ แตก

สภาฯ หมื่นล้านแตกอีกแล้ว! รอบนี้ ‘ท่อน้ำฝ้าเพดาน’ แตก น้ำไหลเจิ่งนองลงมายังอาคารจอดรถชั้นใต้ดินบี 1 ระดมแม่บ้านทำความสะอาด-จัดระเบียบอำนวยความสะดวก จนท.รุดซ่อมแซม

รพ.รามาธิบดี แถลงบุคลากรบาดเจ็บ 1 คน เหตุเพลิงไหม้

รพ.รามาธิบดี แถลงเหตุเพลิงไหม้ ผู้ป่วยทุกคนปลอดภัย มีบุคลากร 1 คน บาดเจ็บสูดเขม่าควัน รักษาตัวอยู่ไอซียู คาดกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์ ด้านอุปนายกวิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเบื้องต้นอาคารยังอยู่ในสภาพปกติ ขณะที่ พฐ. คาดไฟฟ้าลัดวงจร

“บิ๊กอ๊อด” พร้อมสู้คดีในชั้นศาล ย้ำทุกอย่างทำเพื่อสมาคม-สโมสร

“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พร้อมสู้คดีในชั้นศาล หาก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ฟ้อง ย้ำทุกอย่างทำเพื่อสมาคมและสโมสร

ซ่อมรถบัสทิพย์

บุกจับ 7 จนท.กองกีฬาฯ จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์เสียหาย 2.7 ล้าน

ป.ป.ช. สนธิกำลังปฏิบัติการร่วม ปปท. และ ป.ป.ป. จับกุม 7 เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ เสียหายกว่า 2.8 ล้านบาท